ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 49 หมื่นวิญญาณร่ำไห้
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 49 หมื่นวิญญาณร่ำไห้
เหล่าผู้บำเพ็ญมองดูสมาชิกตระกูลกู้มากมายเดินทางไปทั่วซากปรักหักพังอย่างเป็นระเบียบ มิได้สนใจว่ารอบข้างจะมีอาคมต้องห้าม หรือลวดลายค่ายกล ภายในใจก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉา
มีผู้บำเพ็ญคนหนึ่งคิดวิธีการอันชาญฉลาด เขาต้องการติดตามไป แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเดิน ศิษย์ตระกูลกู้เบื้องหน้าก็สะบัดฝ่ามือ ปลดปล่อยพลังอิทธิฤทธิ์มากมายเข้าโจมตี ทำให้เขากลายเป็นหมอกโลหิต!
สีหน้าของพวกเขายังคงสงบนิ่ง ราวกับว่ากำลังไล่แมลงวัน
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญหวาดกลัว ภายในใจพวกเขาจึงเข้าใจ นี่คือตระกูลอมตะ มิได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา พวกเขารีบถอยห่าง ไม่กล้าเข้าใกล้
“ซากปรักหักพังของสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง พวกเราไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว” มีผู้บำเพ็ญคนหนึ่งกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่น
งานชุมนุมล่าสัตว์เดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว
เหล่าผู้บำเพ็ญที่เหลือ บางคนยังคงต่อสู้กับสัตว์อสูรเสื่อมทราม ราวกับว่าพวกเขาเสียสติ
“วิชาเวทที่ขุมอำนาจอมตะมอบให้สามารถทำให้ข้าเกิดใหม่ เป็นบุคคลที่เหนือกว่าคนอื่นได้!”
พวกเขาสนใจเพียงแค่ลำดับ ไม่สนใจสิ่งใดอีก
การกระทำเช่นนี้ ทำให้ศิษย์ของขุมอำนาจอมตะมากมายรู้สึกดูถูก
ผู้บำเพ็ญอิสระ หรือศิษย์ของสำนักเล็ก ๆ แม้ว่าพวกเขาจะมีวิชาเวท แต่ก็คงไม่สามารถเดินทางออกไปไกลจากเมืองเป่ยหวงได้
พวกเขาไม่มีพลังอำนาจที่จะปกป้องวิชาเวท
โลกใบนี้ โหดร้ายยิ่งนัก
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่กู้ฉางเซิงและฉินชิงชิงออกจากโถงตำหนักที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตของอริยะ พวกเขาก็เดินทางมาถึงส่วนลึกที่สุดของสุสาน
บนกำแพงเบื้องหน้า มีแขนข้างหนึ่งวางอยู่ กระดูกเปล่งประกายดุจหยก บนนั้นปรากฏลวดลายของอริยะที่ซับซ้อนและลึกลับ
รอยโลหิตที่ยังไม่แห้งติดอยู่ บนนั้นยังคงมีพลังเทพหลงเหลืออยู่
ณ ที่แห่งนี้ แรงกดดันจากร่างกายของอริยะนั้นหนักอึ้งยิ่งนัก ทำให้ผิวหนังของผู้คนแทบจะแตกสลาย
แต่กู้ฉางเซิงมีปราณปฐมโกลาหลปกคลุมทั่วร่างกาย ทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ
ฉินชิงชิงก็ไม่ธรรมดา กายาสุญตาของนางปลดปล่อยพลังแห่งสุญตาออกมา ทำให้รอบข้างบิดเบี้ยว ปกคลุมด้วยหมอกควัน ปิดกั้นแรงกดดันของอริยะ
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ ในอดีต ไม่รู้ว่าที่แห่งนี้มีอริยะกี่คนที่ล้มตาย ตลอดเส้นทาง โลหิตมากมาย มีทุกสี” ฉินชิงชิงมองดูแขนที่ขาดข้างหนึ่งเบื้องหน้า กล่าวด้วยความรังเกียจ
หากผู้บำเพ็ญธรรมดาสามัญเข้ามา ณ ที่แห่งนี้ ร่างกายคงต้องแตกสลาย มีเพียงพวกเขาเท่านั้น ที่สามารถพูดคุย หัวเราะ ได้อย่างสบายใจ
“นี่ไม่ใช่อริยะ แต่เป็นอริยะสูงสุด” กู้ฉางเซิงมองดูนางแวบหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าว
แม้ว่าจะเป็นอริยะ แต่ความแตกต่างระหว่างอริยะสูงสุดและอริยะธรรมดาสามัญนั้นมากมายนัก
กล่าวอย่างตรงไปตรงมา อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่อริยะสูงสุดหลอมสร้างขึ้น สามารถสังหารอริยะธรรมดาสามัญได้อย่างง่ายดาย
ฉินชิงชิงได้ยินเช่นนั้น ดวงตางดงามของนางเบิกกว้าง แต่นางไม่สงสัยในคำพูดของกู้ฉางเซิง
“เช่นนั้นหรือ ที่สุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงแห่งนี้ แท้จริงแล้วมีอริยะสูงสุดหลายคนถูกฝังอยู่ ในอดีตเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
แม้แต่ในตระกูลอมตะ อริยะสูงสุดก็ยังคงเป็นบุคคลที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นรากฐาน ยากที่จะปรากฏตัวขึ้นบนโลก
ดังนั้นนางจึงตกใจ
จากนั้นก็รู้สึกตัว หากสามารถดึงดูดความสนใจจากอริยะสูงสุดหลายคนได้ สิ่งของภายในสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงย่อมต้องเป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลก ล้ำค่าอย่างยิ่ง!
ไม่นานนัก พวกเขาทั้งสองก็หลบเลี่ยงซากศพของอริยะ และมองเห็นตำหนักน้ำแข็งที่ลอยอยู่เบื้องหน้า มีเสียงแปลกประหลาดมากมายดังออกมาจากภายใน ราวกับเสียงร่ำไห้ ราวกับเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและความแค้น
“นั่นคือตำหนักน้ำแข็งโบราณ ภายในนั้นช่างน่ากลัว” ฉินชิงชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าว นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกที่พุ่งเข้าโจมตี
กู้ฉางเซิงปล่อยจิตเทวะออกไป แต่กลับถูกพลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจบรรยายได้ปิดกั้น ราวกับว่าพุ่งชนกำแพง
ตำหนักน้ำแข็งสูงตระหง่านราวกับดินแดนเซียน
แรงกดดันของอริยะที่แผ่กระจายออกมานั้น มิได้ส่งผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับแรงกดดันที่แผ่กระจายออกมาจากซากศพของอริยะแล้ว อ่อนแอกว่ามาก
“ต้องเปิดประตูออกก่อน มิเช่นนั้น คงไม่สามารถเข้าไปได้”
กู้ฉางเซิงมองเห็นความจริงภายในใจ กล่าวกับตนเอง
ต่อมา เขาหยิบสมบัติลับที่ส่องประกายเจิดจรัส ปรากฏตราประทับแห่งมหามรรคมากมาย รอบข้างมีสายฟ้าสลับกัน ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมาจากแหวนสุเมรุ
นี่คือสมบัติลับที่เขาได้นำมาจากตระกูล พลังอำนาจราวกับขุมนรก สามารถต่อกรกับยอดฝีมือระดับสะพานเคราะห์ที่เหนือกว่าระดับหวนเอกาได้
“ไป!”
กู้ฉางเซิงปล่อยสมบัติลับ แปรเปลี่ยนเป็นแสงเทพ พุ่งทะยานออกไป
“ข้าจะช่วยเจ้า!”
ฉินชิงชิงก็ฉลาดหลักแหลม นางหยิบกระจกที่ส่องประกายเจิดจรัส ทั่วทั้งร่างเปล่งประกายดุจหยกออกมา ปลดปล่อยแสงเทพมากมาย พุ่งเข้าโจมตี!
ตู้ม!
เสียงอันน่ากลัวแผ่กระจายออกไป เหล่าผู้บำเพ็ญภายในสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงต่างก็ได้ยิน พวกเขามองดูด้วยความตกใจ
“นั่นคือตำหนักน้ำแข็ง หรือว่ามีผู้ใดกำลังพยายามที่จะเปิดมัน?”
“ต้องเป็นบุตรเทพตระกูลกู้!”
“นอกจากเขาแล้ว คงไม่มีผู้ใดสามารถทำเช่นนี้ได้!”
เหล่าผู้บำเพ็ญตกตะลึง
“ตำหนักน้ำแข็งกำลังจะเปิดออก” ฉินชิงชิงกล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
กู้ฉางเซิงพยักหน้า
พวกเขาทั้งสองเริ่มต้นลงมืออีกครั้ง
ทันใดนั้น ฟ้าดินก็แปรเปลี่ยน สายฟ้าส่องประกาย
คลื่นพลังอันน่ากลัวที่แผ่กระจายออกมานั้น ทำให้ความว่างเปล่าเริ่มต้นแตกสลาย ราวกับกระจก
ประตูทั้งสี่ของตำหนักน้ำแข็งถูกเปิดออก ภายในนั้นมีกลิ่นอายเก่าแก่และยิ่งใหญ่แผ่กระจายออกมา ราวกับปากของมารโบราณสี่ตนกำลังเปิดออก
ปราณวิญญาณแห่งฟ้าดินมากมายพุ่งทะลักเข้าไป ราวกับหินที่ตกลงสู่มหาสมุทร หายสาบสูญ
เสียงแห่งมหามรรคดังก้องกังวานออกมาจากตำหนักน้ำแข็ง ลึกลับ น่าประหลาด ดึงดูดความสนใจของผู้คน
ราวกับว่ามีอริยะกำลังเทศนาอยู่ภายใน ต้องการช่วยเหลือสรรพชีวิต
ในเวลานั้น เสียงคร่ำครวญก็ดังขึ้นจากสายลม พร้อมกับเสียงร้องไห้ที่แผ่วเบาและแหบแห้ง
“ข้าเกลียด!”
“ข้าเกลียด!”
“สังหาร!”
……………
วิญญาณพยาบาทมากมายราวกับว่าพวกมันได้พบเจอทางออก พวกมันพุ่งทะลักออกมาจากตำหนักน้ำแข็งอย่างบ้าคลั่ง ปกคลุมทั่วทั้งฟ้าดิน
น่ากลัวยิ่งนัก!
สีหน้าของฉินชิงชิงเปลี่ยนไป “ไม่ดี พวกเราสร้างปัญหาแล้ว!”