บทที่ 50 การบรรลุสวรรค์ ก็คือการขึ้นไปเป็นทหาร
ณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลัวฝู บนภูเขาเซียนหลัวฝูในดินแดนตะวันออก ผู้เฒ่าตู้เอ๋อร์ หนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักชั้นใน กำลังนั่งอยู่บนแท่นเมฆสูงเด่น เบื้องล่างมีเหล่าศิษย์ชั้นในผู้เป็นยอดฝีมือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลัวฝูรายล้อม
เงื่อนไขพื้นฐานที่สุดในการเป็นศิษย์ชั้นในของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลัวฝูคือ สามารถก่อตั้งรากฐานก่อนอายุ 30 ปี และสามารถหลอมแก่นทองคำได้ก่อนอายุ 50 ปี
กล่าวโดยไม่เกินจริงเลยว่า หากสุ่มเลือกใครสักคนจากที่นี่ไปเข้าสำนักชั้นหนึ่ง พวกเขาก็ล้วนมีคุณสมบัติที่เพียงพอ
เพราะพวกเขาคือเหล่าผู้ที่ถูกคาดหวังให้เป็นผู้นำในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลัวฝูจึงให้ความสำคัญกับพวกเขามาก และจะส่งผู้อาวุโสมาตอบคำถามทุกๆ ช่วงเวลา และในครั้งนี้ พวกเขาได้ส่งผู้เฒ่าตู้เอ๋อร์ ผู้บ่มเพาะขั้นมหายานขั้นต้นมา
หลังจากที่ผู้เฒ่าตู้เอ๋อร์อธิบายสิ่งที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็มองไปยังเหล่าศิษย์ชั้นในที่อยู่เบื้องล่าง
"พวกเจ้ามีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าพูดไปหรือไม่? หากมี ก็จงถามออกมาได้เลย"
ทันทีที่คำพูดนี้ดังขึ้น เหล่าศิษย์ชั้นในของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลัวฝูที่อยู่เบื้องล่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันทันที
"ศิษย์ไม่มีข้อสงสัย ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่เมตตาสั่งสอน!"
เมื่อได้ยินคำตอบของทุกคน ผู้เฒ่าตู้เอ๋อร์ก็พยักหน้าอย่างพอใจ
"ดีมาก ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ใช่ศิษย์ที่เก่งที่สุดที่ข้าเคยสอนมา แต่พวกเจ้าก็เป็นกลุ่มที่เชื่อฟังมากที่สุด"
"ตราบใดที่พวกเจ้ายังคงรักษาความมุ่งมั่นเช่นนี้เอาไว้ ในการประชุมแลกเปลี่ยนระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในอีกสามเดือนข้างหน้า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลัวฝูของเราย่อมต้องส่องประกายอย่างแน่นอน"
หลังจากพูดจบ ผู้เฒ่าตู้เอ๋อร์ก็นึกอะไรบางอย่างออก สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
"นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าได้ยินมาว่ามีอาวุธเวทมนตร์ที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือปรากฏขึ้นบนทวีปเทียนหยวน บนนั้นมีสิ่งที่เรียกว่าติ๊กต๊อก ตราบใดที่เปิดติ๊กต๊อก เวลาก็จะถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว และหินวิญญาณก็จะลดลงอย่างลึกลับ"
"ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลัวฝูอย่างพวกเจ้า คงไม่มีใครมีอาวุธเวทมนตร์ที่เป็นพิษเช่นนั้นหรอกนะ"
ทันทีที่เขาพูดจบ ในหมู่ศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลัวฝูหลายพันคนที่อยู่เบื้องล่าง ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย บ้างก็ประหม่า บ้างก็รู้สึกผิด
แม้ว่าสีหน้าเหล่านั้นจะแสดงออกมาน้อยนิด แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผู้เฒ่าตู้เอ๋อร์ไปได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เปิดโปงพวกเขาในทันที แต่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
"พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลัวฝูของเรารวบรวมมาจากทุกสารทิศ เป้าหมายในอนาคตของพวกเจ้าคือการขึ้นไปยังดินแดนเซียน และได้รับการยกย่องให้เป็นบรรพบุรุษ อย่าได้หลงไปกับสิ่งเร้าภายนอกเช่นนั้น"
"พวกเจ้าควรเรียนรู้จากฉีเทียนให้มากขึ้น และพยายามทะลวงสู่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งให้ได้ก่อนอายุ 120 ปี เหมือนอย่างเขา วันนี้ข้าขอพอแค่นี้ พวกเจ้าไปทำธุระของตนเองเถิด"
หลังจากพูดจบ เขาก็จากไป ทิ้งให้เหล่าศิษย์ชั้นในที่อยู่เบื้องล่างมองตามหลังอย่างเคารพ พวกเขาลุกขึ้นจากเบาะนั่งหลังจากที่ผู้เฒ่าตู้เอ๋อร์จากไปได้สักพัก
บางคนก็จากไปพร้อมกับกระบี่ บางคนก็ยังคงอยู่ที่เดิม และครุ่นคิดถึงวิถีแห่งเต๋าที่ผู้เฒ่าตู้เอ๋อร์เพิ่งกล่าวถึง และบางคนก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ
และท่ามกลางฝูงชนกลุ่มนี้ ชายร่างสูงคนหนึ่งที่มีคิ้วหนา ตาโต และมีขั้นบ่มเพาะแก่นทองคำขั้นกลาง ได้กระซิบกับศิษย์ร่วมสำนักสองคนที่อยู่ไม่ไกลออกไป
"ตงหยาง เชียนหวี่ พวกเจ้าสองคน มานี่หน่อย"
เมื่อได้ยินเสียงของเขา ศิษย์สองคนที่อยู่ไม่ไกลก็รีบเดินเข้ามาหา หลังจากที่ทั้งสามคนมารวมตัวกันแล้ว พวกเขาก็ต่างก็แสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา
ในวินาทีต่อมา พวกเขาก็เดินไปที่มุมหนึ่ง และต่างก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
"บอกให้ฟังนะ เมื่อวานข้าเจอนางฟ้าสาวสวยคนหนึ่งด้วยล่ะ ไม่เพียงแต่เธอจะใส่ถุงน่องสีดำเท่านั้น แต่เธอยังสวมชุดที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย ข้าจะแชร์ให้ดู"
"ข้าก็เหมือนกัน นางฟ้าคนนี้ชื่อว่า หยูหยู นางสวยมาก แถมเสียงยังหวานสุดๆ อีกด้วย เมื่อวานข้าให้หินวิญญาณนางไป 10 ก้อน นางถึงกับร้องเพลงให้ข้าฟังเลย"
"ไร้รสนิยม ทำไมถึงได้ไร้รสนิยมเช่นนี้? ข้าต่างหากล่ะที่แตกต่าง ข้าชอบอ่านหนังสือ พวกเจ้าดูวิดีโออ่านหนังสือล่าสุดของนางฟ้าหลิวหลิวหรือยัง? เสียงกับท่าทางของนางช่างเย้ายวนใจจริงๆ"
"เจ้าอ่านหนังสือหรือ? ข้าไม่อยากจะเปิดโปงเจ้าหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะนางฟ้าหลิวหลิวในวิดีโอเมื่อเร็วๆ นี้นางก็ใส่ถุงน่องสีขาว ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นขา แค่เห็นแค่เท้า แต่ข้าเชื่อว่าในอนาคต นางต้องโชว์ขาออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน"
"ข้ามีเรื่องสนุกๆ มาบอกอีกอย่าง ข้าแท็กพวกเจ้าไว้ในช่องแสดงความคิดเห็นใต้คลิปวิดีโอแล้ว..."
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังสนทนากันอย่างออกรสชาติ ชายหนุ่มร่างผอมบางคนหนึ่งที่มีสีหน้าเย็นชา และมีไรหนวดอ่อนๆ อยู่บนใบหน้า ก็เดินตรงเข้ามาหาพวกเขา
เมื่อเห็นโทรศัพท์มือถือในมือของทั้งสามคน ชายหนุ่มหน้าเย็นชาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบทันที "เล่นสิ่งของไร้สาระ เสียการงาน ไม่รู้จักทำตัวให้เจริญก้าวหน้า พวกเจ้าไม่ได้ยินที่ท่านผู้อาวุโสพูดหรืออย่างไร!"
เมื่อชายหนุ่มผู้นี้พูดจบ ทั้งสามคนก็หัวเราะอย่างเขินอาย จากนั้นก็รีบอธิบาย
"ศิษย์พี่ฉีเทียน พวกเราไม่ได้เล่นจนเสียการงาน พวกเรากำลังเรียนรู้ต่างหาก"
"ใช่ พวกเรากำลังศึกษาหาความรู้อยู่ การฝึกฝนตลอดเวลามันไม่ดีหรอก ต้องผ่อนคลายบ้างเป็นบางครั้ง"
"และข้าไม่คิดว่าการขึ้นไปยังดินแดนเบื้องบนจะเป็นเรื่องดีเสมอไป" ชายหนุ่มคิ้วหนาตาโตพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ชายหนุ่มที่พวกเขาเรียกว่าศิษย์พี่ฉีเทียนก็ส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาทันที
"สิ่งที่ผู้บ่มเพาะอย่างพวกเราต้องการ ไม่ใช่การบรรลุสวรรค์ และมีชีวิตที่อิสระเสรีหรือ? ทำไมการขึ้นไปยังดินแดนเบื้องบนถึงไม่ใช่เรื่องดี? อย่ามาหาข้ออ้างให้กับความเกียจคร้านของพวกเจ้าที่นี่เลย"
ไม่เพียงแต่ฉีเทียนเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ แต่อีกสองคนก็มองไปที่ชายหนุ่มคิ้วหนาด้วยความสงสัยเช่นกัน
แต่ในขณะนั้น ชายหนุ่มคิ้วหนากลับพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า "พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่า หลังจากที่ขึ้นไปยังดินแดนเบื้องบน และกลายเป็นเซียนแล้ว พวกเจ้าจะมีชีวิตที่อิสระเสรี?"
"พวกเจ้าไม่เคยคิดบ้างเลยหรือว่า เมื่อเราขึ้นไปยังดินแดนเบื้องบนแล้ว จากที่เคยอยู่จุดสูงสุดของโลกใบนี้ เราก็จะกลายเป็นเพียงแค่ชนชั้นล่างของดินแดนเบื้องบน และเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ขึ้นไปยังดินแดนเซียนก่อนหน้าเรา พวกเขาก็คงสร้างระเบียบใหม่ขึ้นมาแล้ว"
"นี่..."
ทันทีที่ชายหนุ่มคิ้วหนาพูดจบ สีหน้าของทั้งสามคน รวมถึงฉีเทียนก็เปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน
ทุกคนรู้เพียงว่าการขึ้นไปยังดินแดนเซียนคือเป้าหมายสูงสุดของพวกเขา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าดินแดนเซียนนั้นเป็นอย่างไร แม้แต่ผู้อาวุโสที่บ่มเพาะจนถึงขั้นเซียนแล้วก็คงไม่ต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีที่ชายหนุ่มคิ้วหนากล่าวอ้างมานั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล
เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์จากทวีปเทียนหยวนที่ขึ้นมาสู่โลกแห่งการบ่มเพาะ ไม่ว่าพวกเขาจะมีฐานะใดในโลกมนุษย์ เมื่อเข้าสู่โลกแห่งการบ่มเพาะ พวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงแค่การดำรงอยู่ระดับล่าง
ไม่กลายเป็นทาสเหมือง ก็ต้องเริ่มต้นจากการเป็นศิษย์รับใช้ในสำนักต่างๆ
เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนเริ่มคล้อยตามคำพูดของเขาแล้ว ชายหนุ่มคิ้วหนาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอีกครั้ง และกดเข้าไปที่วิดีโอหนึ่ง
"ดูสิ นี่คือวิดีโอที่ข้าดูเมื่อเช้านี้ มันพูดถึงเรื่องราวต่างๆ ในดินแดนเบื้องบน มันบอกว่าเหล่าเซียนที่ขึ้นไปยังดินแดนเบื้องบนได้สร้างสถานที่แห่งหนึ่งขึ้นมา เรียกว่าสวรรค์ สวรรค์มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ระเบียบชนชั้นก็ไม่ได้อิสระเสรีอย่างที่เราคิด"
"และข้าสงสัยว่า ทหารระดับล่างของสวรรค์น่าจะประกอบไปด้วยพวกเราที่ขึ้นไปจากดินแดนเบื้องล่าง หรือว่าเป้าหมายสูงสุดในการบ่มเพาะของพวกเจ้า คือการขึ้นไปยังดินแดนเบื้องบน เพื่อรับใช้และเป็นทหารให้กับผู้อื่น?"
"นี่..." ทั้งสามคนเงียบอีกครั้ง
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฉีเทียนก็ถามขึ้นว่า "วิดีโอที่เจ้าดู มันเกี่ยวกับอะไร? มีต่ออีกไหม?"
"มีสิ! แน่นอนว่าต้องมี นี่เป็นเนื้อหาจากนิยายที่ชื่อว่าไซอิ๋ว วิดีโอนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ฉบับเต็มสามารถอ่านได้ในแพลตฟอร์มนิยายฟรีมะเขือเทศข้าเพิ่งอ่านมาถึงตอนนี้เอง"
"ไซอิ๋ว? นิยายฟรีมะเขือเทศ?"
"ใช่ ไปที่ถ้ำของข้ากับข้าสิ ข้าจะให้ดูของดี" ทันทีที่ชายหนุ่มคิ้วหนาพูดจบ เขาก็พบว่ามีคนมารวมตัวกันรอบๆ ตัวเขาเพิ่มขึ้น
"เฮ้ ศิษย์พี่หยางหลิน มีของดีแบบนี้ไม่ชวนข้าไปดูด้วยเลยนะ"
.........
เข้มข้นขึ้นทุกตอนนน
เหนือทวีปเทียนหยวน
มีโลกแห่งการบ่มเพาะ
เหนือโลกแห่งการบ่มเพาะ
มีดินแดนเบื้องบน
ดินแดนแห่งเซียน
........
วันนี้ผมมาสรุปคร่าวๆของขั้นบ่มเพาะนะครับ ทุกขั้นบ่มเพาะน่าจะมีอีก 10 ขั้นย่อย
qi refining ขั้นหลอมลมปราณ
foundation establishment stage ขั้นก่อตั้งรากฐาน
golden elixir level ขั้นแก่นทองคำ
nascent soul stage ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง
stage of becoming a god
God Transformation realm
god-forming ancestor
integration stage
4คำด้านบนคือขั้นเดียวกันครับคือ ขั้นจุติแก่นเทวะ
mahayana ขั้นมหายาน ตอนนี้ตอนที่ 50 ขั้นที่สูงคือมหายาน ถ้ามีเพิ่มเดี๋ยวผมมาเพิ่มเติมให้เรื่อยๆ ผมก็รู้ไปพร้อมกับผู้อ่านที่น่ารักเช่นกันครับ
อ่านให้สนุกนะค้าบบ