ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 46 ปิดบังกลไกสวรรค์
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 46 ปิดบังกลไกสวรรค์
ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นภายในคันฉ่องเบิกฟ้าดิน แสดงให้เห็นการต่อสู้ของยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่น่ากลัวยิ่งนักสองคน ทำให้เหล่ายอดฝีมือระดับหวนเอกาภายในเมืองเป่ยหวงรู้สึกหวาดหวั่นไปทั่วแผ่นหลัง ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ
“นี่พวกเขาเป็นมนุษย์หรือ? ด้วยระดับตบะแยกปฐพีแต่กลับแสดงพลังอำนาจระดับทรงฤทธิ์!”
“ทายาทของตระกูลอมตะช่างน่ากลัวยิ่งนัก!”
“พวกเขามีอายุเพียงเท่าใด? คนที่มีอายุมากที่สุดน่าจะเพียงยี่สิบกว่าปี”
ทุกคนต่างตกตะลึง ภาพเหตุการณ์การต่อสู้ที่น่ากลัวถูกส่งผ่านมายังคันฉ่องเบิกฟ้าดิน ทำให้พวกเขาเข้าใจว่า แท้จริงแล้วคนรุ่นใหม่สามารถมีพลังอำนาจที่น่ากลัวถึงเพียงนี้
กระทั่งเหล่าชายชราที่ลอยอยู่ในความว่างเปล่า ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง จากนั้นก็กล่าวชื่นชม พวกเขาตกตะลึงกับวิธีการของหยิงเนี่ย
พวกเขารู้ดีว่ากู้ฉางเซิงแข็งแกร่งยิ่งนัก ท้ายที่สุดก็เป็นเพราะกายาปฐมโกลาหล
แต่หยิงเนี่ยกลับทำให้พวกเขาประหลาดใจ
ต่อสู้กับกู้ฉางเซิงหลายสิบกระบวนท่า แต่กลับไม่เพลี่ยงพล้ำ!
กายาปฐมโกลาหล มิใช่ว่าไร้ผู้ต่อต้าน!
“หยิงเนี่ยผู้นี้…………” ยอดฝีมือจากทะเลสาบผู้วายชนม์มีสีหน้าชื่นชมอย่างยิ่ง
แต่เขายังไม่ทันได้กล่าวจบก็เห็นหยิงเนี่ยพ่นโลหิตออกมา “อั๊ก!” ร่างกายของเขาลอยถอยหลังไป ปกคลุมด้วยโลหิต เส้นผมกระเซิง ชุดนักพรตเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยโลหิต ปากของเขาก็ยังคงพ่นโลหิตออกมาไม่หยุด
ดูน่าเวทนายิ่งนัก
“นี่…………”
สีหน้าของเขาดูแข็งค้างและไม่เป็นธรรมชาติ
รอยยิ้มบนใบหน้าของคนอื่น ๆ ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อครู่นี้ พวกเขายังคิดว่ากายาปฐมโกลาหลก็มิได้ไร้เทียมทาน แต่หยิงเนี่ยกลับพ่ายแพ้ในพริบตา
ชายชราแห่งตระกูลกู้กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “ฉางเซิงผู้นี้ ตั้งแต่เด็ก เขาก็เป็นเช่นนี้ ภายในคนรุ่นเดียวกัน แม้จะมีศัตรู ก็ยากที่จะต่อสู้กับเขาได้นาน”
เขารู้ดีว่าบุตรเทพแห่งตระกูลกู้จะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง บุตรมรรคาแห่งตระกูลหยิง แม้จะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของกู้ฉางเซิงได้
ชายชราชุดเทาแห่งตระกูลหยิงมีนามว่าหยิงเฟิง สีหน้าของเขาดูไม่ดีนัก กล่าวว่า “บุตรเทพแห่งตระกูลเจ้ามีจิตสังหารที่รุนแรงยิ่งนัก ดูเหมือนว่าเขาต้องการสังหารหยิงเนี่ย”
“เป็นไปไม่ได้…………” ชายชราแห่งตระกูลกู้ส่ายหน้า ปฏิเสธ
ผู้คนมากมายกำลังเฝ้ามองอยู่ แม้กู้ฉางเซิงจะต้องการสังหาร พวกเขาก็สามารถขัดขวางได้ ยิ่งไปกว่านั้น หยิงเนี่ยผู้นี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีสมบัติคุ้มครอง
บุตรเทพของพวกเขาย่อมต้องรู้จักความเหมาะสม
เป็นไปได้สูงว่าทั้งสองเพียงแค่ “ประลอง” กัน
แต่เมื่อชายชราแห่งตระกูลกู้กล่าวจบก็เห็นภายในภาพเหตุการณ์ที่คันฉ่องเบิกฟ้าดินกำลังแสดง กู้ฉางเซิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ราวกับจักรพรรดิเซียนที่กำลังออกเดินทาง ฝ่ามือข้างหนึ่งกระแทกหยิงเนี่ยจนลอยออกไปอีกครั้ง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้า ราวกับว่าเขารู้ดีว่ามีผู้ใดกำลังเฝ้ามองอยู่!
จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างแผ่วเบา
ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ สายตาของเขากลับมองเห็นพวกเขาทั้งหมด!
วูบ!
ปราณอันเลือนรางแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเขาราวกับกลไกสวรรค์ จากนั้นก็แพร่กระจายออกไป ภาพเหตุการณ์ภายในคันฉ่องเบิกฟ้าดินเริ่มต้นบิดเบี้ยว จากนั้นก็พร่ามัว
ปิดบังกลไกสวรรค์ ราวกับปฐมโกลาหล!
เห็นภาพนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง เขาต้องการทำอันใด?
หยิงเฟิง ชายชราชุดเทาแห่งตระกูลหยิงรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว กู้ฉางเซิงกำลังรบกวนกฎเกณฑ์และความเป็นระเบียบของสถานที่แห่งนั้น ทำให้กลายเป็นปฐมโกลาหล จึงทำให้คันฉ่องเบิกฟ้าดินไม่สามารถแสดงภาพเหตุการณ์ได้!
พวกเขาก็ไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนั้นได้เช่นกัน
“เขาต้องการทำอันใด?” ภายในใจของเขารู้สึกไม่สงบเล็กน้อย แต่ก็คิดว่ากู้ฉางเซิงไม่กล้าทำเช่นนั้น!
บางทีอาจเป็นไปได้ว่าเขามีวิธีการบางอย่างที่ไม่อยากให้โลกภายนอกล่วงรู้
……
“อั๊ก!”
หยิงเนี่ยมีเส้นผมกระเซิง พ่นโลหิตออกมาอีกครั้ง กระดูกหักหลายท่อน ปราณม่วงมากมายไหลเวียนฟื้นฟูบาดแผลของเขา
ปราณชีวิตอันเข้มข้นระเบิดออกมา
แต่กู้ฉางเซิงยังคงมีสีหน้าเย็นชา หรืออาจกล่าวได้ว่าไร้อารมณ์ เขากระแทกฝ่ามือออกไปอีกครั้ง บนฝ่ามือนั้นมีลวดลายสำเนียงมรรคทอดยาว พลังวายุและอัสนีปรากฏขึ้น ราวกับว่าจะแยกฟ้าดิน!
จากนั้น แสงเทพสีดำหนึ่งสายก็พุ่งทะลักออกมา ทำลายปราณชีวิตบนร่างกายของหยิงเนี่ย
วิชาสมบัติวัฏจักรบทแห่งความตาย!
“เขาผู้นี้คิดจะสังหารบุตรมรรคาแห่งตระกูลหยิงหรือ? หรือว่าต่อไปเขาจะสังหารข้าด้วย?”
ฉินชิงชิงที่ซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่ารู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบ นางมองดูเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ก็ไม่กล้าจากไป
เพราะนางรู้สึกได้ กู้ฉางเซิงได้ผนึกพื้นที่โดยรอบ และจดจำกลิ่นอายของนางเอาไว้แล้ว
หากนางเคลื่อนไหวโดยพลการ สิ่งที่นางจะต้องเผชิญหน้าก็คือวิธีการอันรุนแรงของกู้ฉางเซิงอย่างแน่นอน
“ตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามา ณ ที่แห่งนี้ เขาก็เริ่มต้นผนึกพื้นที่โดยรอบ และตั้งเป้าหมายไว้ที่ข้า…………” ฉินชิงชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเข้าใจแล้ว
แม้ว่านางจะเป็นกายาสุญตา กล่าวขานว่านางถือกำเนิดมาพร้อมกับพลังแห่งสุญตา ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมนางได้
แต่นางยังคงไม่สามารถบรรลุถึงระดับนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ถูกกู้ฉางเซิงจดจำกลิ่นอายเอาไว้
“วันนี้ เจ้าไม่สามารถสังหารข้าได้ เจ้าเลิกคิดเสียเถิด กู้ฉางเซิง” หยิงเนี่ยแม้ว่าร่างกายจะดูน่าสมเพช แต่ก็ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา ดูเหมือนว่าเขายังคงมั่นใจ
“เช่นนั้นหรือ? สังหารไม่ได้ก็ไม่สังหาร” กู้ฉางเซิงกล่าวอย่างแผ่วเบา ไม่สนใจคำพูดของหยิงเนี่ย
จากนั้น ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นรูปมังกร จับหยิงเนี่ยขึ้นมาจากพื้น จิตเทวะกวาดผ่าน แหวนสุเมรุและสมบัติเก็บของทั้งหมดของหยิงเนี่ยก็ตกลงมายังพื้น
“เป็นถึงบุตรเทพตระกูลกู้แต่กลับทำตัวราวกับโจรเช่นนี้ ไม่กลัวผู้บำเพ็ญใต้หล้าหัวเราะเยาะหรือ? ไม่กลัวทำให้ตระกูลอมตะกู้เสียหน้าหรือ?” หยิงเนี่ยมุ่งมั่นที่จะสังหารกู้ฉางเซิง กล่าวอย่างไม่ยินยอม เขาไม่สามารถหลุดพ้นได้ ไม่ว่าจะใช้พลังเวท หรือพลังมารมากเพียงใด ก็ไม่สามารถต่อต้านได้
เห็นสมบัติเก็บของและแหวนสุเมรุทั้งหมดถูกนำไป หัวใจของเขาก็ราวกับกำลังหยดโลหิต
ภายในนั้น เป็นสมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่เขาสะสมมานานหลายปี!
แต่กู้ฉางเซิงยังคงขมวดคิ้ว ไม่สนใจคำพูดของเขา ดูเหมือนว่าเขายังคงไม่พึงพอใจ
ฉัวะ!
ฝ่ามือของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นรูปมังกรอีกครั้ง พุ่งเข้าโจมตีตันเถียนของหยิงเนี่ย ฉีกกระชากออก
“อ๊าก……” หยิงเนี่ยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ปราณม่วงอันเข้มข้นและเจิดจรัสแพร่กระจายออกมา
ตู้ม!
โถงตำหนักทั้งหลังราวกับไม่สามารถต้านทานพลังอันยิ่งใหญ่นี้ได้ เริ่มต้นสั่นสะเทือน ราวกับว่ากำลังจะพังทลาย!
“รากปราณต้นกำเนิดหงเหมิง!”
เห็นปราณม่วงหนึ่งสายที่ดูเหมือนจะสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ กู้ฉางเซิงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย