บทที่ 60 เส้นทางที่คาดไม่ถึง
บทที่ 60 เส้นทางที่คาดไม่ถึง
หลังจากที่หลี่จิ้งวางสาย ไม่นานลู่หยางเฉิงก็เดินออกมาจากชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์
เมื่อเขาเดินมาถึงรถ หลี่จิ้งถาม "สถานการณ์ข้างบนเป็นยังไงบ้าง?"
"ก็ดี เฉาอี้เซวียนไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ"
ลู่หยางเฉิงถอนหายใจเบาๆ หันมามองและถามเพื่อยืนยัน "หนูขาวในห้องของเขานั่น..."
"เป็นปีศาจหนูของกลุ่มผู้ฝึกตนนอกรีตไม่ผิดแน่" หลี่จิ้งพยักหน้า
ลู่หยางเฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง "งั้นถือว่าเราเริ่มต้นได้ดีใช่ไหม?"
"พูดแบบนั้นก็ได้" หลี่จิ้งตอบ "ฉันได้รายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าไต้แล้ว เขาบอกว่าจะบันทึกความดีความชอบให้นายเป็นคนแรก"
"ความดีความชอบอันดับแรก?" ลู่หยางเฉิงเลิกคิ้วเล็กน้อย หัวเราะฮึๆ
"ดูท่าตำแหน่งที่จองไว้ให้ฉันในหน่วยคดีพิเศษที่ 6 คงแน่นอนแล้วสินะ นี่ก็เป็นผลพลอยได้ที่ไม่คาดคิด"
หลังพูดติดตลกแบบนั้น เขาก็ทำหน้าจริงจัง "แล้วต่อจากนี้เราจะทำยังไง? หัวหน้าไต้มีคำสั่งอะไรไหม?"
"เขาให้พวกเราไปเยี่ยมบ้านต่อ ถ้าพบปีศาจหนูที่บ้านเป้าหมายคนต่อไปอีก ก็ให้หยุดการเยี่ยมบ้านแค่นี้ ส่วนเป้าหมายที่เหลือให้ลองติดต่อผ่านช่องทางอื่น" หลี่จิ้งพูดพลางเล่าข้อสันนิษฐานของตัวเอง และถ่ายทอดคำสั่งของไต้หงทั้งหมด
ลู่หยางเฉิงฟังจบแล้วมองเขาอย่างประหลาดใจ "นายนี่เก่งนะ เพิ่งมาอยู่หน่วยสืบสวนคดีพิเศษแค่สองวัน ก็ปรับตัวเข้ากับแนวทางการสืบสวนได้แล้ว แค่เห็นปีศาจหนูตัวเดียว ก็สามารถคาดเดาว่ากลุ่มผู้ฝึกตนนอกรีตกำลังทดลองยาใหม่ แถมยังมีเหตุผลรองรับ ฉันยังรู้สึกทึ่งเลย"
"บางเรื่องมันต้องดูที่พรสวรรค์" หลี่จิ้งยักไหล่
"..." ลู่หยางเฉิงอึ้งไป แล้วหัวเราะด่า "บอกว่านายเก่ง นายก็เชิดใหญ่เลยนะ แต่ข้อสันนิษฐานของนายก็มีเหตุผลจริงๆ ถ้าเป็นฉัน คงต้องคิดอยู่นานกว่าจะเข้าใจความเชื่อมโยง ส่วนอี้ซิวจู่ไม่ต้องพูดถึง ไอ้หมอนั่นความคิดไม่เหมือนคนทั่วไป ลงมือทำงานได้ แต่พูดถึงการวิเคราะห์คงไม่ไหว"
พูดอย่างจริงจังจบ เขาก็แอบด่าอี้ซิวจู่ไปรอบหนึ่ง แล้วรัดเข็มขัดนิรภัย "เมื่อหัวหน้าไต้ตัดสินใจจะลงมือใหญ่คืนนี้ การรบยืดเยื้อที่วางแผนไว้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้เราต้องแข่งกับเวลา เพื่อความปลอดภัย ในเป้าหมายเก้าคนที่เหลือ นายเลือกคนที่อยู่ไกลๆ หน่อยมาสักคน เดี๋ยวเราไป ฉันจะขึ้นไปติดต่อคนเดียว นายรออยู่ในรถ ถ้ายืนยันว่ามีปีศาจหนูอยู่แถวๆ ตัวเป้าหมาย เราก็รีบไปหาอี้ซิวจู่ ดูว่าเขาพบอะไรบ้าง"
ระหว่างพูด ลู่หยางเฉิงขับรถออกจากตรงรั้ร และเสริมว่า "ปฏิบัติการกวาดล้างต้องไม่มีข้อผิดพลาด คงไม่มีส่วนของพวกเรา ถ้าอยากได้ความดีความชอบเพิ่ม ต้องมีผลงานก่อนปฏิบัติการตอนเที่ยงคืน"
"อืม" หลี่จิ้งตอบรับ พลางเลือกเป้าหมายคนต่อไปผ่านแท็บเล็ต ในใจรู้สึกจนใจ
สิ่งที่ลู่หยางเฉิงคิด คือการสร้างผลงาน
แต่สิ่งที่เขาคิด คือเรื่องปีศาจหนู
ก่อนหน้านี้เขายังมีเฉินอวี่หรานที่เป็นผู้ตรวจการระดับสองตัวจริง แต่ตอนนี้ต้องร่วมงานกับลู่หยางเฉิงและอี้ซิวจู่ที่เป็นแค่ผู้ช่วยตรวจการเหมือนกัน การจะเข้าร่วมปฏิบัติการกวาดล้างคงเป็นไปได้ยาก
ถ้าจะเข้าร่วมจริงๆ ความเสี่ยงก็ไม่น้อย
ถ้าบังเอิญเจอผู้ฝึกตนนอกรีตระดับสามเหมือนครั้งก่อน เขาอาจพอรักษาตัวรอดได้บ้าง แต่ลู่หยางเฉิงกับอี้ซิวจู่คงลำบาก
การต่อสู้ข้ามระดับ แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แม้ว่าคาถาทุกอย่างที่เขาเรียนรู้จะอยู่ในระดับสมบูรณ์ มีพลังเทียบเท่าระดับสาม แต่ก็ยังเทียบกับผู้ฝึกตนระดับสามตัวจริงไม่ได้
หลี่จิ้งไม่เคยหยุดสำรวจความสามารถของตัวเอง
ด้วยการเสริมพลังวิญญาณ คาถาที่เขาเรียนรู้แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนระดับเดียวกันมากจริงๆ
แต่ความแข็งแกร่งนั้นแสดงออกในด้านประสิทธิภาพของพลังวิญญาณ
เปรียบเทียบกับการชาร์จโทรศัพท์ พลังวิญญาณของเขาเติมเต็มได้ในพริบตา
ส่วนผู้ฝึกตนคนอื่น ต้องชาร์จช้าๆ
ไม่ใช่ว่าปราณวิญญาณของพวกเขาไม่เพียงพอ แต่ภายใต้ข้อจำกัดมาตรฐาน ประสิทธิภาพพลังงานของปราณวิญญาณสู้พลังวิญญาณของเขาไม่ได้
แบบแผนคาถาในมือหลี่จิ้งก็เป็นเช่นเดียวกัน
ไม่นับความชำนาญในการใช้คาถา เมื่อใช้พลังวิญญาณและปราณวิญญาณปริมาณเท่ากันสร้างโครงสร้างคาถา ในมือเขาสามารถบดขยี้ผู้ฝึกตนระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความแตกต่างของระดับพลัง ความหนาแน่นของพลังเป็นปัญหาสำคัญ
ที่คงอู่กล้าไม่ใช้คาถาป้องกันใดๆ ในการทดสอบภาคปฏิบัติ เมื่อเผชิญกับกลุ่มผู้ฝึกตนระดับสอง แค่ใช้ปราณวิญญาณปกป้องร่างกายเอง ก็เพียงพอแล้ว
ที่พลาดท่าให้หลี่จิ้ง นั่นเป็นอีกเรื่อง
คาถาระดับสองขั้นสมบูรณ์ พลังของมันเทียบเท่ากับคาถาระดับสามแล้ว
ถ้าไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม ระดับสามก็ต้านไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้น แม้หลี่จิ้งจะใช้พลังทั้งหมดก็อาจไม่สามารถทำให้คงอู่บาดเจ็บจริงๆ ได้ อย่างมากก็แค่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว
พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ช่องว่างระหว่างแต่ละระดับนั้นราวฟ้ากับเหว
ก่อนที่พลังแข็งแกร่งจะถึงมาตรฐาน เทคนิคและวิธีการแบบที่ไต้หงใช้ก็แค่ตกแต่งให้สวยงามเท่านั้น
เมื่อพลังแข็งแกร่งถึงมาตรฐานแล้ว เทคนิคและวิธีการจึงจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้คาถาทำลายข้อจำกัดด้านระดับได้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลี่จิ้งกับลู่หยางเฉิงขับรถมาถึงบริเวณใกล้ที่อยู่ของเป้าหมายที่อยู่ไกลที่สุดจากที่เฉาอี้เซวียนในเก้าคนที่เหลือ
หลังจากหาที่อยู่เจอ ลู่หยางเฉิงลงจากรถไปติดต่อ ส่วนหลี่จิ้งรออยู่ในรถ
ประมาณยี่สิบนาที ลู่หยางเฉิงก็กลับมา
เมื่อเขาขึ้นรถ หลี่จิ้งถาม "เป็นยังไงบ้าง?"
"มีปีศาจหนูในห้อง" ลู่หยางเฉิงตอบ "เส้นทางการเยี่ยมบ้านใช้ไม่ได้แล้ว เราต้องติดต่ออี้ซิวจู่ดูว่าเขามีความคืบหน้าอะไรบ้าง"
หลังยืนยันว่าบ้านเป้าหมายคนนี้ก็มีปีศาจหนู หลี่จิ้งพยักหน้าและพยายามติดต่ออี้ซิวจู่ผ่านเครื่องมือสื่อสาร
"ซิวจู่ เป็นยังไงบ้าง?"
"ตอนนี้ได้ผลจำกัด" อี้ซิวจู่ตอบกลับอย่างรวดเร็ว แล้วถาม "นี่ยังไม่ถึงเที่ยงเลย ทำไมถึงติดต่อมาล่ะ? มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือ?"
"อืม" หลี่จิ้งตอบรับ แล้วเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้ฟัง
อี้ซิวจู่ได้ยินรายละเอียดแล้วบอกที่อยู่หนึ่งแห่ง "มาหาฉันที่นี่ เจอกันแล้วค่อยคุย"
"ได้" หลี่จิ้งตอบรับ แล้วบอกที่อยู่กับลู่หยางเฉิงที่ไม่ได้ใส่เครื่องมือสื่อสารเพื่อความสะดวกในการติดต่อกับเป้าหมาย
ขณะที่ทั้งสองขับรถออกไปอีกครั้ง หลี่จิ้งก็รายงานสถานการณ์ให้ไต้หงทราบ
เดินทางผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ตามที่อยู่ที่อี้ซิวจู่ให้มา หลี่จิ้งกับลู่หยางเฉิงขับรถมาถึงหน้าคลับหรูแห่งหนึ่งในย่านเจริญของเขตช่างเฉิง
มาถึงที่นี่แล้วเห็นว่าเป็นคลับหรู ทั้งสองมองหน้ากัน
เส้นทางส่วนตัวและความชอบด้านความบันเทิงที่อี้ซิวจู่พูดถึง ทั้งระดับต่ำและระดับสูง ทั้งสองพอจะนึกภาพออกบ้าง
แต่เมื่อเห็นความจริง มันช่างเป็น...
จอดรถที่ริมถนน ลู่หยางเฉิงมองหญิงสาวแต่งตัวโป๊เย้ายวนหลายคนที่ยืนอยู่หน้าคลับ กลืนน้ำลายแรงๆ แล้วหันมาพูด
"ถึงจะคาดเดาได้บ้าง แต่พูดตามตรง ฉันไม่คิดจริงๆ ว่าอี้ซิวจู่ที่ดูหน้าตาดีๆ จะมีรสนิยมแบบนี้ กลางวันแสกๆ มีสาวๆ ยืนอยู่หน้าร้านเป็นฝูง แบบนี้ใครก็รู้กันว่าข้างในเป็นอะไร"
หลี่จิ้งยิ้มแห้งๆ ไม่พูดอะไร
เส้นทางของอี้ซิวจู่ แปลกจริงๆ
นัดเจอกันที่คลับหรู
มีเส้นสายแบบนี้ได้ ชัดเจนว่าครอบครัวเขาทำธุรกิจประเภทนี้
ยกมือขึ้นเปิดเครื่องมือสื่อสาร หลี่จิ้งติดต่อกับอี้ซิวจู่
"ซิวจู่ ฉันกับหยางเฉิงมาถึงแล้ว จอดรถอยู่นอกคลับ"
"ได้ ฉันออกไปหาพวกนาย" อี้ซิวจู่ตอบผ่านเครื่องมือสื่อสาร
ไม่นาน เขาก็เดินออกมาจากประตูหน้าคลับ
พวกหญิงสาวแต่งตัวเย้ายวนที่ยืนอยู่หน้าคลับเห็นเขา ต่างพากันหลบหลีก ทำท่าเหมือนเขาเป็นผีที่น่ากลัว
หลี่จิ้งเห็นภาพนั้นในรถ พูดเบาๆ "ดูท่าซิวจู่ก็เป็นทายาทเหมือนคุณนั่นแหละ"
"ไม่ใช่! จะเอามาเปรียบกับฉันได้ยังไง?" ลู่หยางเฉิงขมวดคิ้ว พูด "บ้านฉันทำธุรกิจถูกกฎหมาย แล้วฉันยังมีพี่ชายสองคน แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ต่างประเทศกันหมด วันหน้าการสืบทอดกิจการคงไม่ถึงฉัน ฉันไม่ใช่ทายาทอะไรหรอก"
พูดจบ อี้ซิวจู่ก็มาถึงข้างรถและเปิดประตู
พอขึ้นรถนั่งเรียบร้อย เขามองลู่หยางเฉิงเบาๆ
"คลับสมัยนี้พูดไม่ได้ว่าถูกหรือผิดกฎหมาย ยุคสมัยต่างกันแล้ว ธุรกิจผิดกฎหมายทำต่อไปไม่ได้ ส่วนสถานการณ์บางอย่าง ไม่ใช่เจ้าของกิจการจะตัดสินใจได้ แต่เป็นที่ลูกค้าเอง"
"เอ่อ... งั้นเหรอ?" ลู่หยางเฉิงยิ้มแหยๆ หันไปจ้องหลี่จิ้ง
อี้ซิวจู่ขึ้นรถมาก็ต่อคำพูดของเขาเลย ชัดเจนว่าใครบางคนเปิดเครื่องมือสื่อสารทิ้งไว้ เมื่อกี้ตั้งใจล่อให้เขาพูด