ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 50 ภัยร้ายในตำหนักน้ำแข็ง
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 50 ภัยร้ายในตำหนักน้ำแข็ง
ในชั่วขณะที่ประตูทั้งสี่ของตำหนักน้ำแข็งถูกพังทลายลง
วิญญาณพยาบาทมากมายนับไม่ถ้วนก็พุ่งทะลักออกมา ทุกตนต่างถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทา ใบหน้าดุร้าย ราวกับผีร้ายที่ต้องการกัดกินผู้คน!
ปราณอาฆาตท่วมท้น!
“ภายในตำหนักน้ำแข็งนี้ คงจะไม่ได้ผนึกสิ่งชั่วร้ายเอาไว้กระมัง? เหตุใดวิญญาณพยาบาทเหล่านี้ถึงมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งเช่นนี้” ฉินชิงชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถามขึ้น
วิญญาณพยาบาททุกตนต่างสวมชุดเก่าแก่ มีทั้งชายและหญิง คนชราและเด็ก แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือใบหน้าที่ดุร้ายของพวกมัน กำลังพุ่งทะยานไปยังสี่ทิศแปดทาง
ลวดลายค่ายกลห้ามเหาะเหิน ณ ที่แห่งนี้ ไร้ผลต่อพวกมันโดยสิ้นเชิง
เมื่อสังเกตเห็นความแปลกประหลาดนี้ กู้ฉางเซิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ พร้อมสะบัดมือ
ปราณกระบี่อันยิ่งใหญ่พุ่งทะลักออกไป สังหารวิญญาณพยาบาทที่อยู่เบื้องหน้าให้แตกสลาย!
แต่วิญญาณพยาบาท ณ ที่แห่งนี้มีมากมายนับไม่ถ้วน พวกมันพุ่งทะลักออกมาจากสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง มุ่งหน้าไปยังสี่ทิศแปดทาง หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่รู้จักความตาย พุ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งสอง ถูกสังหารอย่างง่ายดาย
“หากเป็นผู้บำเพ็ญคนอื่น คงต้องพบเจอกับหายนะอย่างแน่นอน มิเพียงแต่คลื่นสัตว์ทมิฬเท่านั้น แต่ยังคงมีวิญญาณพยาบาทเหล่านี้อีก......” ฉินชิงชิงกล่าวพึมพำ นางรู้สึกละอายใจเล็กน้อย
เพราะผู้ที่ปลดปล่อยวิญญาณพยาบาทเหล่านี้ออกมา ก็มีนางอยู่ด้วย
กู้ฉางเซิงได้ยินเช่นนั้น มิได้สนใจ กล่าวว่า “อย่างไรเสียก็เป็นการฝึกฝน การสังหารคลื่นสัตว์ทมิฬก็คือการสังหาร การสังหารวิญญาณพยาบาทเหล่านี้ก็คือการสังหาร มิได้แตกต่างกัน”
ฉินชิงชิงพยักหน้า จากนั้นก็มองดูเขา เอ่ยถามว่า “สิ่งที่เจ้ากล่าวดูเหมือนจะมีเหตุผล...... แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าน่าจะกำลังหาข้ออ้าง”
กู้ฉางเซิงไม่สนใจนาง เขามุ่งหน้าไปยังตำหนักน้ำแข็ง ปราณปฐมโกลาหลรอบกายหมุนวน ราวกับทะเลเพลิงปฐมโกลาหล
วิญญาณพยาบาทที่พบเจอตลอดเส้นทางต่างก็แตกสลาย ราวกับหิมะที่พบเจอกับแสงอาทิตย์ ละลายหายไปในทันที
“ฮึ่ม......”
ฉินชิงชิงแค่นเสียง จากนั้นก็รีบติดตามไป
ภายในตำหนักน้ำแข็ง
กลิ่นอายยิ่งเย็นยะเยือก
เมื่อเดินทางลึกเข้าไป ภายในก็ยิ่งมืดมิด
แตกต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิง
ภายในอากาศมีกลิ่นอายเย็นยะเยือก กระดูกเย็นจนแทบจะแข็ง ราวกับว่าจะแช่แข็งดวงวิญญาณให้แตกสลาย
แต่หลังจากวิญญาณพยาบาทถูกปลดปล่อยออกไป เสียงร้องโหยหวนและร้องไห้ก็หายไป
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ที่แห่งนี้ก็ยิ่งดูเงียบสงัดและน่ากลัว
“รอบข้างมืดมิดยิ่งนัก กู้ฉางเซิง เจ้าเดินช้าลงหน่อย เจ้าไม่รอข้าบ้างหรือ?” ฉินชิงชิงตะโกนขึ้นจากด้านหลัง
กู้ฉางเซิงไม่สนใจเสียงของนาง ปลดปล่อยจิตเทวะออกไปสำรวจรอบข้าง
ภายในสายตา เห็นเพียงเสาโถงตำหนักที่พังทลาย ราวกับว่าเคยเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น ณ ที่แห่งนี้ อาวุธวิญญาณมากมายแตกสลาย ผุพังอยู่โดยรอบ
“กู้ฉางเซิง รอบข้างไม่มีสิ่งใด เหตุใดพวกเราต้องมาที่นี่” ฉินชิงชิงกล่าวถาม
“แน่นอนว่าเป็นการหาทางออก” กู้ฉางเซิงกล่าว จากนั้นก็ก้มลง หยิบเศษยุทธภัณฑ์ที่แตกสลายขึ้นมา
บนนั้นยังคงมีขนสีแดงเลือดติดอยู่เล็กน้อย
ทันใดนั้น กลิ่นอายเย็นยะเยือกก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังพวกเขาทั้งสอง ราวกับว่าในความมืดมิด มีดวงตาที่มองไม่เห็น กำลังจ้องมองพวกเขา
ฉินชิงชิงมีสีหน้าซีดเผือด รู้สึกขนลุก
ใครจะรู้ว่า ณ ที่แห่งนี้ที่ไม่มีผู้ใดเดินทางมายาวนานหลายแสนปี จะมีสิ่งใดปรากฏขึ้น
“อย่าหันหลังกลับไป” เสียงที่สงบนิ่งของกู้ฉางเซิงดังขึ้นข้างหูนาง
พวกเขาถูกจ้องมอง
“ฮี่ ฮี่ ฮี่......”
เสียงหัวเราะต่ำดังขึ้น กู้ฉางเซิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ร่างกายของเขาหายตัวไป ถอยหลังอย่างรวดเร็ว
มือสีขาวซีดปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ณ ตำแหน่งที่เขายืนอยู่เมื่อครู่
หากเขาช้าไปเพียงเล็กน้อย ก็คงต้องถูกทะลวงผ่านหน้าอก
“นี่คือสิ่งใด?” ฉินชิงชิงรีบวิ่งไปยังข้างกายของกู้ฉางเซิง เอ่ยถามขึ้น ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ เบื้องหลังเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
“ข้าก็ไม่รู้ อาจจะเป็นวิญญาณของอริยะบุคคล แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าไม่ใช่” กู้ฉางเซิงกล่าวอย่างจริงจัง
เมื่อครู่นี้ ภายในใจของเขาปรากฏความรู้สึกหวาดกลัว หากไม่เช่นนั้น คงไม่สามารถหลบหนีจากการโจมตีนั้นได้
แม้แต่กายเนื้อของเขาในตอนนี้ก็ยังคงอันตราย!
ณ ตำแหน่งที่กู้ฉางเซิงยืนอยู่เมื่อครู่
ตามมือสีขาวซีดที่ยื่นออกมาจากความมืดมิด เงาร่างที่เลือนรางก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้น
เขามีมงกุฎห้าสีสวมอยู่บนศีรษะ สวมชุดคลุมยาวสีม่วงทอง รอบ ๆ ประดับประดาด้วยลวดลายที่ดูแปลกตาและเก่าแก่ แต่ดวงตาทั้งสองข้างว่างเปล่า จ้องมองไปยังเบื้องหน้า เท้าไม่แตะพื้นดิน น่ากลัวยิ่งนัก
สิ่งที่ทำให้ผู้คนขนลุกมากที่สุด ก็คือร่างกายของเขามีขนสีแดงเลือดปกคลุมอยู่
“ดูเหมือนกับศพชั่วที่บันทึกเอาไว้ในตำราโบราณ......” ฉินชิงชิงแอบมองอยู่ด้านหลังกู้ฉางเซิง กล่าวอย่างไม่แน่ใจ
ในยุคโบราณ ลัทธิเต๋าเคยใช้วิธีการสังหารศพสามส่วนเพื่อบรรลุถึงระดับอริยะ
ใช้ร่างกายของกึ่งอริยะสังหารศพสามส่วน ศพดี ศพชั่ว และศพเชาว์ปัญญา
แท้จริงแล้ว ศพสามส่วนนี้คือหนอนศพสามส่วน
หนอนศพบนมีนามว่า เผิงโหว อยู่ภายในศีรษะ ทำให้ผู้คนโง่เขลา เบาปัญญา
หนอนศพกลางมีนามว่า เผิงจื้อ อยู่ภายในหน้าอก ทำให้ผู้คนฟุ้งซ่าน ไม่อาจสงบนิ่งได้
หนอนศพล่างมีนามว่า เผิงเจี่ยว อยู่ภายในท้อง ทำให้ผู้คนโลภในกามารมณ์ อาหาร และสุรา
นี่คือวิธีการบำเพ็ญเพียรของลัทธิเต๋า แตกต่างจากวิธีการบำเพ็ญเพียรของโลกใบนี้
“หรือว่าอริยะสูงสุดทั่วเทียนต้องการใช้วิธีการสังหารศพสามส่วนเพื่อที่จะบรรลุถึงระดับมหาอริยะ?” กู้ฉางเซิงมองดูด้วยความครุ่นคิด
ทันใดนั้น
“อ๊าก!”
ฉินชิงชิงที่อยู่ด้านหลังร้องออกมา นางรีบกอดกู้ฉางเซิงเอาไว้
สัตว์ประหลาดตนนั้นไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังนางตั้งแต่เมื่อใด ฝ่ามือขนาดใหญ่กำลังพุ่งลงมา
ฝ่ามือนั้นราวกับว่าบรรจุพลังมิติเอาไว้ รอบข้างราวกับถูกปกคลุมด้วยโคลนตม ยากที่จะต่อต้าน
แม้แต่นางที่เป็นกายาสุญตา ก็ยังคงไม่สามารถหลบหนีได้
[TL: อริยะ ค่อนข้างจะเหมือนกันในหลายเรื่องนะครับ]