บทที่ 2 บังเอิญพบกัน
บทที่ 2 บังเอิญพบกัน
สิบปีเต็ม ๆ ที่ลู่หยางหวังว่าตนจะมีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่ แก้ไขทุกโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในชีวิต และในตอนนี้ความหวังนั้นก็กลายเป็นความจริง
ชาติก่อนเขาพลาดพลั้งเพราะความเชื่อใจ แต่ครั้งนี้ลู่หยางเห็นชัดเจนแล้วว่าใครคือคนที่ช่วยเหลือเขาในยามวิกฤตและใครที่ซ้ำเติมเขาให้ตกต่ำ
“ลิ่วเจีย ขอบใจสำหรับทุกสิ่งที่แกมอบให้ มันทำให้ฉันรู้ว่าใครคือมิตรแท้และใครคือศัตรู ในเมื่อฉันได้เกิดใหม่อีกครั้ง ฉันก็จะรอดูว่าความมั่งคั่งของแกกับประสบการณ์นับ 10 ปีของฉันอะไรมันจะแน่กว่ากัน” ลู่หยางกล่าวโดยที่ภายในแววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความตื่นเต้น
ความแค้นในชาติก่อนไม่ได้จบลงด้วยกระสุนที่เขายิงออกไปเพียงแค่นัดเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะลิ่วเจีย เขาคงไม่สูญเสียครอบครัวและคนรัก ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน ดังนั้นในเมื่อครั้งนี้เขาได้เกิดใหม่ คนแรกที่เขาจะไม่ปล่อยไปคือลิ่วเจียและตระกูลของเขา
เมื่อคิดถึงการแก้แค้น ลู่หยางก็มองไปที่ปฏิทิน
เขาจำเลขหวยไม่ได้แล้วก็ไม่รู้แนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจอะไรทั้งนั้น สิ่งที่เขารู้คือในวันนี้เป็นวันเปิดตัวเกม “เซคคัลเวิลด์”
ตั้งแต่ปี 2010 เกมเสมือนจริงได้รับการยอมรับจากทุกคน แต่ไม่มีใครรู้ว่าในอีก 30 ปีข้างหน้ามันจะกลายเป็นระบบยักษ์ใหญ่ที่มีผู้ใช้งานพร้อมกันกว่า 3,000 ล้านคน รวมทั้งเป็นศูนย์รวมการชอปปิงออนไลน์, การเรียนเสมือนจริง, สงครามเกม, ภาพยนตร์และฟังก์ชันอื่น ๆ เข้าด้วยกันอีกอย่างมากมาย
บรรดานายทุนเห็นโอกาสในการทำเงินจากเกมนี้และเข้ามาลงทุนในเกม ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินเสมือนในเกมกับเงินจริงมีค่าสูงมาก อุปกรณ์เสมือนต่าง ๆ ถูกซื้อขายด้วยเงินนับล้าน และยังมีการตั้งเงินรางวัลจากการแข่งขันในเกมด้วยมูลค่าที่สูงมาก นักเล่นเกมระดับแนวหน้าหลาย ๆ คนจึงมีรายได้มากกว่าดาราในชีวิตจริง และรายได้ของสตูดิโอเกมมืออาชีพก็มีสูงกว่าองค์กรขนาดใหญ่บางแห่งด้วยซ้ำ
ชาติก่อนลู่หยางต้องการเข้าร่วมเกมทันทีที่เกมเปิด แต่เพราะราคาหมวกเกมที่แพงมาก เขาจึงไม่ยอมเสียเงินซื้อจนกระทั่งเปิดเทอมไปครึ่งเดือน เพื่อน ๆ ก็ได้แนะนำให้เขาเข้าสู่เกมและกลายเป็นสมาชิกของทีมทำเงินของสตูดิโอหนานปิง
เมื่อคิดถึงประสบการณ์ในสตูดิโอหนานปิง ลู่หยางก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา เพราะที่นั่นมีน้องสาวที่น่ารักอยู่ด้วย แต่ครั้งนี้ลู่หยางจะไม่เข้าร่วมสตูดิโอหนานปิงอีกต่อไป
ด้วยประสบการณ์ในเกมนับสิบปี ลู่หยางมีเทคนิคการทำเงิน, กลยุทธ์ในดันเจียน, การใช้ประโยชน์จากจุดบกพร่องและความเข้าใจในการต่อสู้ที่เหนือกว่าคนอื่น รวมถึงทักษะการต่อสู้ที่ไม่มีใครเทียบได้
ลู่หยางจะใช้สิ่งเหล่านี้สร้างชื่อเสียงในเกมอย่างรวดเร็ว สร้างรายได้มากพอเพื่อสร้างสมาคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และจะกลับไปหาพี่น้องที่ไม่ทิ้งเขาไปในอดีต
“พี่น้อง! ชาติก่อนฉันไม่สามารถตอบแทนพวกนายได้ แต่ชาตินี้ฉันจะตอบแทนพวกนายเป็นสองเท่า! พ่อครับ! แม่ครับ! ครั้งนี้ลูกจะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังอีกแล้ว!!” ลู่หยางกล่าวด้วยความตั้งใจ
การเข้าสู่เซคคัลเวิลด์ต้องซื้อหมวกเกมเฉพาะ ลู่หยางจำได้ว่าช่วงนี้พ่อแม่ของเขาไปกับทีมก่อสร้างเพื่อสร้างทางรถไฟในหุบเขาที่ไม่มีผู้คนแล้วจะกลับมาอีกสามเดือนข้างหน้า ตอนนี้จึงมีแค่เขาอยู่บ้านคนเดียวและเงินค่าใช้จ่ายที่พ่อแม่ให้ไว้มี 5,000 หยวน
ลู่หยางนำเงินเดินไปที่มหาวิทยาลัย
เพื่อให้คนที่รักการเล่นเกมทุกคนสามารถซื้อหมวกเกมได้ บริษัทเกมจึงตั้งจุดขายหมวกเกมทั่วโลก ซึ่งบริเวณใกล้ ๆมหาวิทยาลัย ของเขาก็มีร้านขายด้วย
ในที่สุดลู่หยางก็มาถึงประตูหน้ามหาวิทยาลัยขนาดใหญ่สีเหลืองอ่อนที่มีคำว่า “มหาวิทยาลัยตงตู” สลักไว้
มหาวิทยาลัยนี้เก็บความทรงจำที่สวยงามในช่วงมหาวิทยาลัยของลู่หยางมากมาย และในความทรงจำชาติก่อนเขาก็ได้พบกับสาวคนนั้นที่นี่
จำได้ว่าตอนนั้นเธอเป็นคนที่สวยมาก แม้เพิ่งขึ้นปีหนึ่งแต่ด้วยภาพถ่ายครึ่งตัวเพียงรูปเดียวก็ทำให้เธอกลายเป็นดาวมหาลัย หลายคนตามจีบเธอแต่เธอก็ไม่เคยสนใจใคร กลับมักจะมาบอกเล่าความไม่สบายใจให้เขาฟังอยู่เสมอ
“ไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ไหนแล้ว คงอยู่ในหอพักละมั้ง” ลู่หยางพึมพำกับตัวเอง
สิบปีที่ผ่านมา ลู่หยางได้เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มในมหาวิทยาลัยเป็นชายหนุ่มที่เข้าใจโลกมากขึ้น
เขาเปลี่ยนไปแล้ว!
บางครั้งความบังเอิญก็เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อลู่หยางมาถึงหน้าร้าน ขณะที่เขากำลังจะเข้าไป จู่ ๆ มีสาวในชุดฮั่นฝูเดินมาตรงหน้าเขา
“โอ๊ย! ทางกลับหอพักไปทางไหนเนี่ย ฉันลืมอีกแล้ว” เสียงหวานที่เขาจะไม่มีวันลืมดังขึ้นข้างหูทำให้ลู่หยางตกตะลึง เมื่อหันกลับไปมองสาวที่เดินผ่านเขาไปเธอก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนที่เขาคิดถึงตลอดเวลา ‘เสินเมิ่งเหยา’
เสินเมิ่งเหยายังสวยเหมือนเดิม ดวงตากลมโตที่ใสบริสุทธิ์ปราศจากสิ่งเจือปน ผมยาวเหมือนน้ำตก รูปร่างสูงประมาณ 168 ซม. ชุดฮั่นฝูสีขาวทำให้เธอดูสวยงามมากขึ้นไปอีก
ลู่หยางมองเสินเมิ่งเหยาด้วยตาแดงก่ำ ใน 5 ปีสุดท้ายของชีวิตก่อนหน้านี้ เขาไม่รู้จักน้ำตาอีกแล้ว แต่ตอนนี้น้ำตากลับไหลออกมาอีกครั้ง
“เธอกำลังจะกลับหอพักเหรอ?” ลู่หยางถาม
เสินเมิ่งเหยามองลู่หยางด้วยความสับสนและดีใจ เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีอายุไล่เลี่ยกับเธอ เธอจึงถามว่า
“นายก็เรียนที่นี่เหรอ?”
“ใช่” ลู่หยางพยักหน้า
“ดีจัง นายรู้ทางไปหอพักหญิงไหม ฉันลืมทางไปแล้ว” เสินเมิ่งเหยาทำหน้าทะเล้นพร้อมกับแลบลิ้นน้อย ๆ แต่ดวงตายังสดใสเหมือนเดิม
ลู่หยางหัวเราะ เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เสินเมิ่งเหยาก็ยังเป็นคนขี้หลงเสมอ
“เดินตรงไปที่ทางแยกแรกเลี้ยวขวา ทางแยกที่ 2 เลี้ยวขวาอีกครั้ง ทางแยกที่ 3 เลี้ยวซ้าย ทางแยกที่ 4 เลี้ยวขวา อ้อมโรงอาหารหลังมหาวิทยาลัย เดินผ่านห้องสมุด เลี้ยวขวาอีกครั้ง แล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้ว”
“จำได้ไหม?” ลู่หยางถาม
ใบหน้าเสินเมิ่งเหยาเต็มไปด้วยความงงงวย “ยากจัง”
“ว่าแล้วว่าเธอต้องจำไม่ได้ ฉันจะพาเธอไปส่งก็แล้วกัน ตามฉันมาสิ” ลู่หยางพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“ขอบใจนะ” เสินเมิ่งเหยาตอบพร้อมกับเดินตามลู่หยางเข้าไปในมหาวิทยาลัย โดยไม่รู้เลยว่าลู่หยางแอบยิ้มอย่างลับ ๆ
ในเดือนสิงหาคมที่อากาศร้อนแรง ต้นไม้ภายในมหาวิทยาลัยดูเขียวชอุ่ม ต้นไทรสูงถึง 10 เมตรบังแสงแดดข้างบนจนหมด ลู่หยางพาเสินเมิ่งเหยาเดินลัดเลาะเหมือนกับเดินในเขาวงกต
“นายคิดถึงบ้านใช่ไหม ฉันก็เหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ออกมาไกลบ้านหรือเปล่า?” เสินเมิ่งเหยาพูดพร้อมกับชี้ไปที่ตาของลู่หยางซึ่งมีน้ำตาคลอเบ้า
ลู่หยางรู้สึกทั้งเศร้าและสุขปะปนกัน แต่ใบหน้าของเขากลับแดงก่ำเพราะความอาย การพบกันครั้งแรกหลังจากการเกิดใหม่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย
เขาเช็ดน้ำตาของตัวเองและพูดว่า “ไม่ใช่หรอก แค่ฝุ่นเข้าตาเท่านั้นเอง”
“อ๋อเหรอ” เสินเมิ่งเหยาทำหน้าทะเล้นและใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ลู่หยางยิ้มอย่างหมดหนทาง ความขี้เล่นของเธอยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย