บทที่ 791 ผลต้าโจว
“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าไม่สามารถติดต่อแม่ทัพสาม ซือกวงหยวนได้”
ฉือหลินหนึ่งในคนสนิทของแม่ทัพใหญ่ ไม่เพียงมีพลังแข็งแกร่งอยู่ในระดับปรมาจารย์ปฐมภูมิขั้นเจ็ดยังทำงานรอบคอบไร้ที่ติอีกด้วย แต่คราวนี้แม้ได้รับมอบหมายหน้าที่ในการไปพบซือกวงหยวนแล้วเขายังเลือกมารายงานแม่ทัพใหญ่ก่อน
แม่ทัพใหญ่ซึ่งกำลังหัวเสียจากการกระทำของจางเจี๋ยอยู่แล้วก็แสดงความไม่พอใจเล็กน้อย นางเพียงบอกว่า
“ไปหาเขาโดยตรง” พร้อมโบกมือส่งสัญญาณให้ฉือหลินออกไป
คำสั่งนี้เองที่ฉือหลินต้องการ เพราะนอกจากจะเป็นคนสนิทของแม่ทัพใหญ่แล้ว เขายังมีอีกหนึ่งสถานะ...เป็นคนของซือกวงหยวน!
เขาและหลิงซุ่นต่างมีสองสถานะเหมือนกัน หรือจะกล่าวได้ว่าแม้แต่คนใกล้ชิดของจางเจี๋ยก็มีสายลับของซือกวงหยวนแฝงตัวอยู่เพื่อเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหว
ฉือหลินได้ใช้เวลาเติบโตจากศิษย์ธรรมดาจนขึ้นมาเป็นคนสนิทของแม่ทัพใหญ่และมีอำนาจสำคัญ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ซือกวงหยวนจะดูเหมือนไม่สนใจการเมือง แต่แท้จริงแล้วอิทธิพลของเขาได้แผ่ขยายไปทั่วผิงตูโจว
เมื่อได้รับคำสั่ง ฉือหลินก็รีบตรงไปยังภูเขาหยานอวิ๋นทันที โดยคิดว่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสในการเข้าพบซือกวงหยวนอย่างเปิดเผยและพร้อมจะรายงานให้เขาทราบถึงการที่แม่ทัพใหญ่กำลังจะทะลุระดับการฝึกตน
ด้วยความเร็วของเขา เพียงวันเดียวก็ถึงภูเขาหยานอวิ๋น
ทว่าทันทีที่เหยียบเข้ามา ความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้นภายในใจของเขา ภูเขาเซียนนี้เงียบสงัดจนผิดปกติ ไม่เหมือนที่พำนักของแม่ทัพใหญ่เลย
“ข้าฉือหลิน ผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่มาขอพบท่านแม่ทัพซือ!”
แม้เขาจะเป็นคนของซือกวงหยวน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ล่วงรู้เรื่องนี้เขาจึงต้องรักษามารยาท
ฉือหลินรออยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่มีใครมาต้อนรับ ซึ่งไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เขามาเยือน แม่ทัพซือจะส่งคนมาต้อนรับทันที แต่ครั้งนี้รอนานเท่าไรกลับไม่มีเสียงตอบรับ
ขณะที่กำลังลังเล เงาหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวนั้นเปิดเสื้อให้เห็นแผงอก มีกล้ามเนื้อดุจดั่งพยัคฆ์ ปกคลุมด้วยขนละเอียดให้ความรู้สึกดั่งเสือลงจากภูเขา แม้จะมีพลังเพียงระดับปรมาจารย์ปฐมภูมิขั้นห้า แต่ฉือหลินก็ยังคงระมัดระวังตัว
“เจ้าเป็นใคร?” เฉินหู่ถามด้วยท่าทีเรียบง่าย
“ข้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่...”
ยังไม่ทันพูดจบ สายฟ้าสีแดงก็แวบผ่านเหนือศีรษะของฉือหลิน ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว ยันต์สร้างสัตว์ก็ถูกประทับลงบนร่างของเขา เทคนิคสังหารที่เคยใช้กับกู่เซียนจือคราวนี้ถูกนำมาใช้ที่นี่และจัดการผู้ฝึกตนระดับปรมาจารย์ปฐมภูมิขั้นเจ็ดผู้นี้ได้อย่างรวดเร็ว
ฉือหลินคาดไม่ถึงว่าตนเองจะต้องมาตายในสถานที่แห่งนี้ ด้วยวิธีเช่นนี้…
ทั้งที่เดินทางมาถึงภูเขาหยานอวิ๋นแล้ว
ทั้งที่ใกล้จะได้พบกับซือกวงหยวนแล้ว…
ฉือหลินมาถึงไว แต่ก็ตายเร็วเช่นกัน บรรดาสัตว์อสูรในสระวิญญาณฉางเกอได้ร่วมมือกันได้อย่างดีขึ้นเรื่อยๆอีกทั้งยังมีพลังเฉลี่ยในระดับกลางของปรมาจารย์ปฐมภูมิ ทำให้การต่อกรกับพวกปรมาจารย์ปฐมภูมิขั้นกลางหรือขั้นสูงเป็นเรื่องง่ายดาย
“อีกคนแล้ว ทำไมถึงมีคนมาหาเรื่องเรื่อยๆเลยนะ” เฉินหู่เกาศีรษะด้วยท่าทางงุนงง
เฉินซือและเฉินซีเดินเข้ามาดูร่างของฉือหลินที่กลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์ พวกเขาทั้งสามต่างพากันเกาศีรษะ
“นี่เหมือนโยนเกี๊ยวลงหม้อเลย”
“ไม่ใช่แล้ว น่าจะเป็นเกี๊ยวหู่นโถวมากกว่า เจ้าดูนี่สิ ร่างเขาไม่มีเนื้อเลย”
“เรียกฉีเฉินมาดูไหม? เขาชอบสนใจศพพวกนี้”
“รีบไปสิ เดี๋ยวศพจะเย็นหมด”
เมื่อพูดจบเฉินซีลากศพของฉือหลินและดิ่งลงพื้นดินตรงไปยังภูเขาหยินเยว่เพื่อส่งให้ฉีเฉิน
“รายงานนายท่านดีไหม?” เฉินหู่หันไปถามเฉินสือ
“เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ข้าคิดว่าไม่จำเป็น”
“ข้าก็คิดอย่างนั้น นายท่านคงไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หรอก”
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนอกภูเขาหยานอวิ๋นนั้นเฉินโม่เห็นอยู่แล้ว แต่เช่นเดียวกับที่เฉินหู่กล่าว เขาไม่มีเวลาสนใจเรื่องจิปาถะเช่นนี้ คนของแม่ทัพใหญ่ที่ถูกส่งมาตายแล้วก็ตายไป
ในเมื่อจางเจี๋ยได้เริ่มการเคลื่อนไหวแล้ว อีกไม่นานผิงตูโจวก็คงจะกลายเป็นเกาะโดดเดี่ยว
เมื่อถึงเวลานั้น ผู้คนจากเป่ยโจวและจงโจวจะไม่สามารถเข้ามาได้และผู้คนจากผิงตูโจวก็ไม่สามารถออกไปได้
การเดินทางไปยังเมืองอื่นๆจะต้องข้ามผ่านผาหลิงศพแปดร้อย ซึ่งมีอันตรายไม่แพ้การเดินทางทางทะเล
สิ่งที่เฉินโม่ต้องทำตอนนี้ชัดเจนมาก
เริ่มต้นจากการทำไร่ เมื่อจางเจี๋ยทำลายค่ายกลส่งตัวเสร็จเรียบร้อย เขาจะขอให้หวงอวี้จัดการปัญหาที่เหลือทั้งหมด
เหล่าแม่ทัพยังเหลืออยู่สามคน เฉินโม่จึงไม่ได้รู้สึกรีบร้อน
หลังจากที่ฉือหลินเสียชีวิตผ่านไปสามวัน ภูเขาหยานอวิ๋นและภูเขาหยินเยว่ยังคงสงบ ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใดๆราวกับว่าข่าวยังไม่แพร่กระจายไปถึงแม่ทัพคนอื่น เมือง หรือสำนักเซียนต่างๆ
แน่นอนว่าไม่มีใครล่วงรู้เรื่องนี้จริง ๆ
ในวันที่สี่ข้าววิญญาณที่ปลูกในไร่วิญญาณลับออกผลในที่สุด!
ต้นต้าโจวจำนวน 16 ต้น ให้ผลผลิตทั้งหมด 1,439 ผล!
เฉินโม่เก็บเกี่ยว 400 ผลและเก็บรักษาอย่างดี หากภายในสองปีปีศาจงูหรือหวงอวี้สามารถทะลุขั้นเปลี่ยนจิตได้ เขาจะมอบ 150 ผลให้พวกเขาเพื่อเพิ่มพลัง
หากทะลุขั้นไม่ได้ เขาก็จะพยายามหาทางขายผลเหล่านี้ หรือหากขายไม่ออกก็จะให้ผู้ฝึกตนที่ยังไม่บรรลุขั้นเปลี่ยนจิตใช้แทน
ส่วนผลอีกพันกว่าผล เฉินโม่ได้ใช้คาถาเพิ่มพลังชีวิตเปลี่ยนพวกมันเป็นเมล็ดวิญญาณและปลูกใหม่อีกครั้ง
จำนวนต้นที่ปลูกใหม่มี 100 ต้น
เพียงหนึ่งปีหลังจากนี้ เขาจะเก็บเกี่ยวผลต้าโจวได้ใกล้เคียงหมื่นผล!
ผลผลิตและประสิทธิภาพอันน่าทึ่งนี้คงใช้เวลาไม่นานนักในการเสริมพลังให้ทุกคนในภูเขามั่วไถได้เพิ่มพลังมากกว่าพันปี
ถึงตอนนั้นเพียงแค่เฉินหู่คนเดียวก็สามารถจัดการกับผู้ฝึกตนระดับปรมาจารย์ปฐมภูมิขั้นเจ็ดอย่างฉือหลินได้แล้ว
ในขณะที่เฉินโม่กำลังเพลิดเพลินกับการเก็บเกี่ยว แม่ทัพใหญ่เองก็กำลังรู้สึกถึงบรรยากาศเยือกเย็นเหมือนลมหนาว
ฉือหลินจากไปโดยไม่หวนกลับ นางหวั่นใจว่าคงจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
และหากยังไม่มีใครหยุดจางเจี๋ย ค่ายกลส่งตัวในผิงตูโจวก็คงจะถูกทำลายจนหมดสิ้น!
เช่นนี้เขาจะต้องทำสำเร็จเป็นแน่แท้
“ให้ข้าไปคุยกับแม่ทัพที่ห้าดูไหม?”
เสียงแม่ทัพใหญ่ดังขึ้นจากด้านหลังโถง
“คุย? เขาจะยอมคุยกับเจ้าหรือ?”
“ข้าเป็นบุตรแห่งตระกูลจั่วชิว อย่างน้อยเขาก็ต้องให้ข้าสักหน่อยใช่หรือไม่?” จั่วชิวหรงลู่มองไปยังหลังโถงด้วยสายตาซับซ้อน
“แต่…”
“ไม่ต้องแต่แล้ว ขณะนี้ผิงตูโจวถูกปิดข่าว การตายของซือกวงหยวนยังไม่แพร่ไปถึงจงโจว เห็นชัดว่า จางเจี๋ยเตรียมพร้อมอย่างดี ขณะนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือท่านต้องทะลุขั้นโดยเร็ว!”
(จบบท)