ตอนที่แล้วบทที่ 271: อีก 10 วินาที ฉันต้องได้พบภรรยาของฉัน! (ตอนฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 273: ฉันกลายเป็นลูกนอกสมรสของจักรพรรดิผีแห่งเฟิงตูไปแล้วหรอ?  

บทที่ 272: อีก 10 วินาที ฉันต้องได้พบภรรยาของฉัน! (2) (ตอนฟรีเดือดๆ)  


บทที่ 272: อีก 10 วินาที ฉันต้องได้พบภรรยาของฉัน! (2) (ตอนฟรีเดือดๆ)

ราชาผีลุกขึ้นยืนและมองดูซูหยางด้วยรอยยิ้ม “แขกของเราไม่ใช่ใครอื่นนอกจากราชาค้อนพายัพ นักพรตเต๋าค้อนเหล็ก หรือจะเรียกว่า อาจารย์ซูดีล่ะ?”

ราชาผีตนนี้อ้วนท้วน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความร่าเริง

ซูหยางไม่ได้สนใจเขาเลย แทนที่จะทำอย่างนั้น เขากลับมองไปที่แม่ทัพในชุดเกราะทอง “ฉันได้ยินมาว่านายต้องการพบฉันหรอ”

หลังจากดื่มเหล้าหนึ่งจอก แม่ทัพก็ตอบอย่างใจเย็นว่า “บุคคลอย่างนายได้ปรากฎตัวขึ้นในดินแดนซีเซียของเรา มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราควรทำความรู้จักกับนายไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายได้ฆ่าผู้ดูแลตลาดผีหลักของเราไปถึงสามคนและพาคุณหนูเยว่ไป เราต้องพบกันอย่างแน่นอน”

“หากนายต้องการพบฉัน นายสามารถทำเมื่อใดก็ได้ ทำไมต้องกักขังภรรยาของฉัน?”

ซูหยางพูดด้วยท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน จิตสังหารฉายชัดอยู่รอบตัวเขา

“อย่าให้มันมากเกินไปนะ!”

ด้านหลังแม่ทัพ ผีสาวใช้คนหนึ่งของเขาเคลื่อนตัวออกมานอกประตูอย่างกะทันหัน

เธอสวมชุดหนังสีดำที่พอดีตัวและแผ่ออร่าเย็นชาออกมา เธอจ้องไปที่ซูหยางอย่างเย็นชา “นายกล้าดียังไงมาพูดกับท่านแม่ทัพแบบนั้น คุกเข่าขอโทษซะ! ไม่อย่างนั้น วันนี้นายจะไม่มีทางได้ออกจากคฤหาสน์หลังนี้แน่!”

“ไสหัวออกไป!”

ซูหยางปล่อยพลังงานออกมาอย่างแรง สายฟ้าฟาดลงมาล้อมรอบเขา เปลวเพลิงลุกโชนขณะที่ต่อยไปที่สาวใช้โดยตรง ทำให้เธอกระเด็นเข้าไปในห้อง จากนั้นเขาก็มองไปที่แม่ทัพและราชาผีอีกสามตน พร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า

“ฉันจะให้เวลาสิบวินาที ในสิบวินาทีนี้ ถ้าฉันไม่เห็นภรรยาของฉัน... วันนี้ ฉันจะทำลายคฤหาสน์หลังนี้ และพลิกตลาดผีซีเซียแม่งซะเลย!”

“แกกล้าได้อย่างไร!”

“ไอ้สารเลวนี่!”

“นักพรตเต๋าค้อนเหล็ก แกจะกล้ามากเกินไปแล้ว!”

จู่ๆ ซูหยางก็เคลื่อนไหว และขว้างคำขาดใส่แม่ทัพ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้แม่ทัพและราชาผีอีกสามตนสะดุ้งและลุกขึ้นยืน พลังหยินรอบตัวพวกเขาปะทุขึ้น และพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ...

แต่ในขณะนี้เอง...

วูบ!

ซูหยางหยิบเหรียญพิเศษออกมา

สัญลักษณ์ดังกล่าวแผ่ออร่าอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้แม่ทัพและเหล่าราชาผีต่างหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ จากนั้นซูหยางก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดแม่ทัพและคนอื่นๆ แล้วพูดว่า “เดี๋ยวก่อน มีคนโทรมา เดี๋ยวฉันจะฆ่าพวกแกทีหลัง”

สัญลักษณ์ในมือของเขาเริ่มสั่นเล็กน้อย

จากนั้น สัญลักษณ์ก็หายไปพร้อมกับควันสีเขียวที่พวยพุ่งออกมาจากควันนั้น ร่างของท่านซุยปรากฏออกมา ใบหน้าของเขาดูเป็นมิตรอย่างถึงที่สุด “ซูหยาง นี่ก็ผ่านไปสักพักแล้วนะ… นายเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม?”

เขาทักทายซูหยางราวกับเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน

อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านซุยพูด ซูหยางก็ตระหนักได้ทันทีว่า…

ท่านซุยคงได้พยายามและตระหนักได้แล้วว่าตัวเขาเองเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเผาอาวุธให้ ‘ยมโลก’ ได้

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ตัวซูหยางเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เขาก็รู้ดีว่า... ตอนนี้เขามีผู้พิพากษาสูงสุดแห่งยมโลก ท่านซุย อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว

ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ “พี่ซุย อะไรทำให้คุณมาที่โลกมนุษย์ในวันนี้กัน ถ้าคุณมีเรื่องจะปรึกษา แค่ส่งข้อความธรรมดามาก็พอแล้วแท้ๆ”

“ส่งข้อความ?”

ท่านซุยดูงุนงง

ซูหยางอธิบายว่า “ก็ที่เราคุยกับผ่านตราแล้วมีข้อความปรากฏขึ้นไง…”

“อ๋อ เข้าใจแล้ว นั่นคือสิ่งที่พวกมนุษย์เรียกกันงั้นหรอ? นั่นเป็นชื่อเรียกที่ดีทีเดียว”

ท่านซุยกล่าวว่า “น้องซู จริงๆ แล้ว วันนี้ฉันจงใจมาที่โลกมนุษย์ในวันนี้ก็เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องหารือกับนาย… เราไปคุยที่โรงเตี๊ยมกันเถอะ… โอ้ นี่เราอยู่ที่ไหนเนี่ย?”

เขาหันไปมองรอบๆ แล้วตอบสนองว่า “นี่คือ… ตลาดผี?”

ในขณะเดียวกัน แม่ทัพชุดเกราะทองและราชาผีตนอื่นๆ ในที่สุดก็จำตัวตนตรงหน้าคนนี้ได้ หลังจากความตกตะลึงในตอนแรก ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงและอุทานว่า “ขอคารวะท่านผู้พิพากษาด้วยความนอบน้อม!”

เครื่องแต่งกายของผู้พิพากษาของท่านซุยมีลักษณะเฉพาะเกินไป

แต่สำหรับผีเหล่านี้ ท่านซุยก็มีความหมายที่แตกต่างกัน

เมื่อผีเข้าไปในยมโลกและเดินไปตามเส้นทางหยินหยาง พวกเขาก็จะต้องผ่านเมืองเฟิงตูก่อนและค่อยเผชิญกับการตัดสินของท่านซุย เมื่อนั้นจึงจะตัดสินได้ว่าพวกเขาจะถูกส่งไปที่นรกทั้งสิบชั้น ได้รับซุปเหมิงโปเพื่อไปเกิดใหม่ หรือถูกส่งไปยัง “คุกขนาดเล็ก” ที่ควบคุมโดยสิบโถงแห่งยมโลก!

อาจกล่าวได้ว่าชะตากรรมของพวกเขาทั้งหมดอยู่ในกำมือของ “ผู้ยิ่งใหญ่” ตรงหน้าพวกเขา

เพียงแค่ความคิดของเขา พวกเขาก็อาจจะกระจัดกระจายไปตามสายลมได้

“นี่คือ…”

ท่านซุยมองซูหยางอย่างงุนงง “นายไม่ใช่นักพรตเต๋าของนิกายจิงหมิง ศิษย์ของปรมาจารย์สวรรค์ซูหรอ? นายไปปะปนกับผีกระจอกพวกนี้ได้ยังไง? ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดผียังอยู่นอกเหนือขอบเขตอำนาจของโลกมนุษย์และไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของยมโลก มันอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ เราควรอยู่ให้ห่างจากสถานที่แบบนี้จะดีกว่านะ”

ซูหยางยิ้มอย่างขมขื่น “พี่ซุยคงยังไม่รู้ แต่ภรรยาของฉันถูกไอ้แม่ทัพคนนี้จับตัวมา… ใครกันจะอยากมาที่แบบนี้ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น?”

“น้องสะใภ้ถูกจับตัวมางั้นเรอะ?”

ท่านซุยงุนงง “ไม่สิ น้องสะใภ้ไม่ใช่เซียนผีหรอ? เธอสามารถฆ่าพวกไร้ประโยชน์พวกนี้ได้อย่างง่ายดายด้วยพลังของเธอ”

เซียนผี?

คุณคงกำลังพูดถึงเย่เหนียงใช่ไหม?

โดยไม่ได้อธิบายความสัมพันธ์ของเขากับเย่เหนียง ซูหยางหน้าแดง ลดเสียงลงและพูดว่า “พี่ซุย พูดตามตรงนะ… ฉันมีภรรยาอีกสองสามคน”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง น้องซูนี่ร้ายจริงๆ”

ท่านซุยยิ้ม จากนั้นเขาก็เหยียดมือออกไปจับแม่ทัพเกราะทองซึ่งมีพละกำลังเหนือกว่าราชาผีตัวอื่นและดูดมันเข้าไปในลูกบอลพลังหยิน จากนั้นเขาก็โบกมือไปในอากาศ และประตูผีก็ดูเหมือนจะปรากฏขึ้นจากอากาศเปล่า ด้วยการเหวี่ยงแขนอีกครั้ง ท่านซุยก็โยนแม่ทัพเกราะทองเข้าไปในนั้น

“นายท่าน!”

ผีสาวใช้ร้องอุทาน กระโดดไปข้างหน้าเพื่อพยายามดำดิ่งเข้าไปในประตูผี

ท่านซุยดีดนิ้วของเขา ทำให้ผีสาวใช้ตัวแตกและเสียชีวิตลงในทันที เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “เส้นทางหยินหยางยังไม่สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฉันที่จะเปิดประตู พวกแกเป็นเพียงราชาผี กลับต้องการจะเข้าไปในเมืองเฟิงตูหรอ?”

ราชาผีอีกสามตนกลัวจนแทบตายและร้องขอความเมตตา “โปรดอภัยให้เราด้วย ท่านผู้พิพากษา!”

“ปล่อยพวกเราไปเถอะท่านอาจารย์ซู… การจับกุมคุณหนูเยว่เป็นความคิดของไอ้แม่ทัพชั่วเพียงคนเดียว เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้เลย… เราแค่มาที่นี่เพื่อกินดื่มก็เท่านั้น!”

ท่านซุยมองไปที่ซูหยาง

จากนั้นซูหยางก็พูดว่า “พวกมันเป็นเพียงราชาผีน้อยไม่กี่ตัว จะอยู่หรือตายก็มีค่าไม่ต่างกัน…”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ราชาผีที่เหลืออีกสามตนก็ดีใจ หนึ่งในนั้นยิ้มและพูดว่า “ท่านอาจารย์ซู ฉันรู้ว่าคุณหนูเยว่ถูกขังอยู่ที่ไหน ฉันจะไปพาเธอมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย!”

เขารีบวิ่งออกไป

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็กลับมาพร้อมกับเยว่ฉีลั่ว

เยว่ฉีลั่วดูสับสน…

เกิดอะไรขึ้น?

หลังจากทราบสิ่งที่เกิดขึ้น เยว่ฉีลั่วก็เข้ามาในห้องและทันทีที่เธอเห็นท่านซุย เธอก็อยากจะคุกเข่า แต่ท่านซุยก็รีบโบกมือห้ามเธอพร้อมกล่าวว่า “ฉันถูกใจน้องซูตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้ว และเราก็เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน น้องสะใภ้ เธอไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพมากขนาดนั้นก็ได้ ถ้าเธอต้องการ จะเรียกฉันว่าพี่ใหญ่ก็ได้”

เยว่ฉีลั่วเป็นคนฉลาดหลักแหลมและเรียกเขาว่าพี่ใหญ่โดยทันที ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับท่านซุยใกล้ชิดกันมากขึ้นโดยทันที

ท่านซุยได้ขอบางอย่างจากซูหยางแล้วกล่าวทันทีว่า “น้องสะใภ้ ในฐานะราชาผี ความแข็งแกร่งของเธอไม่ได้อ่อนแอ เมื่อพิจารณาถึงสิ่งนี้ ฉันจะมอบตลาดผีนี้ให้กับเธอก็แล้วกัน”

“ห้ะ?”

เยว่ฉีลั่วดีใจมาก แต่ดูเผินๆ เหมือนจะไม่แน่ใจเล็กน้อย “พี่ใหญ่ ฉันได้ยินมาว่ามีเจ้าของอยู่เบื้องหลังตลาดผีแห่งนี้ ซึ่งฉันได้ยินมาว่าเขาทรงพลังมาก และเกือบจะเป็นเซียนผีแล้ว”

“ไม่ต้องกังวล ฉันจะจัดการกับเจ้าของตลาดผีที่อยู่เบื้องหลังเอง”

ท่านซุยชี้ไปที่ราชาผีทั้งสามแล้วพูดต่อ “ส่วนพวกแก…”

เขาหยุดชะงัก น้ำเสียงของเขากลายเป็นเย็นชา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกแกจะต้องช่วยน้องสะใภ้ของฉันจัดการกับตลาดผีแห่งนี้ หากพวกแกกล้าอู้หรือคิดชั่วใดๆ ก็ตาม พวกแกก็คงรู้นะว่าจุดจบของพวกแกจะเป็นยังไง?”

ราชาผีทั้งสามตัวสั่นเทาและรีบสัญญาว่าจะรับใช้ตามหน้าที่เป็นอย่างดี

เมื่อจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ท่านซุยจึงกล่าวว่า “น้องซู ไปกันเถอะ… เราไปหาที่คุยธุระกันดีกว่า”

ซูหยางยิ้มและตอบว่า “พี่ใหญ่นำทางได้เลย”

ระหว่างนั้น เขาก็คิดในใจว่า…

ท่านซุยสุดยอดขนาดนี้ ฉันจะเอาเปรียบเขาได้ยังไง?

*อัญเชิญเทพมาตบเกรียน ความสัมพันธ์แบบพี่ซุยน้องซูนี่มันน่ารักจริงๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด