บทที่ 516 พบของล้ำค่า
บทที่ 516 พบของล้ำค่า
"กระท่อมลิลี่อย่างนั้นหรือ?"
เรย์ลินมองป้ายร้านที่ทำจากใบโอ๊กซึ่งจารึกชื่อร้านไว้ด้วยตัวอักษรของทวีป และ ภาษาของเผ่าเอลฟ์
ร้านนี้แตกต่างจากร้านอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด มีความใส่ใจมากกว่า ตรงมุมร้านยังมีดอกไม้สีเขียวชอุ่มที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล
“ยินดีต้อนรับค่ะ!”
ทันทีที่เข้าไปในร้าน เรย์ลินเห็นเอลฟ์ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายทั้งชาย และ หญิงออกมาต้อนรับ มันยิ้มอย่างนอบน้อมแต่ไม่ประจบประแจง “ท่านลูกค้าที่เคารพ มีอะไรที่ให้เราช่วยเหลือท่านได้บ้างคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากเดินชมเล่นเท่านั้น ที่นี่ขายของจิปาถะใช่ไหม?”
เรย์ลินกวาดตามองไปยังเคาน์เตอร์ เห็นวัสดุเวทมนตร์ที่วางอยู่หลากหลาย ตั้งแต่วัตถุดิบแร่ หนังสัตว์ ม้วนคาถา ไปจนถึงของตกแต่งศิลปะต่างๆ ทุกรูปแบบ ทุกชิ้นถูกวางอย่างเรียงตัวแบบไร้ระเบียบ แต่กลับแฝงด้วยหลักการบางอย่าง
“ใช่ค่ะ เรานำเข้าของจากทุกที่ ตั้งแต่หมู่เกาะบุริบูจีทางตอนใต้จนถึงเมืองลอยฟ้า สิ่งที่มีในโลกที่ท่านต้องการ เรามีหมดค่ะ!”
เจ้าของร้านเอลฟ์กล่าวด้วยความภูมิใจ
“จริงหรือ?” เรย์ลินยิ้ม ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะของที่พอจะสะดุดตาเขาได้มีไม่มากแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังสังเกตเห็นว่าบนเคาน์เตอร์นั้นมีวัตถุดิบหายากมากมาย ซึ่งถือว่าไม่เลวสำหรับร้านเล็กๆ แห่งนี้
“อืม?”
ขณะที่เรย์ลินกำลังจะออกจากร้าน บางสิ่งในมุมหนึ่งของร้านดึงดูดความสนใจของเขา
“ของชิ้นนี้ขายด้วยหรือ?” เรย์ลินหยิบม้วนคาถาเก่าๆ ขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจนัก
ม้วนนี้เก่าแก่จนเต็มไปด้วยฝุ่นบนแกนม้วน และยังมีร่องรอยการชำรุด ส่วนที่ห่อแกนม้วนไว้ไม่ใช่กระดาษเวทมนตร์ที่ใช้กันทั่วไป แต่เป็นหนังของสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง ให้สัมผัสที่เรียบลื่น
เรย์ลินเปิดม้วนคาถาดู เห็นเป็นเพียงแบบจำลองคาถาระดับสองอย่าง “มือแห่งแสง” ซึ่งจางหายไปมากจากการถูกศึกษาซ้ำๆ ทำให้เส้นรายละเอียดไม่คมชัดเหมือนเดิม
พ่อมดสามารถใช้พลังจิตดึงข้อมูล และ แบบจำลองคาถาออกจากม้วนได้ ซึ่งม้วนแบบนี้จึงมักใช้ได้เพียงครั้งเดียว และ หากใช้งานซ้ำบ่อยครั้งก็จะมีสภาพเช่นนี้
สำหรับพ่อมดที่ต้องการความเสถียรในแบบจำลองคาถา ม้วนในสภาพนี้ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เพราะแบบจำลองคาถาที่ไม่เสถียรนั้นอาจนำไปสู่ความตายได้
ด้วยเหตุนี้ ม้วนคาถานี้จึงถูกวางขายไว้นานโดยไม่มีใครสนใจ แต่เมื่อเห็นเรย์ลินหยิบขึ้นมา เจ้าของร้านเอลฟ์ก็มองมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“นี่คือแบบจำลองคาถามือแห่งแสง ระดับสอง ราคาปกติห้าพันหินเวทมนตร์ แต่เพื่อท่านที่มาเยือนเป็นครั้งแรก สามพันหินเวทมนตร์ค่ะ แค่สามพันก็เอาไปได้แล้ว!”
“จริงหรือ?” เรย์ลินมองเอลฟ์ผู้นั้นด้วยรอยยิ้มครึ่งๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายหลบตาลงด้วยความละอาย
ราคานี้สูงกว่ามูลค่าของม้วนคาถามาก ทำให้เอลฟ์ที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรี และ ความสง่างามดูเสียหน้าไปไม่น้อย แต่ก็จำต้องทำเพื่อดำรงชีวิต
“คุณเป็นเอลฟ์ธาตุลมใช่ไหม?”
เรย์ลินสัมผัสถึงพลังงานธาตุลมที่วนเวียนรอบตัวเอลฟ์ และ รู้สึกถึงความเบาเป็นพิเศษของพลังนี้ จึงถามออกไป
“ใช่ค่ะ ท่าน!” เจ้าของร้านที่มีอายุกลางคนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พ่อมดที่สามารถระบุได้ว่าเป็นเอลฟ์นั้นมีเยอะ แต่มีไม่มากที่จะระบุได้ว่าเป็นเอลฟ์ธาตุลม
“ได้ยินมาว่าเผ่าเอลฟ์ธาตุลมแทบจะสูญพันธุ์ไปจากทวีปแล้ว ไม่คิดว่าจะพบเห็นได้ที่นี่”
เรย์ลินยิ้ม และ เก็บม้วนคาถานั้นเข้ากระเป๋า แล้วหยิบหินแร่สีดำอีกชิ้นจากเคาน์เตอร์ “เพิ่มชิ้นนี้ไปด้วย รวมทั้งหมดสามพันหินเวทมนตร์”
เจ้าของร้านเอลฟ์มองพินิจหินก้อนนั้นอย่างละเอียด เห็นว่าเป็นเพียงแค่แร่ดิบธรรมดา ไร้ค่ามากนัก จึงพยักหน้าอย่างโล่งใจ
เมื่อเรย์ลินสังเกตเห็นความอับอายในแววตาของอีกฝ่าย เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่นำหินเวทมนตร์ออกมาเพื่อชำระเงิน แล้วจึงออกจากร้านเล็กๆ แห่งนั้น
“เฮ้อ... แม้แต่เอลฟ์ผู้สูงส่ง และ สง่างาม ก็ยังไม่อาจหลีกพ้นจากกฎเกณฑ์ของโลกนี้”
เรย์ลินหันกลับไปมองร้านเล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างงดงามด้วยความรู้สึกสงบลึกๆ
เผ่าเอลฟ์ตามตำนานนั้นย้ายถิ่นฐานมาจากอีกโลกหนึ่งตั้งแต่ยุคโบราณ และ มีหลากหลายสายพันธุ์ ในเผ่าเอลฟ์จะมีเอลฟ์จันทรา เอลฟ์ทองคำ และเอลฟ์สายลม ซึ่งล้วนแต่เป็นเผ่าที่มีสายเลือดสูงส่ง และ ถือเป็นชนชั้นสูงในเผ่ามนุษย์ เป็นที่ยอมรับ และ ปรากฏในบทกวีหลายชิ้นของนักกวีนิพนธ์ในฐานะตัวละครฝ่ายดี
ส่วนเอลฟ์มืดนั้น นับว่าเป็นพวกนอกรีตของเผ่าเอลฟ์ และ ไม่อาจเทียบเคียงกันได้
ถึงแม้เอลฟ์สายลมจะสูงส่ง และ สง่างามเพียงใด ก็ยังต้องเผชิญกับความเป็นจริงเช่นนี้ ซึ่งทำให้เรย์ลินรู้สึกสะท้อนใจเล็กน้อย
“แต่ก็เถอะ ถ้าเธอทำแบบนี้ก่อน ก็โทษฉันไม่ได้นะ…”
เรย์ลินยิ้มพลางลูบไล้พื้นผิวของม้วนคาถา สัมผัสแปลกประหลาดนี้ทำให้เขารู้สึกพอใจจนต้องหรี่ตาลง
“ติ๊ง! หลังเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลแล้ว พบว่านี่คือผิวหนังของสิ่งมีชีวิตโบราณ—แรดหนาม!” เสียงแจ้งเตือนจากชิปทำให้เรย์ลินยิ่งมีความสุขมากขึ้น
แม้แบบจำลองคาถาบนม้วนนั้นจะไม่สำคัญอะไรนัก แต่ตัวม้วนคาถาเองกลับทำจากวัสดุที่ไม่ธรรมดา ผิวหนังของแรดหนามโบราณ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเทียบเท่าสายเลือดระดับรุ่งอรุณในวัยผู้ใหญ่ และ มีพลังต้านทานคาถาสูง ถือเป็นวัสดุที่พ่อมดระดับรุ่งอรุณหลายคนต้องการ
สำหรับเรย์ลินแล้ว ได้ม้วนนี้มาด้วยราคาสามพันหินเวทมนตร์ถือว่าเป็นการซื้อขายที่คุ้มค่าสุดๆ
ยิ่งกว่านั้น หินแร่ที่เขาหยิบมาชิ้นสุดท้ายนั้นก็ซ่อนแร่ล้ำค่าชั้นสูงไว้ข้างในด้วย—มิธริล! แม้จะถูกชั้นหินหนาห่อหุ้มอยู่ แต่ก็ไม่อาจซ่อนเร้นจากการตรวจจับของชิปของเรย์ลินได้
“การซื้อขายครั้งนี้ ร้านเล็กๆ นั่นคงขาดทุนย่อยยับ ของที่มีค่าที่สุดสองชิ้นถูกฉันเลือกออกมาหมดแล้ว…” เรย์ลินคิดในใจพร้อมรอยยิ้ม
ชิปของเขา โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเลื่อนขั้นสู่ระดับรุ่งอรุณ และ ได้รับพลังแห่งวิญญาณเพิ่มขึ้น ฟังก์ชันตรวจจับของชิปนั้นพัฒนาไปจนถึงขั้นที่ไม่เคยมีมาก่อน
สิ่งใดก็ตามที่ชิปตรวจจับได้ แทบไม่มีสิ่งใดสามารถปกปิดได้อีกแล้ว
ด้วยข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แม้เขาจะไม่ทำอะไรเลย แค่คอยค้นหาของล้ำค่าในร้านค้าต่างๆ ก็อาจเพียงพอสำหรับการศึกษาค้นคว้า และ การพัฒนาของเขาในช่วงระดับรุ่งอรุณแล้ว
“เพียงแต่…” เรย์ลินลูบคาง “การทำแบบนี้มันก็โจ่งแจ้งไปหน่อย อาจทำให้คนอื่นสงสัย และ หากความลับของชิปถูกเปิดเผย คงเป็นปัญหาใหญ่…”
“นอกจากนี้…” ดวงตาเรย์ลินเปล่งประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง
เขาส่ายหัวเล็กน้อยด้วยความรู้สึกเสียดาย แล้วเดินไปยังวงเวทย์เคลื่อนย้ายที่อยู่ตรงทางแยกซึ่งมีพ่อมดสองคนยืนรออยู่แล้ว
พ่อมดทั้งสองมีลักษณะพิเศษชัดเจนของเผ่าต่างเผ่าพันธุ์ คนหนึ่งมีศีรษะคล้ายกับปลาหมึก ส่วนอีกคนมีขนปกคลุมตามร่างกายคล้ายหมาป่า
“ท่านพอล! ท่านฟิลลิป! ขอโทษที่ให้รอนาน…” เรย์ลินเดินเข้ามาทักทายด้วยท่าทางสง่างาม
“ไม่เป็นไรที่ท่านเรย์ลินจะเพลิดเพลินกับการเดินสำรวจ” พอลกล่าวพร้อมหัวเราะเบา ๆ และ ชี้ไปยังหินแร่ในมือเรย์ลิน ทั้งคู่ยิ้มอย่างรู้กัน
“สมกับเป็นพ่อมดระดับรุ่งอรุณที่ไม่ง่ายจะหลอกได้เลย แถมพลังตรวจจับของวิญญาณยังเก่งกาจยิ่งนัก ถึงขั้นรู้ทันทีว่าหินแร่นั่นซ่อนของล้ำค่าไว้”
เรย์ลินลอบกรอกตาแต่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
ชิปของเขานั้นทำงานอย่างลับๆ มาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครจับได้ พ่อมดอื่นๆ คงแค่คิดว่าเขาใช้ความสามารถพิเศษจากพลังแห่งวิญญาณในการตรวจจับขุมทรัพย์เท่านั้น ซึ่งไม่มีอะไรให้กังวล
“จริงๆ แล้ว ต้องขออภัยที่รบกวนความเพลิดเพลินของท่าน แต่การประชุมของเราใกล้จะเริ่มแล้ว ท่านเห็นว่าอย่างไร…” ฟิลลิปเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ได้เลย เชิญนำทางไปเถิด” เรย์ลินตอบตกลงอย่างไม่รีรอ
ในขณะเดียวกัน เรย์ลินก็มั่นใจว่าในเมืองคริเวนี้มีการติดตั้งวงเวทตรวจจับที่ออกแบบมาเพื่อพ่อมดระดับรุ่งอรุณโดยเฉพาะ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้เวทเปลี่ยนรูปลักษณ์หรือปกปิดการแผ่พลัง แต่ด้วยการควบคุมพลังอย่างเป็นธรรมชาติของพ่อมดระดับรุ่งอรุณก็ไม่น่าจะทำให้ถูกตรวจจับได้ง่ายๆ เช่นนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดดูให้รอบคอบก็เข้าใจได้ดี
เมืองคริเวเป็นฐานสำคัญขององค์กรพ่อมด ซึ่งมีความหมายเชิงสัญลักษณ์อย่างยิ่ง และเป็นที่จับตามองของเหล่าพ่อมดระดับรุ่งอรุณบางคนที่ไม่พอใจ หากไม่มีการเพิ่มการเฝ้าระวัง คงรักษาความรุ่งเรืองของเมืองไว้ได้ไม่นานนัก
เรย์ลินคิดอย่างเงียบๆ ขณะเดินตามพอล และ ฟิลลิปขึ้นไปยังวงเวทเคลื่อนย้าย
ทั้งสองคนไม่ได้ปกปิดพลังใดๆ รอบกายเลย ซึ่งดึงดูดสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพจากรอบข้าง พ่อมดคนอื่นๆ ต่างพากันเปิดพื้นที่กว้างให้พวกเขา วงเวทเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ในตอนนี้จึงมีเพียงพวกเขาทั้งสามที่ใช้
อำนาจของพ่อมดระดับรุ่งอรุณนั้นเป็นที่น่าเกรงขาม ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด
แสงสีทองแวบวาบไปมา เมื่อกลับมาเห็นทิวทัศน์อีกครั้ง เรย์ลินก็พบว่าตนเองมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
รอบๆ เป็นอาคารเตี้ยๆ พื้นถนนปูด้วยหินที่มีรอยเว้าลึกจากการสึกกร่อน ทำให้ดูทรุดโทรมเล็กน้อย
แม้แต่ความเข้มข้นของพลังงานในอากาศก็ต่ำมาก ราวกับอยู่ในระดับปกติของทวีปภายนอก
“เป็นอย่างไร? ตกใจใช่ไหม? ใครจะคิดว่าเขตหลักของเมืองคริเวในดินแดนแห่งสี่ธาตุจะเรียบง่ายเช่นนี้?” พอลพูดพร้อมกับพาเรย์ลินเดินไปยังทางเดินที่ดูเหมือนมีชีวิต
เมื่อเรย์ลินก้าวไปบนแผ่นหินแผ่นหนึ่ง มันกลับลอยขึ้นมา พาเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ก็นิดหน่อย” เรย์ลินพยักหน้ารับ
“ไปที่ปราสาทกลาง!” พอลกล่าวกับแผ่นหินใต้เท้า ทันใดนั้นแผ่นหินทั้งสามแผ่นก็เร่งความเร็วขึ้น
จากนั้นเขาจึงหันกลับมาพูดกับเรย์ลินพร้อมรอยยิ้ม “เนื่องจากข้อจำกัดของสายเลือด พวกเราเคยผ่านช่วงเวลาที่มืดมนในทวีปกลาง ดังนั้นในขณะที่สร้างเมืองนี้ ตามคำแนะนำของท่านผู้นำทั้งหลาย พื้นที่ส่วนกลางนี้จึงไม่ควรหรูหราจนเกินไป และต้องมีบทเรียนเตือนใจแก่พวกเรา”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” เรย์ลินพยักหน้า
..........