ตอนที่ 7 ทองคำก้อนแรก
ไม่มีนาฬิกา ไม่มีโทรศัพท์มือถือ และไม่มีนาฬิกาปลุก ดังนั้นก็ต้องใช้นาฬิกาชีวภาพเดาเวลาตื่นเอาเอง
เมื่อต้าจวงขับเกวียนลา เข้ามา สองพี่น้องก็ยกกระสอบปลาออกจากร่องน้ำ ทุกกระสอบมีปลาแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ถ้าใส่มากเกินไปเดี๋ยวจะแออัดเกินไปทำให้ปลาขาดอากาศหายใจ ปลาอาจจะตายยกกระสอบ ขาดทุนย่อยยับ
เกวียนลา ไม่สามารถบรรทุกกระสอบใส่ปลาได้ทั้งหมด ดังนั้นต้าจวงจึงรีบไปที่คอกวัวและนำรถอีกคันมา และบรรทุกลงไปจนเต็มสองคัน
หลี่เหอนั่งอยู่ด้านหน้าเพื่อดูทาง ให้หลี่หลงขับรถในขณะที่ต้าจวงขับรถอีกคันตามหลัง หลังจากเดินทางไปได้สักพักเขาจะใช้ถังไม้ราดน้ำบนเกวียนลา เพื่อให้ปลาไหลและปลาหมูได้รับน้ำบ้าง
แสงจันทร์ส่องพอเหมาะ ไม่มืดเหมือนฤดูหนาว ไม่จำเป็นต้องจุดตะเกียง เปิดไฟฉายเฉพาะช่วงที่เส้นทางทางขรุขระเป็นครั้งคราว และเมื่อไปถึงเมืองหลวงจังหวัดก็เกือบจะสว่างแล้ว
เมื่อมาถึงบริษัทผลิตสัตว์ทางน้ำ ผู้คนมากมายเข้ามาและจากไป ทำการรีบเร่งส่งของไปยังตลาดเช้าเกวียนลา จอดอยู่ด้านข้าง หลี่เหอหยิบพลั่วจากข้างเกวียนลา ให้หลี่หลง และบอกเขาให้คอยเก็บอุจจาระและปัสสาวะของลา ให้ทำความสะอาดแล้วฝังไว้ในดินแถวนั้น จากนั้นก็เดินไปยังพื้นที่สำนักงาน
เขาเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีคนมาจับไหล่จากข้างหลัง เขาหันไปเห็นเป็นชายแก่ที่เจอเมื่อวาน เขาจึงรีบหยิบบุหรี่ของเขาออกมาพูดว่า “สวัสดีตอนเช้าครับ ลุงสูบบุหรี่หน่อยมั้ย ผู้จัดการอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
ชายแก่เสียบบุหรี่ไว้ที่หูและกล่าวว่า “ผู้จัดการไม่มาเช้าขนาดนี้หรอก เมื่อวานนี้เขาบอกฉันไว้แล้ว นายมากับฉัน รถลากคันมาทางนี้” หลี่เหอรีบโบกมือให้ทั้งสองคนตามเขาไป
เดินเข้าไปในบริเวณที่มีถังน้ำเรียงรายเป็นแถว มีปลาน้ำจืดส่วนใหญ่ เช่น ปลาคาร์พและปลานิล ที่หน้าถังน้ำเปล่า หลี่เหอเปิดถุงกระสอบแล้วยื่นให้ชายแก่ “ลุงดูปลาอ้วนๆพวกนี้สิ เราเป็นคนรวบรวมมาทั้งหมด”
ชายแก่ไม่พูดอะไร ตะโกนบอกคนข้าง ๆ “เอาตาชั่งมานี่หน่อย ยกปลาขึ้นบนตาชั่งเร็ว”
หลังจากที่วางถุงกระสอบลงบนตาชั่ง ชายแก่สั่งให้คนเลือกปลาที่ตายและตัวที่เล็กเกินไปออก และชั่งน้ำหนักแยกกัน รวมทั้งกำจัดน้ำที่ตกค้างในกระสอบออกไป หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้วได้น้ำหนักน้อยกว่าจากการชั่งได้จากที่บ้าน แต่หลี่เหอไม่ค่อยใส่ใจมากนัก เขาให้บุหรี่แก่พนักงานคนละมวนแล้วเรียกพวกเขาว่า “พี่ชาย” และ “พี่สาว” ด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มและสายตาชื่นชม
เขาได้ใบเสร็จและตามชายแก่เดินออกจากห้องการเงินหลังจากจัดการเรื่องเงินเสร็จ “ลุง ลุงช่วยพวกเราไว้มากจริง ๆ!” แล้วชี้ไปที่หลี่หลงและต้าจวง เขากล่าวว่า “คนนี้เป็นน้องชายของฉันและอีกคนเป็นลูกพี่ลูกน้อง ฉันจะตอบแทนลุงในอนาคต”
ทั้งสามคนที่ขับเกวียนลา ไม่กล้าหาที่นั่งกิน เนื่องจากลาอาจจะถ่ายตามรายทางและนี่คือเมือง การจัดการมันจะยุ่งยากไปหน่อย หลังจากออกจากเมืองแล้ววิ่งรถไปตามถนน ทั้งสามคนกินแป้งย่างที่นำมาจากบ้านและดื่มน้ำหมดจากกาน้ำ
หลี่เหอนอนอยู่ด้านหลังและหลับไปตลอดทาง ถนนในชนบทช่างเป็นหลุมเป็นบ่อ ทำให้เขาตื่นขึ้นด้วยความเจ็บปวดทั่วร่างจากการกระแทก
เขานำเกวียนลา ไปคืนที่คอกวัวและให้ต้าจวง 10 หยวน แต่ต้าจวงยังคงปฏิเสธ
หลี่เหอกล่าวว่า “รับไปสิ นายทำงานนายก็ต้องได้เงินสิ นอกจากนี้นายต้องช่วยฉันต่อไปอีกนาน นี่ไม่ได้ทำแค่วันหรือสองวัน ตราบใดที่นายมาทำงานแบบนี้ หนึ่งวันนายจะได้เงินวันละ 10 หยวน”
ตามสภาพตลาดในปัจจุบัน ให้แค่สองหรือสามหยวนก็พอ เคยมีคำโบราณว่าเอาไว้ว่า “ถ้าไม่ทนทุกข์จากความยากจน ก็ต้องทนทุกข์จากความไม่เป็นธรรม”
หลี่เหอไม่แข็งแกร่งพอที่จะให้หลิวต้าจวงเป็นหุ้นส่วน ตอนนี้เขาขาดแคลนทุนมากที่สุด หากเขาไม่พยายามทำงานหนักตั้งแต่ตอนนี้ เมื่อคนที่มีพรสวรรค์ด้านการหาเงินจำนวนมากปรากฏตัวออกมา เงินทุนเล็กน้อยของเขาก็คงไม่เพียงพอ
หลิวต้าจวงมีความสุขมาก คนงานที่แข็งแรงอย่างเขาสามารถทำได้แค่ 240 คะแนนการทำงานในหนึ่งปี หมู่บ้านหลี่อยู่ใกล้แม่น้ำฮุยเหอ ทำให้เกิดภัยแล้งและน้ำท่วมบ่อย มีการเก็บเกี่ยวปีละครั้ง การนับคะแนนงานคือ 1 คะแนน จะได้เงิน 3 เหมา
หลิวต้าจวงรู้ดีในใจว่าเขาเพิ่งได้รับ 43 หยวนในปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เขาเริ่มทำงาน เขาคำนวณใหม่ในใจตามที่หลี่เหอบอกทำงานหนึ่งวัน ได้เงินวันละ 10 หยวน เขาจะได้อย่างน้อย 300 หยวนต่อเดือน คิดแล้วใจเต้นแรงไม่กล้าคิดต่อเลย
นี่ไม่ใช่เหมือนกับคุณปู่ของเขาที่เคยขับรถให้คนอื่น ๆ ในสมัยก่อนหรือ? นายจ้างให้เงินเขาและพนักงานก็ทำงานตามหน้าที่ หลี่เหอให้เงินเขามากขนาดนี้เพียงเพื่อให้ช่วยงานเล็กๆ น้อย ๆ เท่านั้น อย่าว่าแต่ 10 หยวนเลน ให้แค่ 1 หยวน คนในหมู่บ้านหลี่คงต้องต่อแถวเพื่อทำงานนี้
หลิวต้าจวง คิดว่างานนี้นอกจากต้องอดนอนแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรยากเลยเลย เขารีบกลับบ้านไปปรึกษากับพ่อว่าจะไม่รับงานของทีมผลิตอีกต่อแล้ว ใครอยากทำก็ทำไป
ทันทีที่หลี่เหอกลับถึงบ้าน พี่ชายและน้องสาวก็นั่งคำนวณรายได้ หลังจากหักต้นทุนแล้วพวกเขาได้กำไร 232 หยวน สิ่งนี้ทำให้หลี่เหมยตกใจและพูดว่า “เยอะขนาดนี้เลยหรอ”
เมื่อน้องสี่หลี่ผิงได้ยินเช่นนี้ ก็พึมพำเบาๆว่า “หนูกับพี่สามคิดเลขหลายรอบแล้ว ไม่มีความแตกต่างแม้แต่สตางค์เดียว”
ตอนนี้ปัญหากลับมาที่หลี่เหมย จะซ่อนเงินที่ไหนดี ต้องเป็นที่ที่ดีและปลอดภัย เพราะมันจะไม่ปลอดภัยที่จะเก็บไว้ที่ข้างเตียง และเธอก็กลัวหนู เผื่อว่ามันจะแอบมุดเข้าไปในกำแพง สุดท้ายเธอพบโถใบหนึ่งแล้วใส่มันลงไป ปิดฝาแล้วเก็บไว้ใต้เตียงในห้องของหลี่เหอ
หลี่เหอมองอย่างขำๆ พลางบอกหลี่เหมยว่า “พี่สาว ให้แม่แค่ 50 หยวนนะ บอกแม่แค่ว่านี่คือเงินที่หาได้ในไม่กี่วันที่ผ่านมา แล้วให้แม่ใช้หนี้เก่า ๆ ที่ไปยืมคนอื่นมาให้หมดเลย”
หลี่เหมยเบ้ปาก “ยังต้องให้นายสอนฉันอีกเหรอ? แม่ถามฉันเมื่อวานนี้แล้วรอบนึง ฉันบอกว่าได้เงินมา 20 หยวน”
ในขณะที่กินอาหาร หวังหยูหลานได้ยินว่าหลี่เหมยหาเงินได้ห้าสิบหยวนในสามวัน เธอรู้สึกดีใจและกังวลในเวลาเดียวกัน หลังจากทั้งหมดนี่เป็นเรื่องที่ต้องเสี่ยง “นี่เรื่องจริงใช่ไหม?”
หลี่เหอไม่รอให้เคี้ยวกระดูกไก่ในปากเสร็จ ตอบทั้งที่กินแก้มตุ่ยว่า “เรื่องจริง”
หลังอาหาร สองพี่น้องยังคงดูแลปลาไหลที่ถูกนำมา หวังหยูหลานรู้สึกสงสารลูกชายทั้งสองคน “พวกลูกไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้ว ลูกไปงีบหลับซะก่อนเถอะ ระหว่างนี้พี่สาวคนโตและฉันจะจัดการเอง งานนี้ไม่หนักหนาอะไร รีบล้างเท้าแล้วไปนอน”
หลี่เหอถอนหายใจ การเป็นหนุ่มสาวมันดีจริง ๆ หลังจากดิ้นรนทำงานมาทั้งวันและขับเกวียนลา ไปกลับเจ็ดหรือแปดชั่วโมง เขายังอดทนได้อีก อย่างไรก็ตามเปลือกตาของเขาไม่อยากต่อสู้อีกแล้ว และเขาก็จะไม่บังคับตัวเองให้ทนง่วงด้วย สองพี่น้องจึงไปนอนพัก
หลังจากนอนลงไปสักพัก ในห้องร้อนจัดและไม่มีแม้แต่สายลมเบาๆ สิ่งสำคัญคือไม่มีไฟฟ้า ทำให้เขานอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นและนำเสื่อไปนอนใต้ร่มไม้แทน ในที่สุดการระบายอากาศก็ดีกว่าภายในบ้านมาก
หลี่เหอและสองพี่น้องกำลังทำบัญชี เมื่อพวกเขาเจอกับหญิงชรากับลูกสะใภ้ทั้งหลาย พวกเขารู้สึกเกรงใจเกินกว่าจะเถียงกัน
แต่สำหรับผู้หญิงสองคนอย่างหหวังหยูหลาน และหลี่เหมย พวกเธอมักจะใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด และระมัดระวัง พวกเธอจะใจกว้างได้อย่างไร? ไม่ว่าจะหนึ่งหรือสองเฟิน พวกเธอก็ยังต้องดูตามน้ำหนักจริง ดังนั้นพอมาเห็นเงินมากมายขนาดนี้ พวกเธอก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที พวกเธอช่วยกันรวบรวมปลาไหล ชั่งน้ำหนักและจดบัญชีได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้พวกพี่น้องชาย และทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง
เมื่อหลี่เหอตื่นขึ้นมา เขาก็พบว่าปู่ของเขากำลังช่วยชั่งน้ำหนัก ส่วนย่าก็ช่วยผูกปากถุงด้วยผ้า คู่สามีภรรยาชราคู่นี้มีลูกชายสามคนและลูกสาวหนึ่งคน โดยหลี่เจาคุนเป็นลูกชายคนโต หลังจากที่แยกครอบครัวแล้ว ตามประเพณีชนบท เขามักจะอาศัยอยู่กับลูกชายคนเล็ก พักอยู่ท้ายหมู่บ้านและไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยนัก
ตามคำพูดของปู่กับย่าลูกชายคนโตไม่ประสบความสำเร็จไม่เป็นดั่งที่หวังและมีสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก พอตาไม่เห็นใจก็ไม่นึกถึง แต่ถึงจะพยายามช่วยก็ต้องมีขอบเขต ไม่สามารถใช้ลูกชายคนเล็กมาเติมหลุมของพี่ชายคนโตได้ สำหรับครอบครัวของลูกชายคนโต ปู่กับย่าจึงได้แต่ถอนหายใจ
หลี่เหอยกเก้าอี้จากในบ้าน มาวางใต้ร่มไม้ แล้วยื่นบุหรี่อีกมวนให้ “ปู่ ย่า มันร้อนมาก พวกท่านพักผ่อนเถอะ บ้านมีคนเยอะอยู่แล้ว พวกเรายุ่งพออยู่แล้ว”
ท่านผู้เฒ่าหลี่ฝูเฉิงส่งตาชั่งในมือให้หลี่หลง เดินไปที่ร่มไม้ หยิบบุหรี่มวนหนึ่งขึ้นมาแล้วจุดไฟด้วยไม้ขีดพลางยิ้มและพูดว่า “ไม่ขนาดนั้นหรอก? หลานไปที่บ้านปู่เมื่อสองวันที่แล้ว ปู่ลืมถามเรื่องสอบไปเลย วันนี้ปู่ก็เลยต้องมาดูหน่อย”
หลี่เหอก็จุดบุหรี่แล้วกล่าว “ครับปู่ ผมคิดว่าน่าจะสอบผ่าน ผมค่อนข้างมั่นใจ”
เขาจำได้ว่าเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงนะ ไม่ใช่ว่าเขาได้คะแนนสูงสุดในสอบเข้ามหาวิทยาลัยสายวิทยาศาสตร์ของอำเภอหรือ?
มีผู้เข้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยในอำเภอน้อยกว่า 2,000 คน และส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่มีการศึกษา คนงาน และแม้แต่ชาวนา มีการจำกัดอายุสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปี 79 และหลายคนได้เปลี่ยนอายุ รวมถึงใช้สถานะนักเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย
เขายังถูกเลือกเป็นคนที่ดีที่สุดในกลุ่มนี้ เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดัง และได้รับงานกินเงินเดือน แต่ก็มีเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ หมู่บ้านยังให้การสนับสนุนเงิน 200 หยวนแก่เขาด้วย
หลี่ฝูเฉิงยิ้มตาหยี "ดีแล้ว ปู่รู้มาตลอดว่าหลานของเราไม่ทำให้ผิดหวัง ตอนนี้ปู่แก่แล้ว ไม่สามารถช่วยอะไรมากได้ หลานต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ”
จมูกของหลี่เหอรู้สึกแสบ “ปู่ครับ ไม่เป็นไร ผมโตแล้ว สามารถดูแลตัวเองได้แล้ว กลัวแต่ถ้าผมไปแล้ว ครอบครัวจะไม่รู้ทำอย่างไร พี่สาวคนโตยังไม่ได้แต่งงาน และเจ้าสามก็จะแต่งงานเป็นคนต่อไป ดังนั้นผมจึงอยากใช้ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนหามาเป็นเงินสำรองไว้ เพื่อสร้างฐานให้กับครอบครัว”
หลี่ฟู่เฉิงสูบบุหรี่อย่างยาว “ปู่กับย่าของหลานก็เป็นห่วงเรื่องนี้เหมือนกัน ถึงแม้จะรู้ว่าพ่อของหลานเป็นคนไม่เอาไหน แต่เรื่องแต่งงานนี้ หลานก็ข้ามเขาไปไม่ได้ ปู่กับย่าได้แต่ดูอยู่ห่าง ๆ ไม่อาจตัดสินใจแทนได้”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หลี่เหอรู้ว่ามันเป็นความจริง จึงไม่พูดต่อและคิดถึงปัญหาเรื่องบ้านแทน “ปู่ครับ ผมอยากจะสร้างบ้านเพิ่มอีก 3 ห้อง ในตอนนี้ที่ยังมีเงินเก็บอยู่ ตอนนี้มีระเบียบข้อบังคับในทีมผลิตไหม เรื่องอิฐและบ้าน? และการจ้างงานเล็กงานใหญ่ ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
หลี่ฟู่เฉิงตกใจเมื่อได้ยินจากสะใภ้คนโตว่าเด็กๆหาเงินได้มากกว่า 20 หยวนต่อวัน เดือนนี้เขาได้เงินมากกว่า 600 หยวน
“ปู่ก็ได้ยินจากแม่ของหลานว่าสามารถทำงานหาเงินได้มากกว่า 20 หยวนต่อวัน สร้างบ้านสามหลังใช้เงินประมาณ 400 หยวน หลานเก็บเงินจากการทำงานสักพักก็พอ”
ทั้งครอบครัวได้รับคำแนะนำจากหลี่เหอว่าเมื่อมีคนถาม ให้ตอบเพียงว่า "หาเงินอย่างยากลำบาก" ถ้าพูดมากเกินไป อาจมีคนอิจฉาแล้วสร้างปัญหาให้
ส่วนการสร้างบ้านนั้นจะไม่แปลกแต่อย่างใด หากมีลูกชายหลายคนและภรรยา การสร้างบ้านในหมู่บ้านก็เป็นเรื่องปกติ
สองคนพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียด และตกลงกันว่าจะให้เงินแก่หลี่ฝูเฉิง จำนวน 100 หยวนในวันพรุ่งนี้เพื่อเป็นเงินมัดจำ และจะสั่งอิฐแดงมาก่อน