ตอนที่ 10 : วิธีสร้างเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ในยามเช้า แสงแดดจากด้านนอกหน้าต่างส่องเอียงเข้ามาตกกระทบที่หัวเตียง
เจียงฉินลืมตาขึ้นทันที เปิดประตูแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำ หลังจากนั่งยองๆ อยู่ในห้องน้ำเป็นเวลาสามนาทีเขาก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยความงุนงง สายตาดูสับสนอย่างสิ้นเชิง
ให้ตายเถอะ ฉันลืมไปว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ ปัญหาท้องเสียเมื่อตอนตื่นนอนก็หมดไปนานแล้ว
แต่หลังจากที่ลุกออกมาเขาก็ไม่มีเหตุผลให้กับไปนอนต่อ
เจียงฉินล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วแขวนผ้าขนหนูให้เรียบร้อย จากนั้นลงไปที่ห้องเก็บของด้านล่าง เข็นจักรยานออกมาแล้วปั่นไปยังห้องสมุดเมืองจี้โจว
เมื่อเขามาถึงชั้นสองของห้องสมุด เขาก็เห็นเฟิงหนานซูทันที
วันนี้เธอสวมกระโปรงลายสก็อตสีดำ ผมของเธอยาวสลวยห้อยลงมาจนถึงเอว ดวงตากลมโตใสกระจ่าง เธอกำลังเขย่งปลายเท้าค้นหาหนังสือบนชั้นหนังสือ ท่าทางแบบนี้ทำให้เอวบางๆ ของเธอแลดูเรียวยาว ตัวโน้มไปด้านหน้าเล็กน้อย เผยให้เห็นรูปร่างที่สวยงามสมส่วน
“เธอหาเล่มไหนอยู่?”
“ฉันอยากอ่านหนังสือเล่มนั้น”
เฟิงหนานซูหันไปมองเขาแล้วชี้ไปที่แถวบนด้วยนิ้วเรียวยาวของเธอ
เจียงฉินเดินไปช่วยเธอหยิบหนังสือขึ้นมาแล้วยื่นให้ จากนั้นทั้งสองก็กลับไปที่มุมประจำและนั่งในท่าที่คุ้นเคย
หลังจากนั้นเฟิงหนานซูก็เปิดกระเป๋าหนังใบเล็กของเธอ หยิบบัตรธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ของจีนออกมา ตบมันลงตรงหน้าเขา
“นี่ของนาย!”
พูดตามตรง เจียงฉินเองก็รู้สึกเขินอายนิดหน่อย
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลุงอายุสามสิบแปดปีจะรู้สึกเขินอายเมื่อต้องขอยืมเงินจากเด็กสาวอายุสิบแปดปี
นอกจากนี้ สิ่งแรกที่เฟิงหนานซูทำเมื่อเธอนั่งลงคือการหยิบบัตรใบนี้ออกมาโดยไม่รอให้เขาถาม ซึ่งหมายความว่าเธอคำนึงถึงเรื่องนี้เสมอ
เรื่องนี้ทำให้รู้สึกซาบซึ้งใจไม่มากก็น้อย
เจียงฉินหยิบบัตรธนาคารขึ้นมาแล้วคีบมันด้วยปลายนิ้วของเขา มันยังให้ความรู้สึกเหลือเชื่ออยู่เล็กน้อย
การยืมเงินมันง่ายดายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เขายังคงจำได้ดีตอนที่ต้องรับผิดชอบแทนคนอื่นและถูกไล่ออกในปี 2016 ตอนนั้นเขาต้องวิ่งยืมเงินจากทั่วทุกสารทิศเพื่อมาจ่ายค่าเช่า ได้รับสายตาเหยียดหยามมากมาย แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นกลายเป็นปมในใจ แต่ประสบการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกแย่มากอย่างไม่ต้องสงสัย
“ขอบคุณนะ”
“ด้วยความยินดี”
“เอ่อ...รหัสผ่านอะไรเหรอ?”
“แปดหกตัว”
รหัสผ่านบัตรธนาคารของคนรวยนั้นช่างเรียบง่ายและไม่ซับซ้อนจริงๆ เจียงฉินใส่บัตรลงในกระเป๋าแล้วตบเบาๆ สองครั้ง เขารู้สึกโล่งใจเมื่อสัมผัสได้ถึงเค้าโครงของบัตรผ่านกระเป๋าของเขา
เดิมทีเขาต้องการถามว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่ แต่เขาลังเลและเขินอายเกินกว่าจะถามเพราะเขารู้สึกเสมอว่าการถามแบบนี้เป็นการไม่สุภาพเล็กน้อยและดูมีจุดประสงค์เกินไป
ช่างมันเถอะ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น
อย่างไรก็ตาม เงินที่เก็บไว้ในบัตรใบนี้น่าจะเป็นเงินอั่งเปาของคุณหนูหรือไม่ก็ค่าขนม มากสุดก็คงประมาณแปดหมื่นถึงเก้าหมื่นหยวนหรืออาจจะไม่ถึงก็ได้
เขาวางแผนที่จะนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนสักหนึ่งเดือนเพื่อดูว่าจะเพิ่มมันเป็นสองเท่าได้ไหม จากนั้นจึงค่อยไปซื้อบ้านสภาพเก่าในเขตเมืองที่พลุกพล่านเพื่อหวังจะได้ค่าเวนคืนที่ดิน
จากนั้นก็คืนเงินให้เฟิงหนานซู แล้วดูว่าเหลือเท่าไหร่ก่อนเริ่มแผนธุรกิจจริงจัง
“เธอไปทำบัตรธนาคารตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?”
“มันไม่ใช่ของฉัน” เฟิงหนานซูพูดอย่างใจเย็น
เดิมทีเจียงฉินถามแบบสบายๆ แต่เมื่อได้ยินคำตอบเขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้าง: “บัตรใบนี้ไม่ใช่ของเธอ แล้วมันเป็นของใคร?”
เฟิงหนานซูเงยหน้าขึ้น แววตาของเธอกระจ่างใส: “มันเป็นของพ่อฉัน”
“เธอเอาเงินของพ่อมาให้ฉันยืมงั้นเหรอ?”
“ใช่… ไม่ได้เหรอ?”
ท่าทางของเฟิงหนานซูดูสับสนเล็กน้อย ราวกับเธอไม่รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นเธอจึงได้เอ่ยถามกับเจียงฉิน
เจียงฉินถูกทำให้อึ้งจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ
ต้องมีความสัมพันธ์แบบไหนฝ่ายเด็กสาวถึงได้ยอมเอาเงินของพ่อมาให้ตัวเอง?
ประเด็นสำคัญคือเขาและเฟิงหนานซูไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนเดียวกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ถึงแม้ว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเขาจะกินขนมและอ่านหนังสือด้วยกัน แต่ก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย เงินที่ได้มานี้รู้สึกจะร้อนๆ มือนิดหน่อยแล้ว
เจียงฉินลังเลอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็หยิบบัตรออกจากกระเป๋าอย่างไม่เต็มใจและส่งคืนให้เฟิงหนานซู
เขาขาดแคลนเงินจริงๆ เพราะถ้าไม่มีเงินเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ถึงกับต้องชักชวนเด็กสาวที่ไม่ค่อยรู้จักโลกให้ขโมยเงินที่บ้านมาเลยเหรอ? นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?
“นายไม่อยากยืมแล้วเหรอ?” เฟิงหนานซูสับสนเล็กน้อย
“ฉันกลัวว่าเธอจะโดดดุตอนกลับไปถึงบ้าน เพราะงั้นช่างมันเถอะ”
เฟิงหนานซูส่ายหัวอย่างไร้อารมณ์: “ไม่หรอก พ่อของฉันมีบัตรแบบนี้เยอะมาก แม้แต่ฉันก็บอกไม่ได้ว่ามีบัตรหายไปใบหนึ่งหรือเปล่า”
เจียงฉินยังคงโบกมือ: “ถ้าเป็นเงินของเธอ ฉันจะยืมมัน แต่การเอาไปโดยไม่ขอถือเป็นการขโมย”
“นายจะจ่ายคืนไหม?”
“แน่นอน ฉันจะคืนมัน”
“ถ้านายจ่ายคืน นายก็แค่ยืมมัน” เฟิงหนานซูพูดด้วยความมั่นใจ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เจียงฉินก็ลังเลอีกครั้ง
ในขณะนี้เองเขารู้สึกเหมือนกับว่ามีคนตัวเล็กๆ ยืนอยู่บนไหล่ซ้าย คอยกระตุ้นให้ยอมรับมัน โดยบอกว่าตราบใดที่เขาหาเงินมาคืนก่อนที่จะถูกพบมันก็ไม่มีปัญหาอะไร ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้จะหนีไปพร้อมกับเงินอยู่แล้ว
เจียงฉินนะเจียงฉิน นายลืมไปแล้วหรือไงว่าทำไมในชีวิตก่อนหน้านายถึงได้เสียใจขนาดนั้น กฎของโลกก็เป็นเช่นนี้: จุกตายนั้นกล้าหาญ หิวตายนั้นขี้ขลาด
นอกจากนี้การยืมเงินไม่ใช่การขโมยเงิน อย่างน้อยก็ถูกต้องตามกฎหมายและไม่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานทางศีลธรรมของตัวเอง
เจียงฉินโน้มน้าวตนเองจนสำเร็จ เขาหยิบบัตรขึ้นมาอีกครั้งและพาเฟิงหนานซูไปที่ธนาคาร
เนื่องจากเฟิงหนานซูไม่รู้ว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่ เธอจึงสับสนมาก แต่เจียงฉินรู้สึกว่าเนื่องจากเธอเป็นเจ้าหนี้ จึงจำเป็นต้องรู้จำนวนเงินที่เฉพาะเจาะจง
แล้วก็อีกอย่าง ผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่?
เธอไม่กลัวว่าเขาจะโกหกเธอหรือไง มีหนึ่งแสนเขาอาจจะบอกว่ามีห้าหมื่น มีห้าหมื่นเขาก็อาจจะบอกว่ามีสามหมื่น เอาเงินจำนวนที่ปิดบังไว้ออกไปทั้งหมด เธอจะไม่ร้องไห้ฟูมฟายจนไม่เหลือน้ำตาเลยเหรอ?
เจียงฉินยืนอยู่หน้าตู้กดเงิน ใส่บัตร เลือกสอบถามยอดคงเหลือ และทันใดนั้นลมหายใจก็กลายเป็นติดขัด
พวกคนรวยนี่ไม่ถือว่าเงินเป็นเงินจริงๆ ใช่ไหม
มีเงินมากกว่าหกล้านหยวนอยู่ในบัตรธนาคารใบเดียว แถมรหัสผ่านก็ยังเป็นแปดหกตัว ถ้าเกิดทำหายขึ้นมาจะไม่เสียเงินไปจำนวนมากหรอกเหรอ?
ในเวลานี้เฟิงหนานซูก็ดูที่หน้าจอด้วยสีหน้าเย็นชาราวกับว่าเธอไม่แปลกใจมากนัก มันให้ความรู้สึกเหมือนเงินเป็นเพียงตัวเลขสำหรับเธอ
หลังจากกลับจากธนาคารเจียงฉินก็นั่งเงียบๆ อยู่ที่โต๊ะของเขา และมักจะรู้สึกว่าประสบการณ์ในวันนี้ไร้สาระมากกว่าการเกิดใหม่ของเขาซะอีก
เธอหวังอะไรจากฉันกันแน่? หรือเธอจะรู้ว่าฉันได้กลับมาเกิดใหม่?
ในขณะนี้เอง เฟิงหนานซูวางหนังสือในมือลงทันที ดวงตาใสแจ๋วของเธอมองมาที่เขาราวกับว่ามีอะไรจะพูด
เจียงฉินค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา: “มีอะไรงั้นเหรอ?”
“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนาย หวังว่านายจะไม่ปฏิเสธนะ” เฟิงหนานซูแสดงสีหน้าจริงจัง
“...”
เจียงฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร
แต่แล้วเขาก็เห็นชื่อหนังสือที่เขาช่วยเฟิงหนานซูหยิบมันออกมา — [วิธีสร้างเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ]
จิตใจของเจียงฉินเหมือนจะชะงักไปชั่วขณะ เขามองไปที่เฟิงหนานซูซึ่งดูกังวลเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือตบหน้าผาก รู้สึกว่าสถานการณ์ชัดเจนขึ้นมาในทันที
ไอ้เวรตัวไหนปล่อยข่าวลือว่าเธอเย็นชา?
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้แค่ซื่อบื้อและกลัวสังคมสุดๆ!
“อันที่จริง…เราเป็นเพื่อนกันแล้ว”
“แล้วเมื่อไหร่จะพาฉันไปเที่ยวล่ะ”
“...”
(จบตอน)