บทที่ 215-1+215-2 ขายอสังหาริมทรัพย์ ใครบางคนมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
เฉิงกวงหมิงมองเฉินเฟิงบนเวที กำหมัดแน่น
เด็กสองห้องที่เขาสอน ไม่มีใครได้รางวัลเลยสักคน?
ต้องรู้ไว้ว่าห้องสองห้องที่เขาดูแลอยู่นั้น เป็นทั้งที่หนึ่งและที่สองของระดับชั้นเชียวนะ!
แถมช่วงนี้เขายังเข้าไปที่ห้องเรียนหลายครั้ง นักเรียนทั้งสองห้องมีความกระตือรือร้นในการเรียนเพิ่มขึ้นมาก
โดยเฉพาะห้องแปดสอง แม้แต่เย่าซืออี้ที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดยังตั้งใจเรียนมากขึ้น ผลการเรียนจะมาแย่ได้ยังไง?
เฉินเฟิงรีบวิ่งกลับมา หลังจากได้รับเงินรางวัล
มีครูคนหนึ่งชูนิ้วโป้งให้ทันที “อาจารย์เฉิน สุดยอดเลย!
ตอนแรกก็คิดว่าในฐานะครูใหม่ คุณอาจมีประสบการณ์สอนน้อยกว่าครูเก่า ๆ
ไม่คิดเลยว่าจะมีฝีมือไม่เบา ขนาดที่ไม่เคยเผยมาก่อน กลับทำให้ทุกคนตะลึงได้”
“ใช่ คุณทำได้ยังไง บอกเคล็ดลับให้หน่อยสิ!”
เฉินเฟิงหัวเราะคิกคัก “ทุกคนอย่าชมเลยครับ จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ติวนักเรียนก่อนสอบนิดหน่อย แล้วก็ทายข้อสอบให้พวกเขาบ้าง”
“อะไรนะ? ทายข้อสอบ? ทายถูกเหรอ?”
“ดวงดีหน่อยครับ รอบนี้ข้อสอบหกข้อใหญ่ ผมทายถูกสามข้อ”
“เดี๋ยวนะ จริงหรือเปล่า ทายถูกตั้งครึ่งหนึ่ง? ทำได้ยังไงกัน?”
ข้อสอบรอบนี้เป็นข้อสอบที่จางเยว่หาคนมาทำเฉพาะ แถมยังมีมาตรการป้องกันความลับอย่างดี โอกาสที่ข้อสอบจะหลุดนั้นแทบไม่มี
ขนาดนั้นยังทายถูก ไม่น่าเชื่อจริง ๆ
“จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ยากอะไร เพราะเป็นการสอบสัปดาห์ ผมก็เลยลิสต์ประเด็นยาก ๆ ของบทเรียนสัปดาห์นี้ทั้งหมด
ยิ่งเป็นวิชาคณิตศาสตร์ มันไม่เหมือนวิชาอื่น ในกรอบความรู้ที่จำกัด มีโจทย์ที่ยาก ๆ ก็มีแค่ไม่กี่ข้อ
ผมก็อธิบายทุกข้อให้พวกเขาฟัง การทายถูกก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าทายไม่ถูกสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก
แน่นอนว่าดวงดีครับ ข้อสุดท้ายที่เป็นข้อยากสุดท้ายผมก็เดาถูก
นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ห้องที่ผมสอนมีผลการเรียนดีขึ้นมาก”
“อย่างนี้นี่เอง ได้เรียนรู้ละ”
“ขอบคุณอาจารย์เฉินที่แบ่งปัน จะขอเอาเป็นแบบอย่าง!”
ใครจะไปคิดว่าเฉินเฟิงจะตอบด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ว่า “ท่านอาจารย์ทุกท่าน อย่ามาชมกันแบบนี้เลย
ผมไม่เชื่อหรอกว่าเวลาสอบใกล้ ๆ พวกคุณจะไม่ทายข้อสอบให้เด็กบ้าง
ผมที่ทำแบบนี้ ก็เรียนรู้มาจากอาจารย์ท่านอื่นอีกทีน่ะครับ”
ครูที่ถามเขาก็พากันยิ้มอย่างแหย ๆ
หลังจากเฉินเฟิงพูดจบ ก็หยิบซองที่จางเยว่ให้เขาออกมา พอเปิดดู เห็นเงินแดง ๆ เป็นปึกวาวแสงจนแสบตา
ข้าง ๆ นั้น เฉิงกวงหมิงถึงกับกระตุกหางตา
การทายข้อสอบ…
เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแพ้
ถึงแม้ช่วงสัปดาห์ก่อนเขาจะใส่ใจนักเรียนมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจเทียบกับครูคนอื่นได้
โดยเฉพาะการทายข้อสอบ ซึ่งคล้ายกับเป็นการโกงวิธีหนึ่ง เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย
แต่ถ้าจะบอกว่าเฉินเฟิงโกงก็คงจะเกินไปหน่อย
เพราะหากเป็นการสอบใหญ่หรือสอบเข้ามัธยมปลาย ครูส่วนใหญ่ก็มักจะทายข้อสอบให้นักเรียน
เฉิงกวงหมิงก็เคยทำ และเคยทายข้อยากสุดท้ายของการสอบเข้ามัธยมปลายถูกมาหลายครั้ง
ดังนั้นโดยสรุปแล้ว เขาเองก็ยังให้ความสำคัญไม่พอ
พอคิดได้ดังนั้น เฉิงกวงหมิงก็สูดลมหายใจลึก
ไม่ได้สิ พอประชุมเสร็จต้องกลับไปทบทวนและวิเคราะห์หาสาเหตุที่แพ้อย่างละเอียด
จางเยว่ยังคงสุ่มหยิบรายชื่อขึ้นมาและแจกโบนัสไปเรื่อย ๆ
บรรยากาศในห้องประชุมยิ่งคึกคักขึ้นเรื่อย ๆ คนที่ได้รับเงินหน้าตาร่าเริง ส่วนคนที่ไม่ได้ก็หน้าตาหม่นหมอง แต่ก็ยังกำหมัดแน่น
หลังจบงานใหญ่ ใครจะทำอะไรต่อไปก็พอจะเดาได้ไม่ยาก
ในที่สุด จางเยว่ก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ตอนนี้จะมอบโบนัสสำหรับผลการเรียนรวมของชั้นปีแปด”
เฉิงกวงหมิงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง ในฐานะครูประจำชั้น เขายังมีโบนัสสำหรับผลการเรียนรวมให้ได้ลุ้นอีก
จางเยว่กล่าว “การสอบสัปดาห์นี้ ห้องที่ได้คะแนนรวมสูงสุดอันดับที่สองของชั้นปีแปด คือห้องแปดสอง”
เฉินเฟิงเป็นคนแรกที่ตอบรับ “โห ถึงกับได้ที่สองเลย อาจารย์เฉิงสุดยอด!”
แต่เฉิงกวงหมิงกลับรู้สึกชาวาบที่สมอง
ที่สอง…
ต้องรู้ไว้ว่าคะแนนเฉลี่ยของห้องแปดสองนั้นแต่ก่อนเคยสูงกว่าห้องอื่นอย่างน้อยห้าคะแนน
นี่คือคะแนนเฉลี่ยรวมทั้งหมด
แค่คะแนนต่างกันคะแนนเดียวก็ทำให้ระดับผลการเรียนต่างกันได้ และห้าคะแนนนี่ต่างกันคนละระดับเลยทีเดียว
นั่นหมายความว่า ต่อให้ผลการเรียนวิชาเดียวจะไม่ถึงขั้นได้รับรางวัล คะแนนเฉลี่ยรวมของห้องแปดสองก็เป็นคะแนนที่ใช้รับรองได้อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ แม้แต่คะแนนที่ใช้รับรองได้ก็ยังถูกแซงหน้าไปแล้ว…
เฉิงกวงหมิงขึ้นไปรับรางวัลแบบเบลอ ๆ พิธีกรรมการมอบรางวัลก็เหมือนเดิมทุกอย่าง ในที่สุด จางเยว่ยื่นเงินรางวัลให้เขา
จางเยว่หันมามองเขาแล้วยิ้มบาง ๆ “อาจารย์เฉิง ต่อไปต้องพยายามขึ้นนะครับ
รู้ไหมว่ารอบนี้ห้องแปดสองคะแนนเฉลี่ยน้อยกว่าที่หนึ่งกี่คะแนน?
0.03!”
เฉิงกวงหมิงสะดุ้ง “หา? แค่นี้เองเหรอ?”
ห้องแปดสองมีนักเรียนทั้งหมด 56 คน คะแนนเฉลี่ยต่างกันเพียง 0.03 คะแนน
นั่นหมายความว่า คะแนนรวมของห้องแปดสองเมื่อเทียบกับที่หนึ่ง ต่างกันเพียงสองคะแนนเท่านั้น
คะแนนรวมต่างกันแค่สองคะแนน ฝ่ายนั้นชนะไปได้ ดวงคงจะช่วยเยอะทีเดียว
ขณะที่เฉิงกวงหมิงกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย จางเยว่ก็พูดขึ้นอีกครั้ง “เสียดายใช่ไหม? แต่ผมอยากจะบอกว่า จริง ๆ แล้วค่าเฉลี่ยของวิชาอื่น ๆ ของห้องแปดสองสูงกว่าฝ่ายตรงข้ามหมด
ยกเว้นแต่คณิตศาสตร์ที่คุณสอน ต่ำกว่าฝ่ายนั้นถึง 8.6 คะแนน”
“อะไรนะ? คณิตศาสตร์ต่ำกว่าเขาถึง 8.6 คะแนน?”
เฉิงกวงหมิงรู้สึกวิงเวียนไปหมด
เพราะถ้าดูจากคะแนนนี้ นักเรียนห้องแปดสองวิชาอื่น ๆ ทำได้ดีกว่าเดิมมาก แถมยังทิ้งห่างห้องอื่น ๆ มากกว่าแต่ก่อน
ยกเว้นวิชาคณิตศาสตร์เพียงวิชาเดียว…
“แล้วห้องที่ได้ที่หนึ่งคือห้องไหน?”
กว่าจะพูดออกมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน เฉิงกวงหมิงถามออกมา
“ห้องแปดเจ็ด!”
ห้องที่เฉินเฟิงเป็นครูประจำชั้น…
มองดูครูประจำชั้นของห้องแปดเจ็ดที่เดินรับรางวัลหนึ่งหมื่นหยวนด้วยท่าทางอิ่มอกอิ่มใจ เฉิงกวงหมิงถึงกับต้องหยิกขาตัวเองจนเขียว เพื่อให้ตัวเองไม่เสียอาการ
สองชั่วโมงผ่านไป การมอบรางวัลเสร็จสิ้น
จางเยว่กล่าวคำอวยพรสั้น ๆ ตามพิธี แล้วก็ประกาศเลิกประชุมทันที
เมื่อกลับมาที่ห้องทำงาน จางเยว่หันไปบอกหลี่เหลียงที่ตามหลังมาว่า
“อาจารย์ใหญ่หลี่ ตอนนี้โรงเรียนก็เริ่มเข้าสู่ระเบียบแล้ว ต่อจากนี้ก็แค่ทำตามระบบที่วางไว้ก็พอ
ผมจะลดเวลาที่มาโรงเรียนลง ถ้าผมไม่อยู่ เรื่องใดที่ต้องการผมด้านการเรียน คุณก็เป็นผู้ดูแลแทนผม”
หลี่เหลียงพยักหน้าทันที “ไม่มีปัญหาครับ ผมจะทำให้เต็มที่”
“ผมเชื่อว่าคุณทำได้ ถ้าเจอปัญหาที่ไม่มั่นใจ ก็โทรหาผมได้ตลอด”
ขณะที่จางเยว่พูด เห็นหลี่เหลียงทำท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไร เขาจึงถามว่า
“มีอะไรหรือเปล่า? มีอะไรก็พูดออกมา ไม่ต้องอ้ำอึ้ง”
หลี่เหลียงนิ่งคิดสักครู่ “อาจารย์ใหญ่จาง ผมว่าคุณแจกโบนัสให้ครูบ่อยไปหรือเปล่าครับ?”
จางเยว่จ้องเขาพลางหัวเราะ “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”
หลี่เหลียงพูดว่า “ง่ายมาก ตอนแรกที่คุณเสนอจะแจกโบนัสให้ครูทุกสัปดาห์ ผมคิดว่าคุณต้องการกระตุ้นความกระตือรือร้นในการทำงานของครู เพื่อยกระดับผลการเรียนของนักเรียน
แต่หลังจากที่คุณใช้มาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบคะแนนสะสม นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนมากขึ้น
อย่างนี้บทบาทของครูก็ถูกลดลงเรื่อย ๆ
แต่ตอนนี้โบนัสที่โรงเรียนให้กับครูกลายเป็นภาระรายจ่ายหลักของโรงเรียน
ผมลองคำนวณดูแล้ว ชั้นปีแปดมีวิชาหลักสี่วิชา บวกกับโบนัสครูประจำชั้น สัปดาห์หนึ่งต้องใช้เงิน 63,000 หยวน
ในสัปดาห์ที่สี่ของเดือนที่มีการสอบใหญ่ ก็จะใช้เงินถึง 100,000 หยวน
รวมเดือนละ 289,000 หยวน
ถ้าคิดเป็นสิบเดือนต่อปี เงินก็จะหายไปเกือบสามล้านหยวน
ยังไม่รวมเงินเดือนครู ซึ่งคำนวณแล้ว หนึ่งห้องเรียนใช้ครูเฉลี่ยสามคน ครูแต่ละคนมีค่าใช้จ่ายปีละหนึ่งแสนหยวน
ชั้นปีแปดมีห้องเรียนทั้งหมดสิบสองห้อง รวมแล้วใช้เงินเพียงสามล้านหกแสนหยวน”
จางเยว่ถึงกับชะงัก “เดี๋ยวนะ คุณบอกว่าค่าใช้จ่ายเงินเดือนครูหนึ่งชั้นปีแค่สามล้านหกแสนหยวน?”
หลี่เหลียงรีบตบหน้าผากตัวเอง “ขอโทษที ผมลืมไปเลยว่าครั้งก่อนคุณได้ปรับเงินเดือนครูทุกคนขึ้นอีก 50% แล้ว”
หลังจากการปรับเพิ่มนั้น ค่าใช้จ่ายเงินเดือนครูได้เพิ่มขึ้นเป็น 5.4 ล้านหยวนแล้ว
จางเยว่หัวเราะพร้อมยกมือขึ้น “ดูสิ พอเปรียบเทียบแบบนี้แล้ว โบนัสก็ไม่ได้มากเท่าไหร่นี่นา!”
หลี่เหลียงเริ่มร้อนรนขึ้นทันที “ยังเรียกว่าไม่มากอีกหรือ? ในฐานะโรงเรียนเอกชน ค่าใช้จ่ายหลักของโรงเรียนก็คือเงินเดือนครู ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หนึ่งปีเต็มที่ก็แค่หนึ่งล้านหยวน นั่นหมายความว่า มาตรการจ่ายโบนัสนี้ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก แต่กลับกินงบประมาณไปถึงหนึ่งในสาม…”
จางเยว่ยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายของหลี่เหลียง “แค่หนึ่งในสามเองนะ นับว่าไม่มากหรอก ฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะเพิ่มการจ่ายโบนัสอีกดีไหม”
หลี่เหลียงรีบส่ายมือ “เพิ่มอีกไม่ได้แล้วครับ แค่นี้ก็มากพอแล้ว ผมลองคำนวณไว้แล้ว นักเรียนแต่ละคนของโรงเรียนนานาชาติจงหยวนมีค่าใช้จ่ายต่อปีอยู่ที่ 2.4 หมื่นหยวน ในจำนวนนี้ ค่ารับประทานอาหารและค่าที่พักรวมกันก็ 6,000 หยวน ที่เหลือ 18,000 หยวนคือค่าเล่าเรียน ทั้งหมดมีสิบสองห้องในชั้นปีที่แปด แต่ละห้องมีนักเรียนเฉลี่ย 54 คน
นั่นหมายความว่า โรงเรียนได้รับค่าเล่าเรียนทั้งหมด 11.664 ล้านหยวนต่อปี หากไม่มีการจ่ายโบนัส ชั้นปีหนึ่งก็ยังมีกำไรอยู่สี่ล้านกว่าหยวน ตอนนี้พอรวมเงินเดือนครูฝึกต่าง ๆ ที่เพิ่มเข้ามาแล้ว โรงเรียนก็กลายเป็นขาดทุนทันที ผมไม่ได้บอกว่าไม่ควรให้โบนัสครู แต่ควรลดความถี่และจำนวนเงินลงบ้าง”
หลี่เหลียงพูดทุกสิ่งที่เก็บไว้ในใจออกมาหมดแล้ว อันที่จริงเขาอยากจะพูดเรื่องนี้นานแล้ว ถึงแม้โรงเรียนนานาชาติจงหยวนจะมีความไม่แน่นอนในอนาคตเพราะนโยบาย แต่ตอนนี้ยังคงมีกำไร แต่หลังจากที่จางเยว่ปรับขึ้นเงินเดือนและจ่ายโบนัสต่าง ๆ ก็กลายเป็นขาดทุนทันที แน่นอนว่า ครูฝึกที่จ้างมาจากโรงเรียนตำรวจจะมีการลดจำนวนลงในอนาคต ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายตรงนี้ลดลงไปเอง
หลี่เหลียงพูดแบบนี้กับจางเยว่ก็เพราะเหตุผลง่าย ๆ เงินเดือนของเขาขึ้นอยู่กับกำไรของโรงเรียน หากโรงเรียนขาดทุน เขาก็จะได้แค่เงินเดือนพื้นฐานเท่านั้น
จางเยว่ยิ้มแล้วตบบ่าหลี่เหลียง “พี่หลี่ พี่เชื่อใจผมไหม?”
หลี่เหลียงพยักหน้า “แน่นอน เชื่ออยู่แล้ว!”
สิ่งที่จางเยว่ได้ทำในช่วงเวลาที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมของจริง หากจางเยว่ไม่น่าเชื่อถือ ก็ไม่มีใครน่าเชื่อถือแล้ว
“ถ้าเชื่อ พี่คิดว่าผมจะทำธุรกิจที่ขาดทุนไหม?”
หลี่เหลียงส่ายหน้า “แน่นอนไม่ทำ”
“งั้นก็จบ ตอนนี้โรงเรียนกำลังอยู่ในสถานะขาดทุนก็จริง แต่ที่ผมทำก็มีเหตุผลของผม พี่แค่ทำตามที่ผมบอกให้ดีที่สุดก็พอ”
“หา?” หลี่เหลียงไม่คาดคิดว่าจางเยว่จะพูดแบบนี้ “ไม่ใช่สิ อาจารย์ใหญ่จาง ช่วยบอกเหตุผลให้ผมหน่อยได้ไหมครับ? ตอนนี้ผมรู้สึกหวั่นใจมาก”
จางเยว่ยิ้มมองเขา “อยากรู้เหตุผลจริง ๆ ใช่ไหม?”
“แน่นอน!”
“หึหึ ความลับ!”
“หา?”
ก่อนที่หลี่เหลียงจะทันได้ตอบสนอง จางเยว่ก็โบกมือ “อะไรล่ะ นี่เป็นความลับทางการค้าของผม จะบอกก่อนผลออกมาไม่ได้ เพราะถ้าเสียแผนก็จะไม่ขลังแล้ว เอาล่ะ ไปทำงานของพี่ไปเถอะ แค่ทำหน้าที่ให้ดี รับรองว่าโบนัสจะไม่ขาดหายไปแน่”
หลังจากส่งหลี่เหลียงไป จางเยว่ก็ถอนหายใจยาว ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอกหลี่เหลียง แต่ว่าเขาเองก็ไม่รู้จริง ๆ!
เพราะสิ่งที่เขาทำทั้งหมดนี้ มาจากการประเมินเส้นโค้งราคาสินค้า พูดง่าย ๆ คือสายตาของเขาที่มีพลังพิเศษตัดสินว่าการทำเช่นนี้จะให้ผลกำไรสูงสุด หากไม่เป็นเช่นนั้น เขาเองที่ไม่เข้าใจเรื่องการศึกษาเลย คงไม่กล้าแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรไปเรื่อย ๆ แน่
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ โทรศัพท์ดังขึ้นมาทันที
เป็นสายจากอวี๋เหยา
จางเยว่รับสายและหัวเราะ “ผู้อำนวยการอวี๋ มีอะไรจะสั่งผมครับ?”
แม้จะยุ่งกับงานในโรงเรียน แต่เขาก็ยังคอยติดตามความคืบหน้าในการฟื้นฟูโครงการอสังหาริมทรัพย์อยู่เสมอ เพราะเขาได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว แม้จะยังมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ้าง แต่โดยรวมยังนับว่าดำเนินไปอย่างราบรื่น
แต่ใครจะคิดว่าอวี๋เหยากลับหัวเราะขื่น ๆ “เสี่ยวจาง ผมต้องขอโทษจริง ๆ”
จางเยว่ชะงักไป “เกิดอะไรขึ้นครับ?”
“เป็นเรื่องการขายอสังหาริมทรัพย์นี้เอง แต่เดิมตามสัญญา โครงการ 164 โครงการที่เป็นบ้านพร้อมเข้าอยู่ทั้งหมดจะถูกขายโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของคุณ แต่ตอนนี้มีคนตั้งข้อสงสัย คิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ เพราะโครงการนี้มีมูลค่ามหาศาล…”
อวี๋เหยาเล่าถึงตรงนี้ก็หยุดเงียบไปสักพัก โครงการฟื้นฟูอสังหาริมทรัพย์นี้จะสำเร็จได้เพราะความช่วยเหลือของจางเยว่ทั้งหมด การมอบสิทธิ์การขายทั้งหมดให้เป็นรางวัลตอบแทนเพียงหนึ่งเดียวที่เขาสามารถให้ได้ แต่ตอนนี้แม้จะมีเหตุผลอย่างมากมาย ก็คล้ายกับว่าเป็นการหักหลังจางเยว่
เป็นไปตามคาด จางเยว่พูดขึ้น “ผู้อำนวยการอวี๋ แบบนี้จะไม่ดีมั้งครับ? บริษัทของผมเริ่มโปรโมทการขายสำหรับโครงการ 164 โครงการนี้มาตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน ตอนนี้แค่ค่าใช้จ่ายก็ลงไปห้าสิบล้านหยวนแล้ว การฟื้นฟูโครงการที่ล่าช้าสำหรับชาวเมืองจงโจวถือว่าเป็นเรื่องดี ผมไม่เรียกร้องเงินสักหยวน แต่คุณจะให้ผมขาดทุนก็ไม่ได้เหมือนกัน!”
อวี๋เหยาพูดทันที “ไม่ต้องห่วง เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคุณ เราจะคืนให้เต็มจำนวน”
จางเยว่ตาวาว “อะไรนะ? คืนให้เต็มจำนวน? โธ่ ทำไมคุณไม่บอกก่อนล่ะ! ผมนึกว่าคุณจะหักหลังผมจริง ๆ ซะอีก ถ้ามีการคืนเงินแบบนี้ก็ดีครับ ผมไม่มีปัญหาเลย ใครจะมารับหน้าที่ต่อจากผมก็ส่งเขามาให้ผมส่งต่องานได้เลย”
อวี๋เหยาตกใจ “เดี๋ยวนะ คุณพูดจริงเหรอ?”
เขาคิดว่าพอเล่าถึงเรื่องนี้ให้จางเยว่ฟัง อีกฝ่ายน่าจะไม่พ้นที่จะบ่นไม่พอใจ เพราะนี่ถือเป็นต้นไม้ที่จางเยว่ปลูกเองแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับมีคนมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ แม้ว่าจางเยว่จะไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่น่าจะยอมรับได้ง่ายขนาดนี้
จางเยว่พยักหน้า “จริงสิ คนที่เสนอความเห็นเขาพูดถูก ต้องไม่ลืมว่านี่คือโครงการ 164 โครงการ ผมอาจมีไหวพริบเล็กน้อย แต่ความสามารถไม่เพียงพอ
การดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่นี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมสามารถรับมือได้ แต่ที่ผ่านมาก็ทำไปแบบเกร็ง ๆ แถมคิดมากจนหลับไม่สนิทกับจำนวนบ้านที่ขายไม่ออก ตอนนี้ดีแล้ว มีคนมารับผิดชอบแทน ผมก็จะได้ผ่อนคลายบ้าง”
อวี๋เหยาได้ยินแบบนี้ก็ถอนหายใจยาว “นายทำได้ดีมากนะ ครั้งนี้ถือว่าฉันติดค่าน้ำใจนายแล้วล่ะ อีกอย่าง ถึงนายไม่ต้องรับผิดชอบการขายโครงการ 164 โครงการนี้ แต่คิดจะผ่อนคลายก็อย่าหวัง เพราะฉันได้พยายามอย่างหนักเพื่อมอบการขายทั้งหมดในเขตพัฒนาพิเศษให้เป็นของนาย แถมยังมีค่าคอมมิชชั่น 8% ต่อบ้านที่ขายได้แต่ละหลังเป็นค่าตอบแทนพิเศษด้วย”
จางเยว่ถึงกับอึ้ง “เดี๋ยวนะ ค่าคอมมิชชั่น 8% เลยเหรอ? นี่ไม่สูงไปหน่อยหรือ?”
จางเยว่ศึกษาเรื่องกำไรจากอสังหาริมทรัพย์อย่างละเอียดในช่วงนี้ จากการฟื้นฟูจนถึงการขายสำเร็จ กำไรทั้งหมดจากการขายบ้านหลังหนึ่งได้อยู่ที่ประมาณ 8% การที่อวี๋เหยาเสนอเช่นนี้คือการให้กำไรทั้งหมดของโครงการในเขตพัฒนาพิเศษกับเขาแน่นอน แม้ว่าจะเป็นเขตที่มีโครงการล่าช้าน้อยกว่าเขตอื่น ๆ แต่ก็ยังถือว่ามีรายได้ลดลงกว่าครึ่งของที่คาดไว้ จางเยว่รู้ดีว่าอวี๋เหยาทำเต็มที่แล้ว เขาหัวเราะ “มีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วยหรือ? ขอบคุณหัวหน้ามาก ผมจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายการขาย!”
หลังวางสาย จางเยว่โทรหาหลานฮุ่ยจวินทันที
เมื่อหลานฮุ่ยจวินฟังเรื่องราวจบ ก็ร้อนใจทันที “บอส นี่คุณใจกว้างเกินไปแล้วมั้ง? โครงการ 164 โครงการนี้สำเร็จได้เพราะความพยายามของคุณแท้ ๆ จะได้เงินอยู่แล้วแท้ ๆ แต่กลับยอมปล่อยให้เขาไปง่าย ๆ ได้ยังไง?”
ซุนเชี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดเสริม “ใช่แล้วค่ะบอส ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ ไม่ได้! ฉันได้เจรจากับบรรดานายหน้าอสังหาริมทรัพย์ของจงโจวไปแล้ว และจัดการเรื่องโฆษณาเกือบเสร็จหมดแล้ว ต่อจากนี้ก็นั่งรอนับเงินได้เลย ถ้าอยากให้เราปล่อยจริง ๆ อย่างน้อยก็ขอให้คุณเจรจาขอพื้นที่เพิ่มอีกสักเขตหนึ่ง เขตพัฒนาพิเศษมีโครงการน้อย แถมราคาบ้านก็ถูกกว่า เหมือนกับว่านายท่านผู้ยิ่งใหญ่บุกเบิกชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ให้จักรพรรดิ แต่กลับถูกส่งไปประจำที่ชายแดน!”
จางเยว่หัวเราะออกมา “ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีความรู้ด้านการทหารเยอะนะ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องความรู้ทหารหรอกค่ะ…”
“โอเค ผมเข้าใจความคิดของพวกคุณ แต่เอาจริง ๆ นะ เรื่องนี้ดีสำหรับเราจริง ๆ”
“อะไรนะ? เรื่องดี?”
“ใช่” จางเยว่ทำหน้าจริงจัง “ผมรู้ว่าพวกคุณอาจยังรับไม่ได้ เพราะผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องมันมากมาย ไม่ใช่แค่ของผม แต่ยังเป็นของพวกคุณด้วย”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ บอส เราไม่ได้คิดถึงตัวเองขนาดนั้น…”
“ใจเย็น ฟังผมให้จบ ใช่ครับ การขายโครงการ 164 โครงการนี้อาจให้ค่าตอบแทนสูงล่อตาล่อใจ แต่พวกคุณเคยคิดไหมว่า มีปัญหาที่แฝงอยู่?”
“ปัญหาอะไรหรือ?”
“โครงการ 164 โครงการมีจำนวนบ้านที่เกี่ยวข้องมากมาย มูลค่ามหาศาล จนถือว่าน่ากลัว สถานการณ์ในตลาดบ้านตอนนี้พวกคุณก็รู้ดี ผมถามหน่อย ต่อให้มีเงื่อนไขส่งเสริมการขายมากมาย คุณคิดว่าบ้านจะขายออกไปได้เท่าไหร่?”