ตอนที่ 2 : ภารกิจของการเกิดใหม่คือการหาเงิน
สิ่งที่หล่นลงมาน่าจะเป็นแผ่นเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง
เจียงฉินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และได้คำตอบที่เชื่อถือได้
จากนั้นเขาก็เจอกับคำถามสำคัญข้อแรก ทำไมฉันถึงได้เกิดใหม่?
คำตอบนั้นง่ายมากจริงๆ อาจเป็นเพราะความเสียใจของเขาทำให้สวรรค์อยากให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง
แล้วเจียงฉินรู้สึกเสียใจเรื่องอะไร?
ก็เพราะเขาไม่สามารถหาเงินได้
ดังนั้นเขาจึงกลับมาเกิดใหม่เพื่อหาเงิน และเรื่องความรัก เขาไม่อยากแม้แต่จะพูดถึงมันด้วยซ้ำ!
โดยเฉพาะการเป็นยางอะไหล่จะใช้พลังงานมากที่สุด หากคุณมีเวลาว่าง คุณก็เอาเวลาไปช่วยพ่อแม่ล้างถ้วยล้างจานจะดีกว่า
คนเราเมื่อตอนเป็นวัยรุ่นมักจะคิดนู่นคิดนี่ ฟุ้งซ่านไปหมด และการชื่มชมในสิ่งสวยงามก็เป็นเรื่องปกติ แต่คงเป็นเรื่องไร้สาระถ้าชายวัยเกือบสี่สิบจะเอาแต่คิดเรื่องหน้าอกกับต้นขาเมื่อเขาได้เกิดใหม่
เกิดใหม่อีกครั้งทั้งทีใครมันจะมัวไปสนใจเรื่องความรัก ในเมื่อมีเรื่องสำคัญให้ทำตั้งมากมาย!
เจียงฉินพับกระดาษที่เพิ่งเขียนเสร็จใส่ลงในกระเป๋า เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็ได้พบกับฉู่ซือฉีที่ยืนตะลึงอยู่กับที่ สายตาของเธอดูไม่อยากจะเชื่อ
“นั่นมันจดหมายรักที่นายเขียนถึงฉันนะ นาย… นายจะเอาคืนได้ยังไง?”
“เธอไม่เอาไม่ใช่เหรอ? งั้นก็อย่าทำให้มันเสียเปล่า เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนชื่อแล้วเอาไปให้คนอื่นต่อ”
ฉู่ซือฉีสำลักอยู่ครู่หนึ่ง เธอรีบเปลี่ยนคำอธิบายอย่างรวดเร็ว: “เจียงฉิน อันที่จริงไม่ใช่ว่านายไม่มีโอกาสเลย แค่ตอนนี้ฉันยังไม่อยากมีแฟน แต่ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยแล้วมันก็ไม่แน่เสมอไป ถ้าถึงตอนนั้นฉันจะพิจารณานายเป็นคนแรกเลย!”
เจียงฉินอดไม่ได้ที่จะมองดูเธอ ทันใดนั้นทั่วร่างเขาก็เกิดอาการขนลุกซู่ขึ้นมา
ถ้าเป็นเขาตอนสมัยก่อนล่ะก็ มันคงเป็นไปได้จริงๆ ที่จะมุ่งหน้าสู่เส้นทางแห่งความมืดมิดนี้ เพราะความหวังอันริบหรี่แบบนี้นี่แหละ
แต่ด้วยมุมมองในปัจจุบัน วิสัยทัศน์ของเขาเมื่อตอนยังเด็กนี่แย่จริงๆ
จะพิจารณาฉันเป็นคนแรกงั้นเหรอ? นี่มันคำพูดของคนจริงๆ ใช่ไหม?
“ที่ฉันพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แต่มีข้อแม้คือนายห้ามเขียนจดหมายรักถึงคนอื่น และนายไม่ได้รับอนุญาตให้ชอบคนอื่น ไม่อย่างนั้นนายจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป!”
“แต่ฉันคิดว่าไม่ได้ชอบเธอแล้วจริงๆ ฉันว่าเราแยกจากกันด้วยดีจะดีกว่า..นะ”
ฉู่ซือฉีเบิกตาโพลงเล็กน้อย ใจที่ภาคภูมิได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
ทำไมมันถึงเหมือนเพิ่งคบกันแล้วก็บอกเลิกเลยล่ะ แถมยังพูดเหมือนฉันเป็นฝ่ายถูกทิ้งอีกต่างหาก ทั้งที่ฉันดีกับนายมากและก็ให้กำลังใจว่าอย่ายอมแพ้ นี่มันอะไรกัน!
“เจียงฉิน นายรู้ไหมว่าความรักมันต้องได้รับการฝึกฝน นายทนต่อความพ่ายแพ้เล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วฉันจะพิจารณารับรักนายได้ยังไง ฉันยังไม่เห็นความมุ่งมั่นของนายเลย ว่าไหม?”
“ถ้างั้นเธอก็ไปฝึกมันกับคนอื่นเถอะ ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ” ตอนนี้เจียงฉินกำลังมุ่งเน้นไปที่การหาเงิน เขาไม่อยากเข้าไปพัวพันกับเรื่องไร้สาระมากเกินไป
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ฉู่ซือฉีก็ระเบิดทันที: “เจียงฉิน ไอ้คนเลว ฉันสาบานว่าจะไม่สนใจนายอีกต่อไป!”
“เดี๋ยวก่อน!”
ขณะที่ฉู่ซือฉีกำลังจะวิ่งหนีไปเจียงฉินก็หยุดเธอไว้กะทันหัน ใบหน้าเขาแสดงความกังวลใจผิดปกติ
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเขาฉู่ซือฉีก็รู้สึกมีความสุขเล็กน้อย และความภาคภูมิใจของหญิงสาวก็กลับมาปรากฏบนใบหน้าเธออีกครั้งทันที
เขายังคงกลัวว่าฉันจะไม่สนใจเขาสินะ คำว่าแยกจากกันด้วยดีก็คงจะเป็นเพียงคำพูดของคนปากแข็งเท่านั้น
“มีอะไร? จะพูดอะไรก็พูดมา แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนว่านายจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”
เจียงฉินยกกระเป๋าเครื่องเขียนในมือขึ้นแล้วมองดูราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดพวกนั้น: “เราอยู่ในช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยใช่ไหม เราสอบเสร็จหรือยัง หรือว่ากำลังสอบวิชาไหนอยู่?”
ฉู่ซือฉีชะงักไปเล็กน้อย: “การสอบจบลงแล้ว เราเพิ่งสอบวิชาสุดท้ายเสร็จเมื่อเช้า!”
“เยี่ยมมาก ถ้าให้สอบอีกครั้งฉันคงสอบไม่ผ่านโรงเรียนเทคนิคหลานเซียงด้วยซ้ำ”
ฉู่ซือฉีมองดูรอยยิ้มที่สดใสของเขา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย: “นาย… นายรั้งฉันไว้เพื่อถามเรื่องนี้งั้นเหรอ?”
เจียงฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ: “อีกเรื่อง สอบเสร็จแล้วหมายถึงวันหยุดใช่ไหม?”
“ไม่รู้ ไปถามคนอื่นเลยไป!”
ฉู่ซือฉีวิ่งกลับไปที่อาคารเรียนด้วยความโกรธ
พอถูกปฏิเสธก็เลยทำเป็นไม่สนใจ เป็นคนแบบไหนกัน คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะใจอ่อนงั้นเหรอ? ไม่รู้ว่าไปเรียนรู้เล่ห์เหลี่ยมนี้มาจากไหน แต่ในเมื่อกล้าเอามาใช้กับฉัน งั้นฉันก็จะไม่สนใจนายไปหนึ่งสัปดาห์ มาดูกันว่าใครจะเป็นฝ่ายรีบขอโทษก่อน!
เจียงฉินเก็บข้าวของและหันหลังกลับเพื่อเดินไปที่อาคารเรียน แต่ก่อนที่เขาจะเดินได้ไม่กี่ก้าว เขาก็ถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นที่เฝ้าดูอยู่
“ฉันบอกแล้วว่านายจะต้องล้มเหลวแน่นอน คิดว่าคนอย่างฉู่ซือฉีใครจะชอบก็ได้อย่างนั้นเหรอ? อวดดีเกินไปแล้ว!”
คนที่พูดคือฉินจื่ออัง คนรวยรุ่นสองซึ่งเป็นที่รู้จักในชั้นปีสามห้องสอง พ่อของเขาเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในท้องถิ่น
ชายคนนี้เคยตะโกนไปทั่วโรงอาหารของโรงเรียนว่าเขาจะเลี้ยงข้าวทุกคนเอง อวดดีสุดๆ
“เหล่าเจียง ไม่จำเป็นต้องรู้สึกเศร้า คนที่ฉู่ซือฉีปฏิเสธไปไม่ใช่ร้อยคนก็แปดสิบคน เดี๋ยวฉันเลี้ยงน้ำอัดลมเอง”
คนถัดมาที่พูดคือชายผิวดำร่างอ้วนตัวเล็กๆ สวมแว่นตา ซึ่งก็คือเพื่อนสนิทของเจียงฉินในโรงเรียนมัธยมปลาย ชื่อของเขาคือกัวจื่อหัง
เจียงฉินเพิกเฉยต่อคำเยาะเย้ยของฉินจื่ออัง แต่มองไปที่กัวจื่อหังด้วยความรู้สึกบางอย่าง พร้อมกับตบไหล่เขาเบาๆ
“เหล่ากัว ขาของนายยังอยู่ ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นนายลุกขึ้นยืน”
“?????”
หลังจากเก็บข้าวของและออกจากโรงเรียนแล้ว เจียงฉินก็ขี่จักรยานไปทางใต้
บอกตามตรงว่าร่างกายวัยรุ่นนี่ดีจริงๆ ไม่ปวดไม่เมื่อย ใครเคยใช้ต่างก็รู้ดี
ถ้าเป็นก่อนที่เขาจะได้เกิดใหม่ ไม่ต้องพูดถึงการขี่จักรยานเลย แค่เดินไม่กี่ก้าวเขาก็รู้สึกหายใจติดขัดแล้ว
ตอนนี้มันต่างออกไป ด้วยร่างกายแบบนี้ ถ้าเอาไปทำงานที่โรงงานขันสกรูก็คงขันบ้านได้ทั้งหลังเลย
เขาปั่นจักรยานเร็วขึ้นเรื่อยๆ มองดูป้ายสโลแกนต้อนรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกบนท้องถนนพร้อมกับเพลิดเพลินกับร่างกายที่อ่อนเยาว์นี้อย่างเต็มที่
โอ้โห ผมของฉันปลิวไสวไปตามสายลมด้วย ความรู้สึกนี้ไม่ได้ลิ้มรสมานานแล้ว!
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็มาถึงชุมชนที่พลุกพล่านทางตอนเหนือของเมือง
ตึกละแวกนี้ดูมืดครึ้ม เปื้อนคราบราวกับมีเชื้อราขึ้น ผนังหลุดลอกเป็นดวงๆ เหมือนคนเป็นโรคผิวหนัง ทางเข้าชุมชนไม่มีแม้แต่ประตูที่ดูเป็นทางการ มีเพียงแบริเออร์กั้นไม่ให้รถยนต์เข้าเท่านั้น สิ่งแรกที่เห็นเมื่อมองเข้าไปไม่ใช่ประตูห้อง แต่เป็นห้องโล่งๆ ที่สร้างขึ้นเองอย่างไม่เป็นระเบียบ
ถ้าจำไม่ผิดนี่น่าจะเป็นชุมชนแรกในเขตเมืองเก่าที่ถูกรื้อถอน เดือนกรกฎาคมจะส่งหนังสือแจ้งการรื้อถอนอย่างเป็นทางการ และเพื่อเป็นการพิสูจน์ความมุ่งมั่นของโครงการรื้อถอนและปรับปรุงใหม่ ทางรัฐบาลจึงทำการจ่ายเงินชดเชยทั้งหมดให้ในเดือนตุลาคม
สามีของป้าสามเขาก็อาศัยอยู่ที่นี่ พอได้เงินมานิสัยของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป บุหรี่ก็ต้องสูบยี่ห้อจงหัว แถมยังอวดว่าจะซื้อรถเบนซ์มาขับอีก
แต่ทว่าต่อมารถเบนซ์ยังไม่ทันได้ขับลูกชายสองคนของเขาก็ทะเลาะกันซะก่อน ลูกคนเล็กต้องการเงินครึ่งหนึ่งเพื่อไปแต่งงาน ส่วนลูกคนโตก็ต้องการเงินครึ่งหนึ่งเพื่อไปแต่งงานเช่นกัน แต่เป็นภรรยาของคนอื่น
ในเวลานั้นทั้งสองคนทะเลาะกันอย่างรุนแรง คนน้องพูดกับคนพี่ว่า ‘แต่งภรรยามือสองไม่พอ ยังจะแบ่งสมบัติไปตั้งครึ่งหนึ่ง มันสมเหตุสมผลตรงไหน?’
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฝั่งคนพี่ก็มีน้ำโหทันที ‘ฉันแต่งงานกับคนที่อายุมากกว่าแล้วยังต้องดูแลคนที่อายุน้อยกว่าอีก มันไม่สมเหตุสมผลตรงไหน?’
อยากซื้อจัง..
เจียงฉินอดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหลเมื่อเขามองไปยังชุมชนเก่าแก่แห่งนี้
แต่ตอนนี้ติดปัญหาใหญ่คือเขาไม่มีเงินเลย
นักเรียนมัธยมปลายที่เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะมีเงินติดตัวอยู่เท่าไหร่? เงินซื้อไอติมน่ะพอมีแต่ให้ซื้อบ้านคงเป็นไปไม่ได้
เจียงฉินรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขารู้สึกอยู่เสมอว่ามีเหรียญเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนกลิ้งผ่านหน้าเขาไปและในที่สุดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เขาไม่มีความสามารถในการจัดหาเงินทุนเริ่มต้นได้ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นจึงมีสิ่งที่เขาทำได้น้อยมาก
การซื้อบ้านหรือที่ดินนั้นเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้ และการลงทุนในหุ้นก็ไม่มีเงินเพียงพอ
นี่คือข้อเสียของการไม่มีระบบ ข้อเสียคือ แม้ว่าคุณจะมีความคิดดีๆ มากมายอยู่ในใจ แต่ก็ยากที่จะเริ่มก้าวแรกโดยไม่มีเงิน
หรือว่าฉันจะเกิดใหม่ปลอม?
ทันใดนั้นเจียงฉินก็เห็นรถบัสวิ่งมาจอดอยู่ริมถนนตรงหน้าเขา จากนั้นฉู่ซือฉีก็ก้าวลงมาจากรถ ชุดลายลูกไม้ของเธอพลิ้วไหวไปตามสายลม
เธอเห็นเจียงฉินทันทีที่เธอลงจากรถ ตอนแรกสีหน้าของเธอดูประหลาดใจ แต่จากนั้นเธอก็ฮัมเพลงพร้อมเงยหน้าขึ้นราวกับว่าเธอกำลังรออะไรบางอย่าง
แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือเจียงฉินเพียงแค่พยักหน้าอย่างสุภาพ เหลือบมองชุมชนที่อยู่ตรงข้ามอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็ขี่จักรยานจากไปตามทาง
สายลมบางเบาพัดชายกระโปรงเธอพลิ้วไหวเล็กน้อย ใต้ป้ายรถเมล์เหลือเพียงความตกใจและความสับสนไม่รู้จบ
(จบตอน)