ตอนที่แล้วบทที่ 38 ปรากฏทีละนิด 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 40 ร่วมมือ

บทที่ 39 ขุมทรัพย์ 


กระดูกคอแตกละเอียด เส้นประสาทบริเวณคอก็ขาดสะบั้น

แม้ว่าร่างกายของชายผู้กลายร่างเป็นปีศาจจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่สัญญาณแห่งชีวิตก็กำลังหลุดลอยไปจากเขาอย่างรวดเร็ว

แม้จะเป็นเช่นนั้น โยวกวงที่อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ถึงสองเมตรยังคงโจนทะยานเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วกระทืบลงบนหัวของชายปีศาจอย่างแรง

“กร๊อบ!”

เสียงกระดูกหัวแตกละเอียดดังขึ้นอย่างชัดเจน

“ฮึ่ก…”

โยวกวงพ่นลมหายใจออกมา กลิ่นคาวเลือดคลุ้งออกมาในลมหายใจนี้

ในที่สุดเขาก็วางใจลงได้จริงๆ

“ซื้ว!”

โยวกวงดึงดาบเฉิงอิ่งออกจากร่างของชายปีศาจ

เขาไม่รู้ว่าปีศาจพวกนี้คืออะไรแน่ แต่เมื่อพวกมันยังคงสภาพเป็นมนุษย์จุดอ่อนของพวกมันก็เหมือนมนุษย์

ดังนั้นบาดแผลร้ายแรงที่คอเช่นนี้ ถ้ามนุษย์ยังรับไม่ไหว พวกมันก็ไม่น่าจะรอดเช่นกัน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…

หัวกะโหลกของมันก็ถูกทำลายไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงพลังการโจมตีด้วยจิตที่ปีศาจตนนี้ใช้ ซึ่งแข็งแกร่งกว่าปีศาจตัวใดที่เขาเคยพบ โยวกวงจึงใช้ความพยายามเพิ่มอีกหน่อยในการฟันศีรษะของมันออกมาเพื่อความมั่นใจ

“คุณชายโยวกวง…”

เสียงของเหลยหยุนดังมาจากปากตรอกพร้อมความกังวล

“ไม่มีอะไร”

โยวกวงตอบกลับไป

เนื่องจากต้องจัดการเรื่องเก็บศพ อีกทั้งเขาไม่มีใบขับขี่ จำเป็นต้องให้เหลยหยุนขับรถพาเขาไปที่เต๋อเย่วโหลวแทน

“โทรหาหลินเสี่ยวเว่ยให้เธอมาที่นี่หน่อย”

โยวกวงสั่ง

“รับทราบค่ะ”

เหลยหยุนเมื่อได้ยินก็ถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย

โยวกวงมองไปที่ชายปีศาจอีกครั้ง…

ท่าทางแต่งกายดี มีรถหรูนาฬิกาหรู

เขาจึงไม่พลาดที่จะรักษาขนบธรรมเนียมของ พ่อค้า ในการหาผลประโยชน์ ถอดนาฬิกาของชายปีศาจออกพร้อมกับค้นหาของอื่นๆบนร่างกายเขา

ส่วนเรื่องการยืมเงิน… ตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องตกลงทำสัญญา

หลังจากค้นหาเพียงครู่เดียว โยวกวงก็ได้พบสิ่งของชิ้นหนึ่งที่ไม่คาดคิด

ลูกแก้วสีดำขนาดประมาณลูกปิงปอง

ลูกแก้วนี้ดูใสสะอาดแวววาว คล้ายจะดูดจิตใจของผู้มองเข้าไป

โยวกวงจ้องมองมันครู่หนึ่ง จนคล้ายภาพในหัวเขาเห็นชายคนนี้กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน

คนที่ปลายสายคือชายชรา ซึ่งสั่งให้ชายคนนี้ตามสืบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหยู่หลงอินเตอร์เนชั่นแนลแล้วจัดการผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ภาพเหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้โยวกวงต้องรวบรวมสติกลับมา

“นี่มัน…”

เขามองลูกแก้วสีดำนั้นด้วยความประหลาดใจ

เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว เขาพบว่าอาชีพ พ่อค้า ของเขานั้นได้รับสารอาหารมหาศาล

จำนวนนี้มากกว่าตอนที่เขารับรายได้สามพันล้านหยวนเสียอีก

นี่คือลูกแก้วล้ำค่า

มูลค่าไม่น่าจะต่ำกว่าสามหมื่นล้านหยวน

ใช่แล้ว! สามหมื่นล้าน!

สาเหตุที่สารอาหารเพิ่มขึ้นไม่สูงถึงขั้นสุดนั้น เป็นเพราะในการทำ “ธุรกรรม” ครั้งนี้มีต้นทุน “ค่าแรงงาน” ที่สูงมาก

เขาบาดเจ็บ

เวลาที่เสียไปจากการบาดเจ็บก็จะถูกคำนวณเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนเช่นกัน

นอกจากที่ พ่อค้า ได้รับสารอาหารอย่างมหาศาลแล้ว อาชีพที่สี่ของเขาก็เผยออกมาเช่นกัน

โยวกวงลองสัมผัสความรู้สึกของอาชีพใหม่นี้

ผู้หลอมยุทธภัณฑ์

ตำแหน่งนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“แปลว่า… นี่ไม่ใช่โลกเทคโนโลยีสินะ เป็นโลกแห่งเซียนในเมือง?”

แต่เมื่อเขาตรวจสอบความสามารถขั้นต้นของ ผู้หลอมยุทธภัณฑ์ ในขั้นแรกแล้ว เขาก็เข้าใจ

“วิชานี้… เหมาะกับการไปทำงานในโรงงานจริงๆ”

ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวเขา

แต่เพียงชั่วครู่เขาก็สลัดทิ้งไป

ไปทำงานอะไรล่ะ

ทรัพย์สมบัติของตระกูลซูตั้งหลายหมื่นล้านรอให้เขาไปรับสืบทอดอยู่จะไปทำงานขันน็อตทำไมอีก

แต่อาชีพนี้ในขั้นแรกให้ค่าประสบการณ์จากการผลิตอุปกรณ์ที่มีความละเอียดสูง จากนั้นจึงประกอบให้ใช้งานได้

ประสบการณ์จะเพิ่มขึ้นตามระดับความละเอียด ประโยชน์ ผลกระทบและมูลค่าของสิ่งที่สร้าง

“หมายความว่า ถ้าจะเก็บค่าประสบการณ์จากอาชีพนี้ คงต้องกลายเป็นราชาขันน็อตเองแล้วล่ะสิ หรือไม่ก็เปิดโรงงานแล้วหมุนเกลียวด้วยตัวเอง”

โยวกวงส่ายศีรษะเล็กน้อย

เขามองลูกแก้วในมืออีกครั้ง

แล้วนึกถึงคำพูดของชายปีศาจคนนั้น

“ฆ่าแกเมื่อไร ฉันก็จะได้ข้อมูลที่ต้องการ”

ขุมทรัพย์ที่สามารถดึงความทรงจำของผู้ตายได้อย่างนั้นหรือ?

หรือว่าวิชา ผู้หลอมยุทธภัณฑ์ จะถูกปลุกพลังด้วยลูกแก้วนี้?

แต่ทำไมเขาถึงดึงออกมาได้เพียงแค่ช่วงสั้นๆของชายปีศาจคนนี้?

เพราะพลังจิตของเขายังอ่อนแอเกินไป หรือเพราะพลังจิตของศัตรูแข็งแกร่งเกินไป? หรือว่าการใช้สมบัตินี้ต้องมีคาถาหรือเคล็ดลับบางอย่าง?

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดของแบบนี้…

มันไม่ใช่เรื่องวิทยาศาสตร์แล้ว

“น่าสนใจ”

โยวกวงเก็บลูกแก้วไว้

ครั้งนี้ทั้ง นักล่าปีศาจและพ่อค้า ต่างได้รับประสบการณ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เขาตั้งใจจะใช้โอกาสนี้สร้างผลไม้แห่งวิถีนักสู้ระดับสี่ขึ้นมา เพื่อให้เข้าใกล้การบรรลุระดับห้า “พลังจิต” เมื่อถึงเวลานั้นค่อยใช้เวลาว่างฝึก ผู้หลอมยุทธภัณฑ์ อีกหน่อยเขาอยากรู้ว่าท้ายที่สุดจะสามารถสร้างอาวุธวิญญาณหรือดาบเซียนประจำตัวได้หรือไม่

เมื่อคิดเช่นนั้น สารอาหารมหาศาลก็ไหลเข้าสู่อาชีพ วิถีแห่งนักสู้

ทันใดนั้นวิถีแห่งนักสู้ที่ก้าวหน้ามาถึง 85% ก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จนผลิบานออกดอกออกผล และยังคงเติบโตต่อไปมุ่งสู่ระดับห้า

โยวกวงค่อยๆย่อยความรู้และประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น

ข้อมูลมากมายหลั่งไหลเข้าสู่สมองของเขาเติมเต็มกระบวนการเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขาจนสมบูรณ์

ประสบการณ์อันหลากหลายนี้ทำให้เขาสามารถมองเห็นกระแสพลังเลือดในร่างกายของผู้อื่นได้ด้วยตาเปล่า จากการเคลื่อนไหวของพวกเขา

หากตอนนี้ให้เขาช่วยปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งนำทางในการฝ่าด่านขั้นต่อไป…

อาจไม่แน่นอนถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีโอกาสสำเร็จถึงแปดถึงเก้าส่วน

“ประสบการณ์ถูกใช้หมดแล้ว ผลักดันสู่ระดับห้าและเพิ่มความก้าวหน้าขึ้นไปถึง 15%”

เมื่อก้าวมาถึงจุดนี้ ไม่เพียงแค่เริ่มต้นการบ่มเพาะพลังจิต แต่ยังรวมถึงการเริ่มใช้งานพลังจิตในรูปแบบต่างๆ

การสร้างภาพจินตนาการ

การสะกดจิต

การรับรู้

การควบคุม

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดเกิดมาพร้อมพลังจิต

เมื่อควบคุมจิตใจของสิ่งมีชีวิตได้ ก็สามารถควบคุมพวกมันได้เช่นกัน

แม้ความก้าวหน้าเพียง 15% ยังไม่สามารถแสดงถึงพลังอันแท้จริงของผู้ฝึกขั้นที่ห้าได้ทั้งหมด แต่จากการเริ่มต้นควบคุม “จิต” ในระดับนี้ทำให้โยวกวงได้ตระหนักว่า สิ่งมีชีวิตทั่วไปในสายตาของผู้ฝึกที่ถึงระดับนี้นั้น…

ช่างอ่อนแอเหลือเกิน

หากตอนนี้เขาบ่มเพาะพลังจิตได้สำเร็จ เขาก็สามารถสะกดจิตผู้อื่น ควบคุมจิตใจให้พวกเขากระโดดจากที่สูงฆ่าตัวตายได้

ลองนึกภาพดู หากใช้วิธีการนี้ควบคุมผู้นำในศูนย์ปฏิบัติการอาวุธนิวเคลียร์ ก็คงสามารถทำให้พวกเขาสั่งยิงอาวุธได้โดยง่าย

อย่างไรก็ตาม คนที่มีจิตใจมั่นคงอาจจะสามารถต้านทานการสะกดจิตจากผู้อื่นได้

แต่หากระดับของผู้ฝึกเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหกหรือเจ็ด แม้ความสามารถด้านอื่นจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก แค่การบ่มเพาะพลังจิตที่สมบูรณ์ก็คงสามารถควบคุมบุคคลสำคัญในกองทัพได้ และสั่งให้พวกเขาโจมตีนิวเคลียร์ซึ่งกันและกันจนทำลายล้างโลกได้

“มนุษย์ต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุด”

โยวกวงพึมพำเบาๆ

ไม่ว่าอาวุธจะทรงพลังเพียงใดก็ยังต้องมีคนใช้งานอยู่ดี

ในยุคปัจจุบันนี้ มนุษย์ที่อยู่ร่วมสมัยกับเหล่าผู้ฝึกตนที่สามารถควบคุมพลังจิต…

อ่อนแอเหลือเกิน

แม้โลกสมัยใหม่ที่สว่างไสวและเจริญรุ่งเรืองแค่ไหน ในสายตาของผู้ฝึกระดับ “พลังจิต” ก็ยังเหมือนเงาในกระจกหรือภาพในน้ำ สามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย

“โชคดีที่ผลไม้แห่งวิถีแห่งนักสู้ที่ได้มาในครั้งนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต้านทานสถานการณ์แบบนี้”

โยวกวงตั้งสมาธิสัมผัสถึงผลไม้แห่งวิถีที่เขาสร้างขึ้นในระดับปรมาจารย์ขั้นสี่

ภาพตรึงจิตแห่งสุริยัน

เขาสร้างภาพสุริยันในจินตนาการ ใช้พลังแห่งสุริยันที่ร้อนแรงเผาผลาญทุกสิ่งและปกป้องจิตใจ

ภาพจินตนาการนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีด้วยพลังจิตและการกัดกร่อนทางจิตโดยเฉพาะ

หากเขามีภาพตรึงจิตแห่งสุริยันนี้ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับปีศาจในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ถูกสะกดจิต แต่ยังสามารถใช้พลังสุริยันเผาผลาญจิตใจของอีกฝ่าย ทำให้มันบาดเจ็บทางจิตได้

การต่อสู้ในระดับจิตใจนั้น มีความได้เปรียบมากมายในเชิงพื้นที่

เว้นเสียแต่ว่าจะมีความได้เปรียบอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นการโจมตีด้วยพลังจิตที่ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจย้อนกลับมาทำร้ายตนเองได้

“เมื่อบ่มเพาะพลังจิตได้สำเร็จและใช้ลูกแก้วล้ำค่าในการจัดการปีศาจในครั้งต่อไป ก็อาจได้คำตอบที่ต้องการว่ากลุ่มที่อยู่เบื้องหลังปีศาจเหล่านี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน”

โยวกวงคิดในใจ

ความจริงเริ่มอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

“อยู่ทางนี้!”

ขณะที่โยวกวงกำลังย่อยความรู้จากการต่อสู้นี้ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านนอกตรอก

มีเสียงฝีเท้าหลายคู่…

เมื่อโยวกวงหันไปมอง พบว่าไม่ใช่แค่เหลยหยุนและหลินเสี่ยวเว่ยที่มา ยังมีเย่หยูเหออยู่ด้วย

และในกลุ่มนั้นยังมีเซี่ยอู่เยวียนที่ดูร่างกายอ่อนแรงเพราะบาดเจ็บอยู่ด้วย

เมื่อโยวกวงเห็นเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อลองคิดดูก็ถือว่าเป็นไปตามคาด

เซี่ยอู่เยวียนน่าจะเต็มไปด้วยคำถามในใจตอนนี้

เมื่อหลินเสี่ยวเว่ยบังเอิญอยู่กับเย่หยูเหอในตอนที่เหลยหยุนโทรหาและเซี่ยอู่เยวียนได้ยิน เขาจึงตามพวกเธอมาก็ไม่น่าแปลกใจนัก

“นี่คือ…”

หลินเสี่ยวเว่ยและเย่หยูเหอเห็นศพไร้ศีรษะที่อยู่บนพื้นทันทีที่มาถึง

“คุณชายโยวกวง คุณไม่เป็นอะไรนะคะ?” เหลยหยุนถามด้วยความกังวล

“ไม่เป็นไร” โยวกวงตอบกลับ

แม้ว่าลักษณะปีศาจบนร่างของชายคนนั้นจะหายไปหลังจากที่เขาตายแล้ว แต่เซี่ยอู่เยวียนก็ยังรู้ทันทีถึงจุดสำคัญ

“จำเป็นต้องตัดหัวสินะ?”

โยวกวงหันไปมองเขา รู้ถึงสิ่งที่เขาต้องการสื่อ

“พวกมันมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์เล็กน้อย แต่จุดตายของพวกมันก็เหมือนกับมนุษย์”

เซี่ยอู่เยวียนถอนหายใจลึกๆและกล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า

“พวก…คนพวกนี้ แท้จริงแล้วมีที่มาจากไหนกันแน่?”

“รอให้คุณสืบได้ผลก่อนเถอะ” โยวกวงตอบพร้อมมองเขา

“ดูท่าทางของคุณค่อนข้างแย่เลยนะ”

“ตอนแรกผมคิดว่าเจอแค่คนที่มีระดับปรมาจารย์ธรรมดาแต่พอสู้จริงๆแล้ว พลังของมันไม่ได้ด้อยกว่าผมเลย…ไม่สิ!” เซี่ยอู่เยวียนแม้จะไม่อยากยอมรับแต่ก็พูดออกมา

“ในเชิงวิถีแห่งนักสู้ มันแข็งแกร่งกว่าผมเสียอีก”

“แล้วคุณ…”

โยวกวงมองเขาด้วยความสงสัย

เซี่ยอู่เยวียนหยิบปืนที่มีขนาดใหญ่กว่าปืนพกทั่วไปออกมา

“นี่คือ ‘แบล็คเบลด’ ขนาด 12.7 มม. กระสุนออกแบบพิเศษ ความเร็วต้นถึง 1,130 เมตรต่อวินาที เป็นของขวัญจากเจ้าชายสาม หลังจากที่ผมชนะการแข่งวิถีแห่งนักสู้ครั้งที่สิบสี่”

เห็นได้ชัดว่าผู้ไร้เทียมทานผู้นี้นอกจากวิถีแห่งนักสู้แล้ว…

ยังเชี่ยวชาญเรื่องอาวุธปืนอย่างมากอีกด้วย

โยวกวงพยักหน้า

อาวุธแบบเดียวกันเมื่ออยู่ในมือต่างคนกัน ย่อมให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันอย่างมาก

“นั่นคือ…”

ในขณะนั้นสายตาของเย่หยูเหอสะดุดเข้ากับรอยเท้าไม่ไกลจากศพ

พื้นหินที่รองไว้ถูกเหยียบจนเกิดเป็นรอยเท้าที่ชัดเจน

และที่ผนังซึ่งรอยเท้านั้นมุ่งหน้าไป ยังคงเห็นรอยแตกคล้ายใยแมงมุมอยู่

แรงกระแทกที่รุนแรงขนาดนี้…

เหมือนกับตอนที่เซี่ยลี่ถูกสังหารไม่มีผิด

หากก่อนหน้านี้ยังเป็นเพียงข้อสงสัย ตอนนี้…

มันถูกยืนยันชัดเจนแล้ว

เย่หยูเหอหันมามองโยวกวงด้วยความตื่นตะลึง

น่าเหลือเชื่อที่เด็กหนุ่มซึ่งอายุน้อยกว่าพี่ของเธอเป็นรอบๆนี้จะมีพลังขนาดนี้ได้!?

“นี่…เป็นรอยที่คุณชายโยวกวงทิ้งไว้หรือคะ?”

เหลยหยุนมองพื้นหินที่ถูกเหยียบจนแตก จากนั้นก็เหลือบไปมองรองเท้าของเขาที่มีความเสียหายเล็กน้อย สายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

นี่…

ต้องมีพลังขนาดไหนถึงจะสร้างความเสียหายได้ขนาดนี้!?

ระดับปรมาจารย์?

หรือว่า…

ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุด!?

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด