บทที่ 26 ปัญหาได้มาถึงเร็วกว่าที่เขาคาดไว้
บทที่ 26 ปัญหาได้มาถึงเร็วกว่าที่เขาคาดไว้
สิ่งที่เรียกว่าพลังวิญญาณแห่งความชั่วร้ายคือปราณแห่งความชั่วร้ายและเลวทรามที่ปล่อยออกมาเมื่อสิ่งมีชีวิตตายลง ผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมะมักจะหลีกเลี่ยงมันให้ได้ในทุกวิถีทาง ในขณะที่ผู้ฝึกตนปีศาจมักจะแสวงหามัน
สำหรับผู้ฝึกตนปีศาจเช่นชู่ซวน พลังวิญญาณแห่งความชั่วร้ายมีประโยชน์มากมาย มันสามารถผสมลงในเครื่องมือเวทย์ ใช้ในการโจมตีและป้องกัน และแม้กระทั่งใช้ในการฝึกฝนได้
การจัดตั้งค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณแห่งความชั่วร้ายที่โรงแรงฮั่วไท่มีจุดประสงค์ 2 ประการ อย่างแรกคือเพื่อรวบรวมพลังวิญญาณไว้ใช้เอง และเพื่อขับไล่ผู้บุกรุกที่พยายามเจาะลึกไปในค่ายกลหมอดลึกลับโดยอัตโนมัติ
เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ชู่ซวนก็จัดวางชุดค่ายกลทั้งสองชุดได้อย่างเหมาะสมแล้ว ด้วยค่ายกลทั้งสองที่วางไว้พร้อมกับหุ่นเชิดศพที่เขาทิ้งไว้ คงจะยากที่ใครจะแทรกซึมเข้าไปในโรงแรมฮั่วไท่ได้ สิ่งนี้ทำให้ฐานปฏิบัติการของเขาปลอดภัยอย่างมาก
“นี่จะถือเป็นถ้ำที่พำนักของข้าได้ไหม?” จู่ๆ ชู่ซวนก็หัวเราะคิกคัก “ใครจะไปคิดว่าถ้ำที่พำนักของข้าจะไม่ได้อยู่ในอาณาจักรลึกลับ แต่จะเป็นบนโลกแห่งความหายนะล่ะ”
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็กลับมาที่ดาดฟ้า เขาเก็บหลงและเป่าไว้ในหอคอยบ่มเพาะศพ
“ฮู เจ้าจะเป็นผู้บังคับบัญชาหุ่นศพทั้งหกตัวและสุนัขสองตัว หลังจากที่ข้าออกไปแล้ว ให้เฝ้าโรงแรมฮั่วไท่ไว้ให้ดี หากเจ้าหิวให้ออกไปล่าซอมบี้ แต่อย่าก่อเรื่องวุ่นวาย พยักหน้าหากเจ้าเข้าใจ” ชู่ซวนสั่ง
“โฮกกๆ!” ฮูตอบด้วยเสียงทุ้มลึกพร้อมพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า สติปัญญาของมันเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเวลาผ่านไป ตอนนี้มันเทียบได้กับเด็กอายุเจ็ดหรือแปดขวบ มันเข้าใจทุกสิ่งที่ชู่ซวนพูด
ชู่ซวนรู้สึกสบายใจที่ได้ปล่อยให้ฮูเป็นคนดูแล ฮูเป็นหุ่นเชิดศพตัวแรกของเขา มันมั่นคงและเชื่อฟังที่สุด
หลังจากมองดูรอบๆ เป็นครั้งสุดท้าย ชู่ซวนก็หยิบกระจกโลหิตออกมาจากกระเป๋าเก็บของของเขา พลังงานของกระจกได้รับการชาร์จจนเต็มและพร้อมใช้งานได้ทุกเมื่อ เขาเพียงแค่ชะลอการออกเดินทางเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างพรั่งพร้อมที่สุด
ชู่ซวนสัมผัสกระจกโลหิตเบาๆ แล้วจู่ๆ กระจกก็กลืนกินเขาไป ทันใดนั้นร่างของเขาก็หายไปจากดาดฟ้า
ฮูส่งเสียงคำรามเบาๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกสูญเสียบางอย่าง เจ้านายของมันจากไปแล้ว..จากไปในที่อันห่างไกล ตอนนี้ถึงคราวของฮูที่ต้องปกป้องถ้ำของเจ้านาย มันตัดสินใจว่าจะไม่ให้คนชั่วเข้ามาใกล้สถานที่นี่อย่างเด็ดขาด
ภายในถ้ำในอาณาจักรลึกลับ ร่างของชู่ซวนปรากฏขึ้นโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า เขาสำรวจบริเวณโดยรอบ ครั้งสุดท้ายที่เขาออกไปคือถ้ำแห่งนี้ ซึ่งตอนนั้นมีหมีอยู่ตัวหนึ่ง วันนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อกระจายสัมผัสออกไปทั่วบริเวณนั้น ชู่ซวนก็ไม่พบผู้ฝึกตนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เขาหยิบธงค่ายกลที่วางไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาและผลักก้อนหินที่ปิดกั้นทางเข้าถ้ำออกไป ทันใดนั้นแสงแดดก็สาดส่องเข้ามา อากาศแจ่มใส และลมพัดเอื่อย ๆ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพลังจิตวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์ก็เติมเต็มปอดของเขา ทำให้จิตวิญญาณของเขารู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างมาก
“ครั้งนี้ข้ามีเป้าหมายสามอย่าง” เขาครุ่นคิด “อย่างแรกคือซื้อหม้อต้มยาที่เหมาะสำหรับปรุงเม็ดยาโลหิตสร้างรากฐาน ประการที่สองคือซื้อสมุนไพรจิตวิญญาณต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการปรุงยา และประการที่สามคือซื้อเครื่องมือเวทย์การบินคุณภาพสูง”
ชู่ซวนใช้เทคนิคในการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาเพื่อมุ่งหน้าไปยังตลาดสันติภาพที่อยู่ใกล้ ๆ
การที่เขาต้องการเดินทางกลับตลาดสันติภาพนั้น เนื่องจากนิกายดวงดาวศักดิ์สิทธิ์ได้สำรวจพื้นที่ไปแล้วครั้งหนึ่งและบุกโจมตีที่อาณาเขตของตระกูลหวู่ พวกเขาจึงไม่น่าจะดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติมกับตลาดสันติภาพ ดังนั้นสถานที่นี่จึงปลอดภัย
เขามาถึงจัตุรัสตลาดอีกครั้ง ตลาดยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้รับผลกระทบจากแผนการอันยิ่งใหญ่ของนิกายหลักทั้งห้า มีเพียงการนินทาระหว่างมื้ออาหารเท่านั้น
คราวนี้ชู่ซวนสวมรอยเป็นชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น อย่างไรก็ตามคิ้วเฉียงๆและจมูกเหยี่ยวของเขาทำให้เขามีออร่าที่เฉียบคมและน่าเกรงขามมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนที่ควรค่าแก่การล้อเล่นได้
เช่นเคย ชู่ซวนไม่รีบไปซื้อของแต่กลับเดินไปที่ร้านน้ำชาในตลาดสันติภาพแทน เขาเลือกที่นั่งอย่างระมัดระวัง ไม่เพียงแต่จะอยู่ใกล้หน้าต่างเท่านั้น แต่ยังมองเห็นทางเข้าด้านเหนือและใต้ของจัตุรัสได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
สถานที่นี่ทำให้เขาสังเกตเห็นเมื่อมีบางอย่างผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่จิบชา ชู่ซวนก็ฟังบทสนทนาของผู้ฝึกตนคนอื่นๆ อย่างตั้งใจ โดยใช้เทคนิคที่ช่วยให้การได้ยินของเขาดีขึ้น ในไม่ช้าเขาก็รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดได้
“สิบวัน” ชู่ซวนยิ้มบาง เขาใช้เวลาสามเดือนในโลกสีน้ำเงิน แต่ผ่านมาเพียงสิบวันในอาณาจักรลึกลับ
สำหรับผู้ฝึกตนที่นี่ ด้วยระยะเวลาสิบวันดูเหมือนว่าเขาจะก้าวจากระดับที่หกไปเป็นระดับที่เก้าของขอบเขตการกลั่นพลังปราณเพียงแค่ดีดนิ้ว
อัตราความก้าวหน้าเช่นนี้ แม้แต่ในหมู่อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ มันก็ยากที่จะเกิดขึ้นและยากที่จะคาดคิดอย่างมาก!
"หืม?"
จู่ๆ คิ้วของชู่ซวนก็ยกขึ้น ดวงตาของเขาเหลือบไปที่มุมหนึ่งซึ่งมีชายชราและเด็กชายนั่งอยู่ ใบหน้าของพวกเขาไม่คุ้นเคยสำหรับเขา เมื่อมองดูใกล้ๆ เขาสังเกตเห็นร่องรอยของเทคนิคการปลอมตัว ที่สำคัญกว่านั้นเขาได้ยินการสนทนาของพวกเขาด้วย
“...พี่เว่ย ท่านคิดว่าจางเฉิงจะมาไหม? มีโอกาสไหมที่เขาจะหันไปหานิกายดวงดาวศักดิ์สิทธิ์แล้วทรยศพวกเราหรือป่าว?”
“เพราะเหตุนี้เราจึงใช้การปลอมตัวและรออยู่ที่นี่แทนที่จะไปพบเขาโดยตรง เราต้องสังเกตสภาพแวดล้อมก่อน..เจ้าไม่เข้าใจเหรอ?”
“อ๋อ ข้าเข้าใจแล้ว”
“ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันสิบห้านาทีแล้ว เวลาที่นัดไว้คือบ่ายโมงสิบห้านาที เขาน่าจะมาถึงเร็วๆ นี้ อยู่ให้ใกล้และทำตามคำแนะนำของข้าเมื่อถึงเวลา”
"รับทราบ"
ทันใดนั้นชู่ซวนก็เดาตัวตนของชายทั้งสองได้ พวกเขาคือศิษย์ขอบเขตการกลั่นพลังปราณจากนิกายอนันต์ เฉินเกอและเว่ยหัว!
ส่วนจางเฉิงชู่ซวนก็จำเขาได้เช่นกัน ในบรรดาศิษย์ขอบเขตการกลั่นพลังปราณ จางเฉิงเป็นนายหน้าที่ฉาวโฉ่ เป็นที่รู้จักดีจากการขายเครื่องมือเวทย์มือสองที่ตกทอดมาจากศิษย์ของผู้อาวุโส
ดาบบินของชู่ซวนได้รับมาจากจางเฉิง เนื่องจากเป็นของมือสองจึงมีราคาถูกกว่าสิบถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์
“ครั้งสุดท้ายที่นิกายดวงดาวศักดิ์สิทธิ์บุกโจมตีตระกูลหวู่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรอดชีวิตและยังมีชีวิตอยู่ และตอนนี้พวกเขาปรากฏตัวในตลาดสันติภาพ... ข้าเข้าใจแล้ว พวกเขายังคงซ่อนตัวอยู่ในตระกูลหวู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตระกูลหวู่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับนิกายดวงดาวศักดิ์สิทธิ์โดยสิ้นเชิง”
ชู่ซวนเคาะโต๊ะเบาๆ จัดเรียงความคิดของเขาอย่างเงียบๆ และคำนวณตามหลักเหตุผลของเขาอย่างรวดเร็ว
“มาหาจางเฉิงเพื่อซื้อของเหรอ? นี่มันกล้ามากเลยนะ”
ชู่ซวนส่ายหัวเล็กน้อย ในช่วงเวลาเช่นนี้ใครๆ ก็อาจกลายเป็นคนทรยศได้ การติดต่อกับศิษย์ที่แยกจากนิกายอนันต์อีกครั้งอาจนำไปสู่การซุ่มโจมตีโดยผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมะได้
สำหรับเขา ถ้าไม่มีเหตุผลที่คอขาดบาดตายเขาจะไม่ทำเช่นนี้เด็ดขาด!
“ข้าไม่สามารถอยู่ที่ตลาดสันติภาพได้อีกต่อไป ข้าต้องออกไปจากที่นี่ทันที แม้ว่าจางเฉิงจะไม่ใช่คนทรยศ แต่เขาก็อาจจะดึงดูดความสนใจโดยไม่รู้ตัว หากพวกเขามาพัวพันกับข้า..มันคงยุ่งยากอย่างมาก”
ชู่ซวนลุกขึ้นทันที ความสัมพันธ์ของเขากับเฉินเกอและเว่ยหัวเป็นเพียงความสัมพันธ์แบบคนรู้จักทั่วๆ ไปเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อนสนิท ในสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนและอาจเป็นอันตรายอย่างมากเช่นนี้ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องแน่ใจว่าตัวเองต้องปลอดภัย
อย่างไรก็ตามขณะที่สายตาของชู่ซวนกวาดผ่านหน้าต่างไป เขาก็สังเกตเห็นร่างหนึ่งกำลังก้าวเดินมายังทางเข้าของตลาดสันติภาพ ชายผู้นั้นถือห่อที่เปื้อนเลือดและแผ่ออร่าฆ่าฟันที่รุนแรงออกมา
อย่างไรก็ตามใบหน้าหล่อเหลาของเขากลับมีรอยยิ้มที่อบอุ่น ดูเหมือนจะเข้าถึงได้ง่าย อารมณ์สองอย่างที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดปรากฏอยู่ในคนคนเดียว
ชู่ซวนถอนหายใจเบาๆ
นี่มัน…
..ปัญหาได้มาถึงเร็วกว่าที่เขาคาดไว้….
………………………..