บทที่ 1 เกิดใหม่
บทที่ 1 เกิดใหม่
ลู่หยางลืมตาขึ้นมาด้วยความสับสน ก่อนที่เขาจะสัมผัสถึงความเจ็บปวดอันรุนแรงทั่วร่างกาย จากนั้นความทรงจำขณะตกจากหน้าผาก็ค่อย ๆ ปรากฎขึ้น
“หึ ความตายน่ะเหรอ มันไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลย ถึงใครจะพูดว่าคนที่กระโดดหน้าผาจะเละเป็นโจ๊ก แต่ฉันยังไม่เห็นจะเละเป็นโจ๊กตรงไหนเลย” ลู่หยางคิดเหน็บแนมตัวเองภายในใจ
ชีวิตของเขาจบลงในวัยอันควรแล้ว เขาจึงไม่ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก อีกอย่างเขาก็ได้ชำระความแค้นทั้งหมดในชีวิตที่ผ่านมาแล้ว เขาจึงไม่ควรจะรู้สึกเสียใจแต่ทำไมภายในใจมันถึงมีแต่ความขุ่นเคืองอยู่แบบนี้
หรือเป็นเพราะฉันเคยไว้ใจคนทรยศ?
ปี 2040 เป็นปีที่อุตสาหกรรมทั่วโลกพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มันจึงมีการใช้เครื่องจักรเข้ามาทดแทนแรงงานมนุษย์อย่างมากมาย สวนทางกับจำนวนประชากรบนโลกที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ จำนวนประชากรบนโลกจึงเพิ่มมากถึง 12,000 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนประชากรที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์
ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการด้วยเช่นกัน ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนขยายกว้างมากยิ่งขึ้น เหล่าบรรดาประชาชนจึงรู้สึกไม่พอใจ พวกเขาจึงรวมตัวกันออกมาทำการประท้วงในทุก ๆ ประเทศทั่วทั้งโลก
เพื่อแก้ไขปัญหานี้หลาย ๆ ประเทศได้ร่วมกันพยายามหาทางออกด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการสร้างเกมออนไลน์โฮโลแกรม 3 มิติที่ชื่อว่า "เซคคัลเวิลด์"
เซคคัลเวิลด์เป็นเกมที่ร่วมกันพัฒนาจาก 9 ประเทศชั้นนำของโลก มันจึงมีการใช้เทคโนโลยีระดับสูงสุดที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเติมเต็มความฝันของผู้เล่นทั่วทั้งโลกที่รอคอยเกมในลักษณะนี้มานานหลาย 10 ปีแล้ว
ตัวเกมมีเซิร์ฟเวอร์อยู่เพียงเซิร์ฟเวอร์เดียวให้ผู้เล่นทั่วทั้งโลกมาทำการแข่งขันกัน จำนวนของผู้สมัครร่วมเล่นเกมมีจำนวนมากกว่า 3,000 ล้านคน เกม ๆ นี้จึงเป็นเกมที่ได้รับความนิยมและโด่งดังไปทั่วทั้งโลก
ยิ่งไปกว่านั้นเซคคัลเวิลด์ยังมีการเปิดทำการแลกเปลี่ยนสกุลเงินภายในเกมกับสกุลเงินในโลกแห่งความเป็นจริงแบบเรียลไทม์ มันจึงช่วยลดปัญหาในเรื่องคนว่างงานไปได้มากพอสมควรเลยทีเดียว
เดิมทีลู่หยางเติบโตขึ้นมาในครอบครัวคนงานธรรมดา ๆ และเขาก็อาศัยเวลาว่างจากการเรียนในมหาวิทยาลัยเพื่อเล่นเกมหาเงินมาจุนเจือรายได้ของครอบครัว
แม้ว่าในช่วงเริ่มต้นชายหนุ่มจะเป็นเพียงแค่คนตัวเล็ก ๆ แต่เขากลับได้พบกับเหตุการณ์อันไม่คาดคิดและทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดังภายในเกมมากพอสมควร เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เขาสร้างกิลด์เล็ก ๆ ที่มีสมาชิกมากกว่า 5,000 คนขึ้นมาได้เท่านั้น แต่เขายังสามารถสร้างป้อมปราการในพื้นที่ยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของเกมได้อีกด้วย
ระยะทางจากเมืองหลักไปจนถึงจุดฟาร์มยอดนิยมจำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาเดินทางนานกว่าครึ่งวัน ลู่หยางจึงทำการสร้างป้อมปราการขึ้นมาอำนวยความสะดวก ทำให้ผู้เล่นไม่จำเป็นจะต้องเดินทางไปกลับระหว่างเมืองกับจุดฟาร์มอีกต่อไป
โดยภายในป้อมมีบริการตั้งแต่การขายยา, การซ่อมแซมอุปกรณ์, โรงประมูลหรือแม้กระทั่งจุดพักสำหรับการออฟไลน์ เรียกได้ว่าป้อมปราการแห่งนี้มีบริการให้เลือกใช้อย่างครบวงจร
เนื่องจากป้อมปราการตั้งอยู่บนทำเลทองแบบนี้นี่เอง มันจึงสามารถสร้างเงินทองให้กับชายหนุ่มได้เป็นจำนวนมากมายมหาศาล ช่วงเวลานั้นจึงเป็นช่วงที่ลู่หยางอยู่ในยุคเฟื่องฟูที่สุดในชีวิต เขาจึงคิดว่าตัวเองจะพึ่งพาป้อมปราการแห่งนี้ในการทำให้ครอบครัวและพี่น้องของเขามีชีวิตที่ดีขึ้น น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เอะใจเลยว่าความเจริญรุ่งเรืองเหล่านี้อาจจะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่อยู่กับเขาได้เพียงแค่ไม่นาน
สามวันหลังจากที่ลู่หยางก่อตั้งป้อมปราการได้สำเร็จ ลิ่วเจียผู้ซึ่งเป็นประธานกิลด์ในเขตหัวเซียและเป็นนายน้อยของตระกูลหัวเซียที่ร่ำรวยมหาศาลได้เดินทางมาพร้อมกับสมาชิกในทีมหลักอีก 300 คน โดยพวกเขาตั้งใจจะมาซื้อป้อมปราการต่อจากลู่หยาง
แน่นอนว่าชายหนุ่มตอบปฏิเสธไปอย่างฉับพลัน เพราะราคาที่ลิ่วเจียเสนอให้นั้นสูงกว่าต้นทุนการก่อสร้างเพียงแค่ 10%
ยิ่งไปกว่านั้นป้อมแห่งนี้ยังมีความสำคัญกับลู่หยางมาก เพราะมันคือหยาดเหงื่อแรงงานที่พี่น้องกว่า 5,000 คนร่วมมือกันก่อตั้งมันขึ้นมา การที่เขาถูกรับเลือกให้เป็นผู้จัดการป้อมปราการ มันก็แสดงว่าทุกคนต่างก็มอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับเขา หากเขาขายป้อมปราการแห่งนี้ไปแล้วเขาจะมีหน้าไปเจอพี่น้องที่ไว้วางใจในตัวเขาได้ยังไง
หลังจากปฏิเสธลู่หยางก็กังวลว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่พอใจและเข้ามาทำลายป้อมปราการ เขาจึงทำการจัดทีมคอยคุ้มกันป้อมปราการตลอด 24 ชั่วโมง
สถานการณ์ตึงเครียดดำเนินต่อไปนานร่วมเดือนแต่มันก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มาจากลิ่วเจียเลยแม้แต่นิดเดียว ลู่หยางจึงค่อย ๆ ลดจำนวนการคุ้มกันป้อมปราการลง เนื่องจากเขาคิดว่ามันไม่น่าจะมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตามคนโบราณก็เคยกล่าวไว้ว่าทั้งความสำเร็จและความฉิบหายต่างก็ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากความไว้วางใจบุคคลใกล้ชิด
ลู่หยางคือชายหนุ่มที่เชื่อใจพี่น้องรอบ ๆ ตัวเขามาก ในคืนที่ 3 หลังจากป้อมปราการถูกลดระดับความปลอดภัยลง หวังเซียงผู้ซึ่งเป็นตัวแทงค์หลักของทีมก็ได้รายงานมาว่าทีมของเขาได้เจอกับบอสตัวใหม่ และต้องการขอกองกำลังหลักทั้งสามจากกิลด์ไปจัดการกับบอสตัวนี้
ลู่หยางลืมฉุกคิดว่าเขาเคยไปสำรวจพื้นที่บริเวณนั้นมาก่อน เขาจึงเป็นคนนำกองกำลังหลักทั้งสามของกิลด์เดินทางไปยังตำแหน่งที่หวังเซียงให้ไว้ในทันที
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงจุดหมาย สิ่งที่รอคอยเขาอยู่ก็ไม่ใช่บอสตัวใหม่แต่เป็นลิ่วเจียที่กำลังยืนรอเขาด้วยใบหน้าอันเยาะเย้ย โดยบริเวณด้านหลังนายน้อยคนนี้มีกองกำลังมาถึง 12 กองและเพียงแค่กองกำลังกองหน้าก็มีนักรบชั้นยอดอยู่เป็นจำนวนถึง 200 คน
ในที่สุดลู่หยางก็ตระหนักว่าลิ่วเจียไม่เคยล้มเลิกความคิดที่จะยึดป้อมปราการ เพียงแต่อีกฝ่ายเปลี่ยนวิธีการโดยใช้เงินซื้อตัวพี่น้องของเขา และหลอกให้เขามาที่หุบเขาแห่งนี้ที่ไม่มีเส้นทางหลบหนีเพราะพื้นที่นี้ไม่อนุญาตให้ใช้คัมภีร์ย้อนกลับนั่นเอง
ในคืนนั้นลู่หยางและกองกำลังหลักทั้งสามถูกฝ่ายตรงข้ามฆ่าตายถึง 40 ครั้งติดต่อกันจากการบังคับให้ฟื้นคืนชีพอย่างต่อเนื่อง
อาวุธทั้งหมดของกองกำลังหลักทั้ง 3,000 คนถูกดรอปลงไปจนหมด ป้อมปราการถูกโจมตีจนราบคาบ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลู่หยามเพียรพยายามสร้างขึ้นมาต่างก็ล้วนแล้วแต่อันตรธานหายไปในเวลาเพียงแค่ค่ำคืนเดียว
ย้อนกลับไปก่อนสร้างป้อมปราการลู่หยางและพี่น้องได้ทำการกู้เงินจากธนาคารเพื่อระดมทุนสร้างป้อมปราการแห่งนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าในช่วงยุครุ่งเรืองพวกเขาสามารถนำรายได้จากป้อมปราการไปชำระค่างวดให้กับธนาคารได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อป้อมปราการแตกพ่ายรวมถึงสมาชิกภายในทีมหลักถูกฆ่าตายซ้ำ ๆ พวกเขาจึงไม่เหลือกำลังหาเงินมาจ่ายค่างวดให้กับธนาคารได้อีกต่อไป
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนี้สินจำนวนมหาศาลพร้อมกับสายตาที่สิ้นหวังจากพี่น้องที่ยากลำบากมาด้วยกัน ลู่หยางก็เลือกที่จะหนีปัญหาอย่างตื่นตระหนก ก่อนที่จะขังตัวเองเอาไว้ภายในบ้านและพยายามทำให้ตัวเองเมาทุกวันเพื่อไม่ให้มีสติมารับรู้ความเจ็บปวด
แต่ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังคิดจะใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว เหตุการณ์หนึ่งมันก็ปลุกให้เขาต้องตื่นขึ้นมาจากความฝัน
เพื่อปกป้องไม่ให้ลู่หยางต้องใช้หนี้สินไปตลอดชีวิต พ่อกับแม่ที่กำลังจะเกษียณในอีก 10 ปีจึงตัดสินใจเกษียณงานจากรัฐบาลก่อนกำหนดและหันไปทำงานที่ไซต์ก่อสร้างเพื่อช่วยลูกชายหาเงินใช้หนี้
แต่ในเวลาไม่ถึงครึ่งปี พ่อของเขาเกิดอุบัติเหตุจากไซต์ก่อสร้างและเสียชีวิตก่อนที่จะถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาล เหตุการณ์นี้ทำให้แม่ของเขาโศกเศร้าเป็นอย่างมาก ก่อนที่แม่จะตรอมใจตายตามไปหลังจากนั้นเพียงแค่ไม่นาน
ลู่หยางต้องเสียทั้งพ่อและแม่ติดต่อกันในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขาคิดแต่เพียงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ แต่แล้ววันหนึ่งหวังเถิงผู้ซึ่งเป็นสุนัขรับใช้ของลิ่วเจียก็เดินทางมาหาเขาด้วยสีหน้าอันเยาะเย้ย ก่อนที่จะเล่าให้เขาฟังว่าเหตุการณ์ทุกอย่างต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของลิ่วเจีย และนายน้อยคนนี้ก็อยากจะจบชีวิตของลู่หยางเพื่อป้องกันไม่ให้ชายหนุ่มกลับไปทำการแก้แค้น
ขณะที่หวังเถิงกำลังจะลงมือฆ่าลู่หยางอยู่นั่นเอง ฮั่นจงผู้ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรบของพ่อชายหนุ่มที่รู้เรื่องข่าวการตายของสหายก็บังเอิญมาพบเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ชายคนนี้จึงช่วยชีวิตลู่หยางเอาไว้และพาชายหนุ่มหลบหนีไปยังต่างประเทศ
ฮั่นจงช่วยฝึกลู่หยางทั้งในด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกลยุทธ์สำหรับการสังหารเป็นเวลาถึงห้าปีเต็ม ๆ ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มเริ่มออกปฏิบัติภารกิจไปอีกห้าปีต่อมา เขาก็ได้กลายเป็นทหารรับจ้างระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงจนได้รับฉายาว่า ‘เพลิงโลหิต’
ต่อมาลู่หยางได้กลับไปที่ประเทศจีนพร้อมกับทีมทหารรับจ้าง เขาใช้เงินจำนวนมากวางแผนล่อให้ลิ่วเจียกลับบ้าน จากนั้นเขาก็ปลอมตัวเป็นคนรับใช้แฝงเข้าไปในคฤหาสน์ ก่อนจะทำการสังหารศัตรูคู่แค้นในเวลาต่อมา
ขณะนั้นลู่หยางรู้สึกโล่งใจบ้างแล้วและกำลังลงมือทำตามแผนเพื่อไล่ล่าฆ่าคนอื่นที่พยายามปองร้ายครอบครัวเขาต่อไป แต่ในขณะเดียวกันครอบครัวของลิ่วเจียก็ได้ใช้กองกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อไล่ล่าและตามฆ่าเขา
ลู่หยางกับกลุ่มทหารรับจ้างหลบหนีการไล่ล่าได้เพียงไม่นาน ก่อนที่พวกเขาจะถูกตำรวจและคนของลิ่วเจียพบตัว
ระหว่างการไล่ล่า ลู่หยางล่อตำรวจขึ้นไปบนภูเขาเพียงลำพังเพื่อปกป้องพวกพ้องที่กำลังบาดเจ็บ และในที่สุดเขาหยุดก็อยู่บนหน้าผา
หลังจากฟังการเกลี้ยกล่อมของตำรวจ ลู่หยางเพียงแค่ยกยิ้มที่มุมปากและคิดว่าเขาได้ล้างแค้นคนที่ทำลายชีวิตของเขาลงไปแล้ว และไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เขาจึงกระโดดลงจากหน้าผาเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง
สิ่งเดียวที่เขายังคงรู้สึกเสียใจคือเรื่องพี่น้องที่เติบโตร่วมกันมา เพราะถึงแม้เขาจะอยู่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยให้พี่น้องกลับมามีชีวิตอย่างสุขสบายได้
มันคงจะไม่เป็นแบบนี้ถ้าฉันไม่ไว้ใจคนทรยศ!
ถ้าฉันพัฒนาตัวเองมากกว่านี้!
ถ้าฉันแข็งแกร่งมากกว่านี้!
ถ้าฉัน…
ถ้า…
…
ความแค้นในอกปะทุขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้ลู่หยางชกมือออกไปต่อยกำแพงข้าง ๆ ตัวอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดจากทั่วทั้งแขนก็ส่งตรงไปยังสมองของเขาในทันที…
ทันใดนั้นดวงตาของลู่หยางเบิกกว้าง
“ฉันยังไม่ตายงั้นเหรอ? ทำไม? ทำไมแขนของฉันถึงยังขยับได้? ทำไมฉันถึงยังรู้สึกเจ็บ?”
ลู่หยางรีบลุกขึ้นนั่งเพื่อตรวจสอบร่างกายและพบว่าร่างกายของเขาซึ่งควรจะเละเป็นโจ๊กยังคงสภาพสมบูรณ์ เขาจึงเอื้อมไปแตะหลังและพบว่าสิ่งที่เหนียวเหนอะหนะบนเสื้อผ้าไม่ใช่เลือดแต่เป็นเหงื่อที่ไหลหยดลงมาเพราะอากาศร้อน
ลู่หยางตกตะลึง!!
มันเกิดอะไรขึ้น?
เขายังมีชีวิตอยู่?
แม้เวลาจะล่วงเลยมาจนถึงปี 2050 แล้วแต่มันก็ยังไม่มีเทคโนโลยีที่กอบกู้ร่างผู้ตายจากการตกจากที่สูงได้ แล้วถึงแม้ว่ามันจะมีเทคโนโลยีแบบนี้แอบซ่อนอยู่จริง ๆ แต่มันก็ไม่มีทางที่รัฐบาลจะใช้เทคโนโลยีนี้กับเขาอย่างแน่นอน
นี่มันที่ไหน?
ลู่หยางลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบ ๆ ก่อนเขาจะพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเตียงเล็ก ๆ สภาพทรุดโทรมพร้อมกับมุ้งที่คลุมอยู่รอบเตียง
เมื่อดึงมุ้งออก เขาก็สังเกตเห็นโต๊ะพับกับเก้าอี้พลาสติกที่อยู่ข้างเตียง โดยมีตัวอักษรเขียนอยู่บนผนังบริเวณด้านบนของโต๊ะตัวนั้น
จงทำในสิ่งที่จะไม่เสียใจในภายหลัง!
ทันทีที่ลู่หยางอ่านทุกตัวอักษร ร่างกายของเขาก็ชาไปทั้งตัว
เหลือเชื่อ
นี่มันบ้านเช่าหลังเก่าที่เขาเคยอาศัยอยู่ไม่ใช่เหรอ?
คำพวกนั้นคือประโยคที่เขาเขียนให้กำลังใจตัวเองขณะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งมันก็ถูกแม่ของเขาทาสีลบไปในภายหลัง
ทำไมมันถึงยังอยู่ตรงนั้นได้!?
ทั้งโต๊ะ, เก้าอี้พลาสติกเก่า ๆ และจอทีวีขนาด 42 นิ้วพวกนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาทิ้งไปเมื่อนานมาแล้ว ทำไมมันถึงยังกลับมาอยู่ในห้องแห่งนี้อีก?
เขาย้อนเวลากลับมางั้นเหรอ?
ลู่หยางเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา ก่อนจะได้พบว่าอีก 1 นาทีจะเป็นเวลา 12:00 น. เขาจึงเปิดทีวีด้วยความสงสัยและกดรีโมทไปยังช่องของส่วนกลาง
ภาพที่ปรากฏคือภาพข่าวช่วงเที่ยงที่กำลังเริ่มดำเนินรายการพอดิบพอดี พิธีกรภายในทีวีจึงเริ่มกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะผู้ชมทุกท่าน วันนี้วันที่ 16 มิถุนายน 2040 วันที่ 7 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติ…”
ทันใดนั้นสมองของลู่หยางก็แทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ เขาจึงรีบลุกออกจากบ้านวิ่งไปข้างนอก ก่อนจะได้พบกับอาคารของมหาวิทยาลัยที่ถูกทำลายลงไปเมื่อห้าปีก่อน แต่ในตอนนี้มันยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยไม่มีร่องรอยการบุบสลายเลยแม้แต่นิดเดียว
ลู่หยางไม่สามารถอดกลั้นความตื่นเต้นภายในใจได้อีกต่อไปแล้ว เขาจึงใช้มือชกไปยังกำแพงหน้าบ้านพร้อมกับตะโกนขึ้นมาภายในใจอย่างสุดกำลัง
ฉันกลับมาจริง ๆ ด้วยโว้ย!!!
สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน ขออีกตอนกลับมาแล้ววววว เรื่องนี้จะเป็นนิยายเกมออนไลน์นะคะ หวังว่าจะชอบและร่วมผจญภัยไปด้วยกันน๊าา ฝากตัวอีกครั้งนะคะ ୧ʕ•̀ᴥ•́ʔ୨