ตอนที่แล้วบทที่ 331 การหลอมรวมอารยธรรม! สร้างปาฏิหาริย์!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 333 โชคชะตาชักนำ

บทที่ 332 สมอแห่งความวิปลาส:นิรันดร์


[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]

[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]

[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]

บทที่ 332 สมอแห่งความวิปลาส:นิรันดร์

หลายสัปดาห์ต่อมา ณ ตึกที่ถูกทิ้งร้างกลางคันแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองหรงเฉิง

เย่เหรินกำลังสืบสวนเหตุการณ์ประหลาดอย่างน่าเบื่อหน่ายเพียงลำพัง

กลิ่นอับชื้นอบอวลไปทั่วทางเดินอันมืดมิด ผนังปูนหลุดลอก เหล็กเส้นโผล่เปลือยออกมา ดูชวนขนลุกเป็นพิเศษภายใต้แสงสลัว

จากข้อมูลของเหล่าผู้ถือโคม ตึกที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น

เย่เหรินเคลื่อนไหวไปตามทางเดินอย่างเงียบเชียบ ราวกับวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในซากปรักหักพัง

เมื่อเดินมาถึงมุมห้องชั้นสาม แสงสว่างเรืองรองจางๆ  ดึงดูดความสนใจของเขา

แม้แสงนั้นจะริบหรี่ แต่กลับเปล่งประกายราวหิ่งห้อยในยามค่ำคืน ดึงดูดสายตาอย่างประหลาด

เย่เหรินชะงักฝีเท้า แล้วค่อยๆ  เดินเข้าหาแสงนั้น

ยิ่งเข้าใกล้ แสงนั้นก็ยิ่งสว่างชัดเจนขึ้น

สิ่งนั้นคือ นาฬิกาพกโบราณ วางนิ่งอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น ราวกับถูกหลงลืมไว้ในมุมหนึ่งของกาลเวลา

หน้าปัดนาฬิกาเป็นตัวเลขโรมันแบบโบราณ

เข็มนาฬิกาหยุดเดินไปแล้ว ดูเหมือนกาลเวลาจะหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น

เย่เหรินก้มลงหยิบนาฬิกาพกขึ้นมา

สัมผัสของนาฬิกาพกเย็นเยียบ ราวกับทำจากโลหะบางชนิด ผิวเรียบเนียน ไร้ลวดลายหรือรอยสลักใดๆ

เขาพลิกนาฬิกาพกไปมา พยายามหาเบาะแสเกี่ยวกับมัน

"น่าสนใจ"

เย่เหรินลูบไล้ผิวของนาฬิกาพกเบาๆ  ความอยากรู้อยากเห็นก่อตัวขึ้นในใจ

เขาค่อยๆ  เปิดนาฬิกาพกออก

"แกร๊ก!"

เสียงดังกังวาน นาฬิกาพกถูกเปิดออก

ทว่า ทันทีที่นาฬิกาพกเปิดออก พลังประหลาดก็แผ่ซ่านออกมาปกคลุมเย่เหรินในพริบตา!

ทุกสิ่งรอบตัวเริ่มบิดเบี้ยวผิดรูป ก่อนจะหายวับไปในที่สุด

เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง เย่เหรินพบว่าตัวเองอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง

รัตติกาลอันมืดมิดปกคลุมไปด้วยบรรยากาศน่าอึดอัด

ดวงตาของเย่เหรินเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ!

เพราะเขาจำสวนสาธารณะแห่งนี้ได้!

【สวนสาธารณะหนานผิง】

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด!

ทันใดนั้น พื้นดินตรงใจกลางสวนสาธารณะก็ยกตัวสูงขึ้น ดินพลิกตัวปั่นป่วน

ราวกับลาวาที่เดือดพล่าน ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งไปทั่ว

วินาทีต่อมา สัตว์ประหลาดหนวดขนาดยักษ์ที่บิดเบี้ยวก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน!

ร่างกายอันใหญ่โตของมันกินพื้นที่ใจกลางสวนสาธารณะ หนวดจำนวนนับไม่ถ้วนฟาดไปมาในอากาศราวกับงูบ้าคลั่ง

หนวดแต่ละเส้นเต็มไปด้วยเมือกและปุ่มดูด สัตว์ประหลาดหนวดไม่มีตา ไม่มีปาก มีเพียงปุ่มดูดมากมายที่เปิดปิดอยู่ตลอดเวลา

เย่เหรินได้แต่นิ่งงัน

ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับย้อนกลับไปในคืนนั้นเมื่อครึ่งปีก่อน

แม้จะไร้เงาของคนถือโคม แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเหมือนกันอย่างกับแกะ

เสียงคำรามอันน่าขนลุกดังออกมาจากอสูรกายหนวด เสียงแหลมสูงราวกับจะกรีดลึกเข้าไปถึงกระดูก มันสะบัดหนวดจำนวนมาก พุ่งเข้าใส่เย่เหรินราวกับสายฟ้าฟาด!

เย่เหรินชักดาบโลหิตออกจากฝัก!

"วรู้มม——!"

เสียงกังวานประหลาดดังขึ้น หมอกสีแดงฉานพร้อมกับมลทินแห่งความกลัวแผ่กระจายออกมา ปกคลุมทั่วทั้งสวนสาธารณะ

ทว่า อสูรกายหนวดกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

เย่เหรินรู้สึกใจหายวาบ อสูรกายตนนี้ ไม่มีความกลัว? !

นั่นหมายความว่ามันไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ถูกควบคุม!

"เข้าใจแล้ว สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากจิตใต้สำนึกของเรางั้นสินะ"

เย่เหรินพึมพำกับตัวเองอย่างครุ่นคิด ดาบโลหิตแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีแดงฉาน ตัดหนวดที่พุ่งเข้ามาจนขาดสะบั้นในพริบตา!

"ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!"

เสียงหนวดถูกตัดดังขึ้นต่อเนื่อง ราวกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา

แม้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดและไร้สติ แต่มันก็ยังคงไม่ยอมแพ้ หนวดจำนวนมากงอกออกมาจากร่างของมัน พุ่งเข้าใส่เย่เหรินราวกับคลื่นยักษ์!

แววตาของเย่เหรินฉายแววหงุดหงิด เขาฟาดดาบออกไปอีกครั้ง

ร่างของอสูรกายหนวดถูกเย่เหรินแยกชิ้นส่วน กลายเป็นกองเนื้อเน่าเละเทะ กระจัดกระจายอยู่บนพื้น

ทว่า เย่เหรินกลับไม่รู้สึกผ่อนคลาย เพราะ

เขายังคงหาทางออกจากมิติย่อยแห่งนี้ไม่เจอ!

เย่เหรินจึงได้แต่เดินเตร่ไปอย่างไร้จุดหมายภายในสวนสาธารณะแห่งนี้

อสูรกายหนวดตนใหม่ยังคงผุดขึ้นมาจากพื้นดินอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะถูกเขาสังหารอย่างไร้ความปราณี

หลังจากวนเวียนอยู่อย่างนี้หลายครั้ง เย่เหรินก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย

"ที่นี่มันที่ไหนกันแน่?" ความรู้สึกไม่สงบก่อตัวขึ้นในใจของเย่เหริน "เราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง?"

เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรีอันมืดมิด แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งใด นอกจากความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด

ในตอนนั้นเอง

ภายในโลกแห่งความจริง หัวใจของเจียงซุ่ยก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ความรู้สึกหวาดกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ราวกับวิญญาณของเธอถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดแน่น จนแทบหายใจไม่ออก

"เกิดอะไรขึ้น?"

ราชินีบัวแดงที่อยู่ข้างๆ  สังเกตเห็นท่าทางที่ผิดปกติของเจียงซุ่ย จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

เจียงซุ่ยส่ายหน้า ใบหน้าซีดเผือด ลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับเธอ — เย่เหรินกำลังตกอยู่ในอันตราย!

"ฉัน ฉันรู้สึกว่าพี่เย่กำลังประสบปัญหา!"

ใบหน้าของเจียงซุ่ยซีดขาว น้ำเสียงสั่นเทา

"อะไรนะ? !"

เมื่อราชินีบัวแดงได้ยินดังนั้น ก็ตกใจมาก

รีบใช้พลังของตน พยายามสัมผัสถึงตำแหน่งของเย่เหริน ทว่าไร้ผล

เรื่องใหญ่แล้ว!

ราชินีบัวแดงวาร์ปขึ้นไปบนฟ้า แล้วฟาดฝ่ามือใส่สหายรักที่กำลังคอสเพลย์เป็นจันทราดำเข้าอย่างจัง

"สหายของเจ้ามีเรื่องแล้ว!"

จ้าวแห่งความฝันได้แต่เลิกคิ้วอย่างสงสัย

แต่จ้าวแห่งความฝันก็เหมือนกับราชินีบัวแดง คือไม่สามารถสัมผัสถึงตำแหน่งที่แน่นอนของเย่เหรินได้

ราวกับว่าเขาถูกดึงออกไปจากโลกนี้แล้ว!

ตอนนี้เจียงซุ่ยไม่จำเป็นต้องใช้มีดสั้นบูชายัญโลหิตอีกต่อไป

ในฐานะต้นไม้โลก เธอสามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยตัวเอง!

"อยู่ที่ไหนกันนะ?"

เจียงซุ่ยพึมพำ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ  ลวดลายของต้นไม้โลกปรากฏขึ้นบนร่างกายอันบอบบางของเธอ

แต่ครั้งนี้ ลวดลายของต้นไม้โลกกลับค่อยๆ  ซึมออกมาเป็นเลือดสีแดงสด

เลือดเหล่านี้ร้อนราวกับลาวา ราวกับจะเผาผลาญผิวหนังของเจียงซุ่ยจนมอดไหม้

ความเจ็บปวดรุนแรงเกือบทำให้เจียงซุ่ยหมดสติ แต่เธอก็อดทนต่อความเจ็บปวดนั้น

พลังใจในขณะนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา!

"เจอแล้ว"

ในขณะที่แรงสะท้อนกลับจากความเป็นจริงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  ดวงตาของเจียงซุ่ยกลับเปล่งประกาย

"เคร้ง!"

ทันใดนั้น ช่องว่างตรงหน้าเจียงซุ่ยก็แตกสลายเหมือนกระจก เผยให้เห็นความว่างเปล่าอันไร้รูปร่าง

แรงดูดมหาศาล ดึงเจียงซุ่ยเข้าไปในนั้น!

เมื่อเจียงซุ่ยลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคยแต่ก็แปลกตา

มันคือสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง แต่ท้องฟ้ากลับปกคลุมไปด้วยความมืดมิดน่าขนลุก

ส่วนเย่เหรินกำลังโอบกอดเธอไว้ด้วยสีหน้าเป็นห่วง

"น้องเจียง? !"

เจียงซุ่ยที่วาร์ปมาอย่างฝืนๆ  ตอนนี้อ่อนแออย่างมาก ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากไร้สีเลือด

ดวงตาคู่สวยที่เคยสดใสก็หม่นหมองลง ราวกับว่าจะหมดสติได้ทุกเมื่อ

แต่เธอก็ยังฝืนความอ่อนแอ พยายามยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก ใช้แรงเฮือกสุดท้ายก่อนจะหมดสติไป พูดเบาๆ  ว่า

"ดูสิ ฉันเจอพี่อีกแล้ว"

หัวใจของเย่เหรินกระตุกวูบ เขาโอบกอดเจียงซุ่ยที่หมดสติไปแน่นขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความปวดใจและกังวล

เจียงซุ่ยเอ๋ย เจียงซุ่ย

เธอช่าง

ราวกับมีจิตสำนึกของตัวเอง คอยกำจัดเหล่าสัตว์ประหลาดหนวดที่เกิดขึ้นมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด