ตอนที่แล้วบทที่ 39 ขุมทรัพย์ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41 วางแผน 

บทที่ 40 ร่วมมือ


“ต่อไปคุณจะสืบสวนยังไง?” โยวกวงเดินไปยืนข้างๆ

“ผมมีแนวทางแล้ว” เซี่ยอู่เยวียนเดินตามมาติดๆพร้อมพูดด้วยท่าทางสงบ

“ทันทีที่ผมออกจากบ้านตระกูลเย่ก็เจอการโจมตี มันกล้ามาก ผมทำคดีมามากมายไม่เคยเห็นใครที่อวดดีแบบนี้มาก่อน ช่างไร้ยางอายจริงๆกล้าทำขนาดนี้ได้ ต้องมีคนสำคัญคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังแน่”

“คุณสงสัยว่าคือคนของตระกูลเย่เหรอ?”

“หากหัวหน้าตระกูลเย่ยอมออกมาพบ ผมคงสงสัยหนักกว่าเดิม แต่พอเขาเลือกที่จะเลี่ยงไม่พบ…ความสงสัยเลยลดลงไปหน่อย” เซี่ยอู่เยวียนส่ายศีรษะ

“แต่จะใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่สำคัญแล้ว”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ผมไปที่บ้านตระกูลเย่เพื่อสืบคดี แต่พอออกมาได้ไม่ทันไรก็โดนโจมตีโดยนักสู้ระดับปรมาจารย์จนเกือบตาย เรื่องนี้แค่รายงานขึ้นไปก็คงเขย่ามณฑลเทียนหนานได้ หากมีการส่งปรมาจารย์มาโจมตี ก็คงต้องให้ตระกูลเย่เป็นผู้ต้องสงสัยรายแรก หากไม่สืบสวนให้กระจ่างคงจะเป็นการละเลยหน้าที่ของสำนักงานตรวจการ”

“คุณจะใช้เรื่องนี้ดึงตระกูลเย่มาเกี่ยวพัน แล้วใช้พลังของตระกูลเย่สืบหากลุ่มอิทธิพลเบื้องหลังเหตุการณ์หยู่หลงอินเตอร์เนชั่นแนลงั้นเหรอ?”

โยวกวงเข้าใจความคิดของเขา

การส่งปรมาจารย์มาโจมตีเจ้าหน้าที่ระดับสูง หากอีกฝ่ายตายอาจจะสามารถปกปิดด้วยการใช้เส้นสายหาแพะรับบาปได้ แต่หากไม่ตายแล้วยังตามสืบต่อ ไม่มีฝ่ายไหนรอดไปได้โดยไม่ต้องให้คำอธิบาย

การแจ้งให้เบื้องบนรับทราบและสร้างแรงสั่นสะเทือนในเทียนหนานไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง คงจะมีการสั่งให้สำนักงานตรวจการส่งเจ้าหน้าที่มาตั้งคณะทำงานสืบสวน

ตระกูลเย่ในฐานะตระกูลขนาดใหญ่ในเทียนหนานย่อมมีปัญหาสะสมไม่น้อย หากมีการสืบสวนเต็มรูปแบบไม่เพียงคนในทุกแผนกได้รับผลกระทบ แต่ชื่อเสียงในมณฑลคงป่นปี้

ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ตระกูลเย่ไม่พอใจนัก ก็ต้องยอมช่วยสืบหาผู้ต้องสงสัยเพื่อรักษาชื่อเสียงของตน

เซี่ยอู่เยวียนพยักหน้า

“ถ้าจะมีใครที่รู้ทุกซอกทุกมุมในเทียนหนานดีพอ ตระกูลเย่ย่อมเป็นที่หนึ่ง แม้แต่เว่ยคงหมิงผู้ว่าการมณฑลเทียนหนานก็ยังไม่เทียบเท่า”

ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลอาจผลัดเปลี่ยนกันไปได้เรื่อยๆแต่ตระกูลเย่ยังยืนหยัดเหนียวแน่น

การให้ตระกูลเย่ลงมือตรวจสอบจึงแทบไม่เหลือความลับอะไรในมณฑลเทียนหนานที่ตระกูลเย่จะปิดไว้ได้

ผลลัพธ์สุดท้าย…

หากตระกูลเย่สืบพบหลักฐานย่อมเป็นเรื่องดี

หากหาไม่พบ…

ก็คงชัดเจนแล้วว่าใครคือผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

“มันเสี่ยงมากนะ ถ้าพลาดก็คือเล่นกับเสือ”

โยวกวงกล่าว

“ถ้าอยากทำเรื่องใหญ่ คงเลี่ยงการแบกรับความเสี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่ผมคิดออกในเวลานี้” เซี่ยอู่เยวียนตอบ

แม้สำนักงานตรวจการจะสามารถรายงานเบื้องบนได้โดยตรง แต่คงไม่สามารถทำได้หากขาดหลักฐานและมีแค่ความสงสัย

ไม่เช่นนั้นเบื้องบนจะเก็บพวกเขาไว้ทำไม?

“ทันทีที่ผมออกจากตระกูลเย่แล้วถูกโจมตีทันที ราวกับมีเจตนาจะใส่ความตระกูลเย่ด้วยเหตุนี้ ตระกูลเย่ก็คงช่วยสืบอย่างเต็มที่”

เมื่อเซี่ยอู่เยวียนพูดถึงตรงนี้ เขาหยุดเล็กน้อยแล้วมองโยวกวง

“ถ้าหากผมตายไป…”

“ตระกูลเย่” โยวกวงเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ

เซี่ยอู่เยวียนพยักหน้า

บรรยากาศรอบตัวดูเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย

ไม่นานนักเซี่ยอู่เยวียนก็สลัดความกังวลออกและปัดความเป็นไปได้นี้ทิ้งไปชั่วคราว

แม้จะรู้ดีว่าแผนนี้เสี่ยงแค่ไหน แต่เขาก็จำต้องทำ

“ตอนนี้เหลือแค่คำถามสุดท้าย”

เซี่ยอู่เยวียนสูดหายใจลึกแล้วถามอย่างจริงจัง

“ผมอยากรู้ว่า…พวกตัวประหลาดที่คุณจัดการไปก่อนหน้านี้ ทุกตัวแข็งแกร่งถึงระดับปรมาจารย์หรือเปล่า?”

โยวกวงเข้าใจเจตนาในคำถามนี้

เขาพยักหน้า

การพยักหน้าเพียงครั้งเดียวของเขาทำให้เซี่ยอู่เยวียนถึงกับรู้สึกเสียววาบไปทั้งศีรษะ

หากสามารถส่งปรมาจารย์หลายคนหรือเป็นสิบคนได้…จะเป็นกลุ่มอิทธิพลขนาดไหนกัน!?

โลกใต้ดินที่แฝงตัวอยู่ในมณฑลเทียนหนาน…กลับซุกซ่อนสัตว์ร้ายขนาดนี้ไว้หรือ!?

และเบื้องหลังทั้งหมดนี้…

มันซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่!?

“จะสืบต่อไปไหม?” โยวกวงถามด้วยน้ำเสียงขบขัน

“สืบ!” แววตาของเซี่ยอู่เยวียนมีแค่ความมุ่งมั่น

“ผมบอกแล้วว่าจะสืบให้ถึงที่สุด…ไม่ว่าข้างในนั้นจะมีความลับอะไรแฝงอยู่ก็ตาม”

“งั้นผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณ”

โยวกวงยิ้มเล็กน้อยและหันหลังเตรียมจะเดินจากไป

เขายังต้องไปกินข้าวที่เต๋อเย่วโหลวอยู่

“ซูโยวกวง” เซี่ยอู่เยวียนเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”

โยวกวงชะงัก

เขามองชายหนุ่มผู้บรรลุระดับปรมาจารย์ขั้นสูงตั้งแต่อายุเพียงสามสิบเศษ ก่อนพยักหน้าเล็กน้อยตอบรับ

“ตกลง”

เซี่ยอู่เยวียนเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก

แม้เขาจะไม่เคยได้ต่อสู้กับโยวกวงตรงๆจึงไม่รู้ว่าพลังของโยวกวงแท้จริงแล้วแข็งแกร่งเพียงใด

แต่…

โยวกวงสามารถจัดการกับพวกตัวประหลาดที่แม้จะดูเป็นเพียงระดับปรมาจารย์ขั้นสูงแต่แท้จริงแล้วมีพลังต่อสู้เทียบเท่าปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้มากมายหลายตัว พลังของเขา…

คงน่ากลัวกว่าที่เขาคิดไว้มาก

ถึงขั้นไม่อาจวัดด้วยระดับปรมาจารย์ธรรมดา

ในเมื่อสถานการณ์ยังไม่ชัดเจน เบื้องหลังเต็มไปด้วยอิทธิพลใหญ่ที่แฝงตัวอยู่ การมีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้มาร่วมมือในการสืบสวนก็นับเป็นแขนขาที่ยอดเยี่ยมที่สุด

“มนุษย์ธรรมดา นักสู้ ปีศาจ เลือดแห่งเทพ และเหล่าผู้มีอำนาจ”

บนรถโยวกวงรวบรวมและครุ่นคิดถึงคำสำคัญเหล่านี้ในหัว

มนุษย์ธรรมดาเป็นชั้นต่ำสุด เป็นเสบียงให้ปีศาจที่ใช้กินเพื่อกระตุ้นปัญญา

นักสู้อยู่ในลำดับที่สอง พวกปีศาจมองว่านักสู้นั้นเหมาะสมที่จะเป็นร่างสำหรับสิงสู่

ดูเหมือนว่า…

ยิ่งร่างที่มันสิงสู่แข็งแกร่งเท่าไร มันก็ยิ่งสามารถใช้พลังได้สูงเท่านั้น

นอกจากนี้เมื่อปีศาจผสานเข้ากับร่างมนุษย์ มันยังสามารถพัฒนาร่างกายให้แกร่งขึ้นได้อีก

ในทางทฤษฎี ยิ่งปีศาจตนใดมาอยู่โลกมนุษย์ได้นาน ก็จะยิ่งแข็งแกร่ง แต่หากพวกมันติดอยู่ในระดับสี่หรือห้า ต่อให้มาอยู่นานแค่ไหนก็คงวนเวียนอยู่ที่ระดับนั้น

เหนือกว่านักสู้ก็คือปีศาจ…

และกุญแจที่ทำให้ปีศาจดำรงอยู่ในโลกมนุษย์ได้คือ เลือดแห่งเทพ

พวกมันมีเทคนิคสกัดเลือดแห่งเทพที่ช่วยยืดอายุให้ยืนยาว อ่อนเยาว์อยู่เสมอ อีกทั้งยังใช้เลือดแห่งเทพนี้ในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจเพื่อให้ได้รับการคุ้มครอง

แต่…

“มันไม่ใช่แค่นั้น”

โยวกวงคิดในใจ

การใช้เลือดแห่งเทพเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจอาจจะเป็นเพียงกลยุทธ์ชั่วคราว

หรือบางที…

มีอะไรบางอย่างที่เขามองข้ามไป

อาจเป็นไปได้ว่าเมื่อสิบปีหรือยี่สิบปีก่อน วัฏจักรเป็นแบบนั้น

ปีศาจต้องอาศัยการแลกเปลี่ยนกับเหล่าผู้มีอำนาจเพื่อให้มีที่ยืนในโลกนี้

แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา…

สถานการณ์เปลี่ยนไป

ปีศาจเริ่มปฏิบัติการอย่างไม่เกรงกลัวใครอีกต่อไป

“พวกนักสู้อิสระ…และสำนักต่าง ๆ…”

คำสองคำนี้บ่งบอกว่าโลกนี้อาจมีด้านที่เขายังไม่รู้จักอยู่

แต่…

ใกล้แล้ว

ทั้งลูกแก้ววิเศษในมือเขาและการที่เซี่ยอู่เยวียนดึงตระกูลเย่เข้ามาเกี่ยว ทำให้ความจริงเริ่มใกล้เผยตัวออกมา

ในมณฑลเทียนหนาน บุคคลที่มีอำนาจสูงสุด ได้แก่ ผู้ว่าการเว่ยคงหมิง หัวหน้าสำนักงานตรวจการระดับสูงลู่เจิ้นไห่และประธานสภาท้องถิ่นเย่หนานสิง

ถัดจากพวกเขาก็เป็นรองผู้ว่าการ รองหัวหน้าสำนักงานตรวจการและรองประธานสภา รวมถึงกลุ่มอิทธิพลที่หนุนหลังอยู่เบื้องหลัง

บุคคลเหล่านี้ซึ่งมีอยู่ราวสิบคน ก่อร่างสร้างเป็นกลุ่มชนชั้นสูงสุดของมณฑลเทียนหนาน

ส่วนหน่วยงานสำคัญต่าง ๆ เช่น สมาคมวิถีแห่งนักสู้ สำนักงานตำรวจ สำนักงานการศึกษา สำนักงานข้าราชการ และสำนักงานการค้า ส่วนใหญ่แล้วคนจากกลุ่มอิทธิพลเหล่านี้มักจะนั่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญ หรือมีอำนาจในการแต่งตั้งบุคคลากร

และตระกูลเย่ได้แผ่อิทธิพลของพวกเขาไปถึงทุกแผนกสำคัญเหล่านี้

แม้อาจจะไม่สูงสุดในทุกแผนก แต่ในทุกแผนกย่อมมีคนของตระกูลเย่ที่คุ้นเคยอยู่

หากพวกเขาพร้อมทำงานจริง…

พวกปีศาจที่อยู่เบื้องหลังหยู่หลงอินเตอร์เนชั่นแนล รวมถึงผู้นำของพวกมันที่ปีศาจตนที่เขาจัดการไปก่อนหน้านี้พูดถึง ก็คงไม่สามารถซ่อนตัวได้นานนัก

“คุณชายโยวกวง…”

เหลยหยุนที่นั่งขับรถอยู่นิ่งเงียบมานาน สุดท้ายก็เอ่ยขึ้นด้วยความลังเล

“คุณ…”

“อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ”

โยวกวงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

สำหรับทีมลับที่จัดการภารกิจภายหลังการต่อสู้ ซึ่งจะติดตามเขาไปในอนาคต โยวกวงไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร

“อย่างที่ฉันคิด?”

เหลยหยุนเบิกตากว้างทันที

“คุณ…คุณเป็น…”

“แน่นอน” โยวกวงตอบตรงไปตรงมา

“ไม่อย่างนั้นล่ะทำไมผมถึงไม่ได้กลับบ้านมาสิบกว่าปี พอกลับมาแล้ว ท่านหัวหน้าตระกูลซูถึงได้มอบหมายหน้าที่สำคัญให้ทันที?”

“นี่…”

เหลยหยุนสูดหายใจลึก

“สิบเก้าปี…คุณบรรลุระดับปรมาจารย์ขั้นสูงตั้งแต่อายุสิบเก้า! มันช่างเหลือเชื่อจริง ๆ…”

“???”

โยวกวงได้ยินคำอุทานของเธอแล้วยังอดตกใจไม่ได้

สิบเก้า…

บรรลุระดับปรมาจารย์ขั้นสูง?

“คุณชายคะ ตอนนี้คุณอายุแค่สิบเก้าแต่บรรลุระดับปรมาจารย์ขั้นสูงได้แล้ว ถ้ายังรักษาความเร็วนี้ไว้ได้ ก่อนอายุสามสิบคงสามารถทะลุสู่ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้ เป็นปรมาจารย์ระดับสูงของตระกูลเรา!” เหลยหยุนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ตระกูลจางที่ใช้ทุกโอกาสกดดันตระกูลซูเรานั้นก็เพราะการแต่งงานกับจางเทียนจี ปรมาจารย์ผู้นั้นทำให้ตระกูลจางมียศศักดิ์เทียบเท่ากับตระกูลซูเราได้เลย”

“จางเทียนจี?” โยวกวงได้ยินชื่อแล้วนึกออก

“ปรมาจารย์ของตระกูลจาง?”

“ใช่ค่ะ” เหลยหยุนพยักหน้าหนักแน่น

“จางเทียนจีเมื่อวัยเยาว์สร้างปัญหาไว้มากจนโดนไล่ออกจากบ้าน แต่หลังจากที่ออกไปตะลอนไปหลายสิบปี เขาก็กลับมาพร้อมพลังระดับปรมาจารย์ เมื่อคนในตระกูลจางรู้เรื่องนี้ พวกเขาก็รีบไปติดต่อเขาให้กลับคืนตระกูล และด้วยอิทธิพลของปรมาจารย์ผู้นี้ ตระกูลจางก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ระดับแนวหน้าของเทียนหนาน”

“อืม” โยวกวงตอบสั้น ๆ

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ซูชี้หมิงถึงพูดถึงเรื่องร่วมมือกับปรมาจารย์ แล้วก็คิดถึงจางเทียนจี

“หากคุณชายสามารถบรรลุระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดในอนาคตได้ ด้วยอิทธิพลของตระกูลซูเราและศักยภาพของปู้โจวกรุ๊ป วันหนึ่งคงสามารถขยายออกไปทั่วประเทศได้ พอสร้างอิทธิพลทั่วประเทศสำเร็จแล้ว ค่อยสะสมอิทธิพลเพิ่มอีกหลายสิบปี วันหนึ่งตระกูลซูเราก็อาจจะก้าวไปถึงระดับตระกูลชั้นสูงของประเทศได้”

เหลยหยุนแววตาเต็มไปด้วยความปรารถนาต่ออนาคตที่สดใส

“จริงๆแล้ว การคาดเดาของเธออาจจะเกินจริงได้อีกนิด” โยวกวงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“เกินจริงอีกนิด?”

เหลยหยุนอึ้งไปเล็กน้อย

ในวินาทีต่อมา ความคิดที่ไม่น่าเชื่อซึ่งเคยแวบเข้ามาในหัว แต่เธอเคยกดมันไว้ก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง

เธอเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“คุณ…เป็น…ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด…ใช่ไหมคะ?”

โยวกวงพยักหน้าเล็กน้อย

เพียงท่าทางง่ายๆแต่ทำให้เหลยหยุนรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต รู้สึกซู่ซ่าทั่วร่าง

ด้วยความตื่นเต้น ความรู้สึกยินดีที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนนี้ไหลลามไปทั่วทุกอณูในร่าง เธอแทบจะกลั้นความดีใจไม่อยู่ เซลล์ทุกเซลล์ราวกับกำลังโห่ร้องยินดี

ในวินาทีนั้น ทุกความรู้สึกตื่นตะลึง ยินดีและตื่นเต้นถูกแปรเปลี่ยนเป็นคำเพียงหนึ่งเดียว

“หา!?”

(จบบท)

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด