ตอนที่ 198 อัปเกรดอาวุธ
ตอนที่ 198 อัปเกรดอาวุธ
“คุณหลี่ ได้รับข่าวมาว่า หน่วยการเมืองตรวจพบแหล่งกบดานของผู้ก่อการร้ายและวางแผนเข้าจู่โจม แต่กลับตกหลุมพรางและพ่ายแพ้ยับเยิน มีตำรวจเสียชีวิตถึงยี่สิบสองนายโดยไม่มีผู้รอดชีวิตเลย ตอนนี้ผู้ว่าราชการโกรธมากและสั่งให้กองตำรวจคลี่คลายคดีนี้ให้ได้ภายในสัปดาห์เดียว” ครูฝึกหูรายงานอย่างตกใจหลังรับสาย
“ตายยี่สิบกว่าคนเลย? หน่วยการเมืองนี่มันพวกไร้ประโยชน์จริง ๆ!” หลี่เซียนอิงกล่าวด้วยความเดือดดาล
คนในห้องต่างก็รู้สึกโกรธแค้น ผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ไม่ใช่แค่กำลังท้าทายหน่วยการเมืองเท่านั้น แต่ยังดูถูกตำรวจทั้งเกาะฮ่องกงอย่างรุนแรง
“พวกผู้ก่อการร้ายพวกนี้เป็นใครกัน แกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?” หลี่เอ้อร์ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า “ครูฝึกหู ติดต่อหัวหน้าคดีของหน่วยการเมือง บอกพวกเขาว่าเราต้องการข้อมูลรายละเอียดของภารกิจนี้ทั้งหมด โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะถอนตัวจากภารกิจ”
ครูฝึกหูนิ่งไปชั่วครู่ การถอนตัวในเวลานี้ย่อมทำให้หลี่เอ้อร์ตกเป็นเป้าถูกตำหนิอย่างแน่นอน และอาจถึงขั้นถูกลงโทษ
“คุณหลี่คะ ตอนนี้หน่วยการเมืองกำลังโมโห การไปขอข้อมูลกับพวกเขาคงยากที่จะได้รับ” ครูฝึกหูเตือนด้วยความกังวล “หรือคุณจะลองติดต่อหัวหน้าตำรวจดูล่ะคะ?”
หลี่เอ้อร์ยิ้มขมขื่น เพราะชีวิตนั้นสำคัญกว่าการโดนตำหนิหรือถูกลงโทษ ผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้แข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง จนเขาเกรงว่าภารกิจนี้อาจหนีไม่พ้นการเผชิญหน้าดุเดือดในโรงเรียนนานาชาติอาดัม สมิธ
“เอามือถือมาให้ผม!” หลี่เอ้อร์โทรหาหวังปิ่งเหยา หัวหน้าตำรวจ เขารู้ว่าหากถึงยามคับขันจริง ๆ คนที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ย่อมต้องเป็นเขา
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลินไห่อิงก็นำเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้มาให้ตามที่ต้องการ
แท้จริงแล้วกลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้เป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวไอริชที่ลักลอบเข้ามาในฮ่องกงเพื่อต่อรองให้รัฐบาลอังกฤษปล่อยตัวหัวหน้าของพวกเขาที่ถูกจับในลอนดอน
“พวกผู้ก่อการร้ายพวกนี้คิดอะไรของพวกเขา อังกฤษจับหัวหน้าพวกเขาแล้วพวกเขาก็ควรไปแก้แค้นที่อังกฤษสิ มาอาละวาดที่ฮ่องกงนี่มีประโยชน์อะไร?” หม่าจวินบ่นอย่างโกรธเคือง
หลี่เอ้อร์พยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าเป็นผู้ก่อการร้าย ก็อย่าคิดว่าความคิดจะมีเหตุผลไปมากกว่านี้เลย”
“นักเรียนของโรงเรียนนานาชาติอาดัม สมิธ ไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่เป็นลูกหลานนักการทูตและลูกเศรษฐีระดับสูง หากผู้ก่อการร้ายจับเด็กพวกนี้เป็นตัวประกัน คงสร้างความโกลาหลไปทั้งฮ่องกง และอาจทำให้รัฐบาลต้องยอมทำตามข้อเรียกร้องของพวกมันจริง ๆ” ครูฝึกหูวิเคราะห์
“ร้ายแรงขนาดนั้นเชียว?” เฉินหย่าหลุนอุทานด้วยความตกใจ
“ใช่แล้ว การปกครองฮ่องกงในปัจจุบันเป็นแบบที่ชนชั้นนำคอยบริหารจัดการ หากชนชั้นนำพวกนี้ถูกจับเป็นตัวประกัน ก็อาจส่งผลกระทบจนเกิดความวุ่นวายไปทั้งเกาะ” ครูฝึกหูกล่าวอย่างมั่นใจ
“แล้วคุณคิดว่าถ้าผู้ก่อการร้ายควบคุมโรงเรียนได้ ลอนดอนจะยอมเจรจาเพื่อปล่อยตัวพวกเขาหรือไม่?” หลี่เอ้อร์ถามด้วยความสนใจ
สีหน้าของครูฝึกหูซีดเผือด
“เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยตัว พวกเขาอาจยอมเจรจาเล็กน้อย แต่จะให้ลอนดอนยอมตามความต้องการของผู้ก่อการร้าย คงไม่มีทางเกิดขึ้น”
หลี่เอ้อร์หัวเราะเยาะ “เข้าใจแล้ว รักษาหน้าของอังกฤษสำคัญกว่าเด็กนักเรียนและครูในโรงเรียนตั้งพันกว่าคนเสียอีก”
“นั่นหมายความว่า หากพวกผู้ก่อการร้ายเข้ายึดโรงเรียนได้จริง ๆ นักเรียนที่ตกเป็นตัวประกันก็คงจะไม่มีใครช่วยชีวิตได้” หลี่เซียนอิงกล่าวด้วยสีหน้าเครียดไม่แพ้กัน
หม่าจวินถึงกับทุบโต๊ะ “ให้ตายเถอะ ผมบอกแล้วว่าอังกฤษไม่เคยเห็นค่าชีวิตคนฮ่องกง พวกเราเป็นเพียงเครื่องมือทำงานสกปรกแทนพวกเขาเท่านั้น”
“หุบปาก!” หลี่เอ้อร์ตวาด
“ไห่เกอ คุณไปที่สำนักงานผังเมืองหน่อย ผมต้องการแผนผังของโรงเรียนนานาชาติอาดัม สมิธ โดยเฉพาะโครงสร้างใต้ดิน” หลี่เอ้อร์หันไปสั่งหลินไห่อิง เขาจำได้ว่าตามเรื่องราวเดิมนั้น โรงเรียนนี้มีอุโมงค์ป้องกันอยู่เส้นหนึ่ง
หลินไห่อิงพยักหน้า “รับทราบครับ!”
“หัวหน้า ผู้ก่อการร้ายพวกนี้แข็งแกร่งขนาดทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยการเมืองเสียชีวิตถึงยี่สิบกว่าคน แบบนี้พวกมันต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คนและอาวุธที่รุนแรงแน่นอน เราน่าจะลองขออนุญาตอัปเกรดอาวุธชั่วคราวจากหัวหน้ากองนะครับ ปืนพกคงสู้กับอาวุธระดับกึ่งทหารไม่ได้ มีแต่ตายแน่นอน” หลินไห่อิง ซึ่งหวงชีวิตไม่น้อยไปกว่าหลี่เอ้อร์ กล่าวเตือนว่าพวกเขาอาจต้องสู้ด้วยกำลังที่ไม่เท่าเทียม
เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในทีมคดีใหญ่ต่างก็ยกมือเห็นด้วย
‘ชีวิตนั้นมีแค่ครั้งเดียว’ พวกเขาคิดพร้อมกันในใจ
หลี่เอ้อร์ขมวดคิ้ว “ปืนพกแน่นอนว่าสู้กับปืนกลไม่ได้ แต่เท่าที่รู้ อาวุธที่ร้ายแรงที่สุดที่เรามีตอนนี้ก็คือ Glock 17 นี้แหละ ยังดีที่พอจะขอลูกระเบิดเพิ่มได้บ้าง” คำตอบของเขาทำเอาทุกคนในทีมหนักใจไปตาม ๆ กัน
“แต่ถึงกองเราจะไม่มีของดี แต่ผมรู้นะว่าใครมี!” หลี่เอ้อร์ยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมหันไปทางครูฝึกหู
ครูฝึกหูเห็นหลี่เอ้อร์มองมาอย่างมีเลศนัยก็อดไม่ได้ที่จะรีบโบกมือปฏิเสธ “มองมาทำไมน่ะ คุณหาของดีมาไม่ได้ ฉันยิ่งไม่มีทางหาได้เลยสิ”
“เฮ้ อย่าพูดแบบนั้น ผมเชื่อมั่นในความสามารถของคุณมาโดยตลอดนะครับ มอบหมายงานสำคัญให้ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังใช่ไหม?” หลี่เอ้อร์หันไปพูดเสียงดังกับทีมงานทุกคน
“ใช่เลย!” หลี่เซียนอิงกับหม่าจวินรีบยกมือสนับสนุน แม้ว่าพวกเขายังไม่รู้ว่าเจ้านายคิดจะทำอะไรต่อไป
ครูฝึกหูเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าแผนของหลี่เอ้อร์คืออะไร เธอมองเขาด้วยสายตางุนงง ในขณะที่ไป่อันหนีแอบกลั้นหัวเราะ เธอเดาว่าอาจารย์ของเธอคงคิดแผนการอะไรแปลก ๆ ได้อีกแล้วแน่ ๆ
“หน่วยจู่โจมพิเศษของครูฝึกเจี้ยนต้องมีอาวุธหนักแน่นอนครับ ถ้าครูฝึกหูช่วยไปขอยืม อาวุธต้องมาแน่!” หลี่เอ้อร์ยิ้มไปพูดไป
ตั้งแต่ประโยคแรก ครูฝึกหูก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอรีบส่ายหน้า “ห้องคลังอาวุธของหน่วยจู่โจมพิเศษนั้นฉันจะไปเอามาได้ยังไง”
“ครูฝึกเจี้ยนเอามาให้ได้แน่” หลี่เอ้อร์ยิ้มพร้อมพูดขัดจังหวะ “แค่ครูฝึกหูใช้ความสวยเล็ก ๆ น้อย ๆ ครูฝึกเจี้ยนต้องยอมให้ทุกอย่างเลย”
ครูฝึกหูมองหลี่เอ้อร์อย่างเหนื่อยหน่าย ราวกับจะถามว่าเขาไม่รู้เลยหรือว่าเธอรำคาญครูฝึกเจี้ยนมากแค่ไหน
“ถ้าเราไม่ได้ยืมจากหน่วยจู่โจมพิเศษ ผมรู้ว่ามีอีกคนที่จะช่วยได้” หลี่เอ้อร์ยิ้มพูดต่อ
“ใคร?” ครูฝึกหูรีบถามขึ้นมา เพราะเธอเองก็ไม่อยากยุ่งกับครูฝึกเจี้ยนเช่นกัน
“ผู้บัญชาการทีมตำรวจพิเศษ คุณเฉินต้าหัวไงล่ะ” หลี่เอ้อร์ยิ้มพร้อมขยิบตา
ครูฝึกหูพิจารณาครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ได้เลย เรื่องอาวุธไว้เป็นหน้าที่ของฉันเอง”
เจ้าหน้าที่ทีมคดีใหญ่ที่เหลือก็พากันประหลาดใจที่รู้ว่าครูฝึกหูมีคอนเนกชันกว้างขวางขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เธอสามารถขึ้นเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของหลี่เอ้อร์ได้
“ผมต้องการเสื้อเกราะกันกระสุนหนักแบบระดับหน่วยเก็บกู้ระเบิดนะครับ หนักแค่ไหนผมไม่กลัว” หลี่เอ้อร์พูดทันที “ส่วนอาวุธ ขอเป็นปืนกล MP5 แบบเดียวกับที่หน่วยจู่โจมพิเศษใช้”
หลี่เอ้อร์เลือกของที่ดีที่สุด ทั่งป้องกันสุดแกร่งและอาวุธที่ทรงพลังที่สุด
ครูฝึกหูได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาอย่างแรง “หลี่เอ้อร์ ฉันต้องไปถามก่อนนะว่าจะยืมได้ไหม”
หม่าจวินที่กำลังจะขอปืน AK-47 พอได้ยินคำพูดของครูฝึกหู เขาก็รีบหุบปากทันที
“พวกเราทุกคนเชื่อมั่นในตัวครูฝึกหู ขนาดนี้สำหรับครูฝึกก็แค่เรื่องเล็กน้อย” หลี่เอ้อร์หัวเราะเยาะเย้ย
ครูฝึกหูถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่จ้องหลี่เอ้อร์อย่างเหนื่อยหน่าย