ตอนที่แล้วตอนที่ 5 มาถึงเมือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 ทองคำก้อนแรก

ตอนที่ 6 ถึงแม้ยุงจะตัวเล็กแค่ไหน แต่มันก็ยังเป็นเนื้อ


เขานั่งอยู่ในรถระหว่างทางกลับบ้าน ท้องของเขาร้องดังและเขาได้แต่บ่นว่าทุกอย่างในชีวิตมันยากลำบาก!  ในฤดูร้อนของคนอื่นจะมีพัดอันใหญ่ ๆ ซุปถั่วเขียวสักถ้วย แตงโมแช่น้ำเย็น แล้วก็แป้งเย็นแก้ร้อน

ในชีวิตก่อนหน้านี้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น เขาเรียนเก่ง มีงานดี และมีโอกาสเริ่มต้นธุรกิจ บางทีพระเจ้าอาจรู้ว่าเขาเป็นหนี้ครอบครัวนี้มากเกินไป  จึงต้องการให้เขาชดใช้  ในฐานะที่เกิดใหม่แม้ว่ายุคอสังหาริมทรัพย์และยุคอินเทอร์เน็ตยังมาไม่ถึง แต่ก็ไม่ยากเลยที่จะสร้างความมั่งคั่งหากใช้ประสบการณ์และความทรงจำจากชีวิตที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสัญชาตญาณความระมัดระวังของเขา เขาจึงไม่กล้าทำเช่นนั้น

ตามที่ทราบ หลี่เหออายุ 18 ปี เด็กหนุ่มวัยรุ่น พึ่งจบการศึกษาจากชั้นมัธยมปลายและเป็นนักเรียนที่เก่งที่สุดในชั้นเรียน  ลองสมมุติว่าตอนนี้หลี่เหอกำลังออกแบบเครื่องยิงจรวดสำหรับโรงงานทหาร เพื่อนร่วมชั้นเรียนสามารถยืนยันได้ว่าไอ้หมอนี่แม้แต่ยืนรายงานหน้าชั้นยังทำไมได้เลย  จะทำอะไรยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการขนาดนั้นได้ยังไง

ลองสมมุติว่าหลี่เหอพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงอังกฤษลอนดอน  ครูภาษาอังกฤษก็จะสามารถยืนยันได้ทันทีว่าเด็กคนนี้พูดภาษาอังกฤษสำเนียงท้องถิ่นเท่านั้น  ถึงจะมีทักษะการอ่านและเขียนที่ยอดเยี่ยม แต่ทักษะการฟังและการพูดของเขานั้นแทบจะไม่สามารถใช้ได้จริงเลย

ลองสมมุติว่าหลี่เหอขณะนี้ส่งบทความไปยังวารสารเพื่อแก้ปัญหาทางเทคนิคของอุตสาหกรรมการทหารในช่วงปี 1970 และ 1980 ครูภาษาจีนก็สามารถยืนยันได้ว่าเด็กคนนี้สามารถเขียน ได้แค่เรียงความง่ายๆเท่านั้น

ลองสมมุติว่าหลี่เหอไปอวดทักษะการทำช่างระดับ 8 ทีนี้โรงเรียนก็จะสามารถพิสูจน์ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ไม่รู้แม้กระทั่งว่าประตูโรงงานหันไปทางทิศไหน

ทุกอย่างดูไม่สมเหตุสมผลและมีข้อน่าสงสัยมากมาย มันไม่เป็นไรที่จะเป็นอัจฉริยะ แต่การเป็นอัจฉริยะเหนือโลกนั้นหมายถึงการหาความตายใส่ตัวเอง เด็กที่ไม่เคยเข้ามหาวิทยาลัยหรือมีประสบการณ์การทำงานใด ๆ คิดจะหาแสงใส่ตัวเอง  อวดความเก่งที่ไม่มีที่มาที่ไป  ก็จะมีแต่ปัญหาเท่านั้นที่เข้ามา  ซึ่งมันอันตรายมาก  ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเรียนอย่างขยันขันแข็งในมหาวิทยาลัยในชีวิตนี้

มีคนเกิดใหม่หลายคนที่เคยเป็นแค่คนเก็บขยะในชีวิตก่อน หลังจากเกิดใหม่พวกเขาอยากจะเป็นคนที่รวยที่สุดในโลก พวกเขาไปเอาความมั่นใจจากไหน? ถึงจะเกิดใหม่คนขี้แพ้ก็จะยังคงเป็นคนขี้แพ้อยู่วันยังค่ำ  เพราะยังไงซะคนเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวตนของตัวเองได้หลังจากการเกิดใหม่

เขาทำงานในระบบอุตสาหกรรมทหารมาเป็นเวลา 10 ปี แม้ว่าเขาจะเริ่มทำธุรกิจของตัวเองในภายหลัง แต่เขาก็ยังทำงานสนับสนุนภายในระบบอุตสาหกรรมทหาร ประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้านี้บอกเขาว่าแม้ว่าจะไม่มีทีมงานอัจฉริยะ แต่เขาก็ไม่ควรคิดว่ารัฐบาลจะโง่เหมือนกับ FBI

หลังจากลงจากรถบัสที่สถานี เขาไปที่ห้องพักรับรองเพื่อดูเวลา ตอนนี้ 10 โมงกว่าแล้ว  เฮ้อ! มันเจ็บปวดจริง ๆ ที่ไม่มีนาฬิกา  ไม่มีโทรศัพท์ เขาไปที่ประตูทางใต้ก่อนและเห็นหลี่หลงและต้าจวงยืนพิงมุมกำแพงกำลังพูดคุยและหัวเราะกัน หลี่เหอเดินมาจากด้านหลังและจู่ ๆ ก็ตีที่ไหล่พวกเขา ทำให้พวกเขาทั้งคู่ตกใจ

ต้าจวงมองไปที่หลี่เหอและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หลี่เหอ นายกลับมาแล้ว”

หลี่เหอยกถุงขึ้นและประมาณน้ำหนักของปลาไหลและปลาหมูที่เหลือ “เหลือไม่ถึง 20 ชั่ง เราขายถูก ๆ  รีบกลับบ้านกันเถอะ”

แดดเริ่มแรงมากแล้ว และมีเพียงไม่กี่แผงขายของตั้งอยู่ ภายใต้ความดื้อรั้นของหลี่เหอ ปลาที่เหลือเขาขายแบบทั้งลดทั้งแลกทั้งแจกทั้งแถม หลี่หลงและต้าจวงได้แต่ยืนดูข้าง ๆ อย่างทำอะไรไม่ได้และรู้สึกเสียดายสุด ๆ นี่มันเงินทั้งนั้น !!

ระหว่างทางกลับทั้งสามคนผลัดกันลากรถ พวกเขาเดินไปได้ครึ่งทางและหยุดพักสักครู่ เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ หลี่หลงเอาเงินทั้งหมดออกมาชื่นชมอีกครั้ง  แล้วช่วยกันกับต้าจวงนับเงินที่ได้หลายรอบ

ก่อนที่หลี่หลงจะพูดอะไร ต้าจวงก็พูดอย่างรีบร้อน “177 หยวน 3 เหมา 4 เฟิน และคูปองอาหาร 17 ชั่ง  โอ้โห!!  ฉันต้องทำงานหนักทั้งปีเพื่อหาแต้มงาน  แต่ยังหาได้ไม่เท่าที่พวกนายหาได้ภายในหนึ่งวันเลย”  ประโยคสุดท้ายฟังดูขมขื่นเล็กน้อย

หลี่หลงตอบกลับทันที “ไม่เป็นไรน่าน้องชาย  ฉันกินเนื้อ  ส่วนนายได้กินน้ำแน่นอน”

ต้าจวงผลักแขนของหลี่หลงออกไป “เจ้าโง่  นายอายุน้อยกว่าชั้นอีก  นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”

พวกเขาคุยเล่นกัน ด่ากันไปตลอดทาง และหลี่เหอรู้สึกขี้เกียจเดินและไม่สนใจพวกเขาเลย  เมื่อพวกเขามาถึงเมือง หลี่เหอดูแลรถ เขาสั่งให้หลี่หลงนำคูปองไป ซื้อเนื้อ 4 ชั่ง และให้ต้าจวง 2 ชั่ง นอกจากนี้ เขายังซื้อเหล้า 2 ขวด บุหรี่ 4 ซอง และถุงปุ๋ย 30 ใบ ซึ่งเสียเงินไปอีก 17 หยวน ทำให้หลี่หลงรู้สึกเครียดว่าทำไมเงินนี้จึงใช้ง่ายใช้คล่องอย่างนี้?   ต้าจวงยกของที่ซื้อมาไว้ที่รถ

เมื่อหลี่เหอมาถึงบ้าน เขาไม่มีเวลาจะไปล้างมือและล้างหน้า น้องสาวคนเล็กเอาแต่เกาะแขนเกาะขาและซบในอ้อมแขนของเขา ร้องเรียก “พี่ชาย ๆ” ไม่หยุด

หลี่เหอลูบผมบาง ๆ ของน้องสาวแล้วถามว่า “อยู่บ้านเรียบร้อยดีใช่ไหม? แอบไปซนข้างนอกหรือเปล่า?”

เด็กน้อยตอบอย่างจริงจัง “หนูเป็นเด็กดีมาก แค่กินขนมเยอะไปหน่อย”

เจ้าตัวเล็กกลัวหลี่เหอจะดุ  จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “โทษหนูไม่ได้นะ ขนมมันอร่อยเกินไป หนูหยุดกินไม่ได้เลย  อยากกินแล้วอยากกินอีก”

เห็นท่าทางเจ้าเลห์เล็ก ๆ แบบนี้ หลี่เหอก็ไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ และจากนั้นเขาก็สอนเธออย่างเข้มงวด “น้องจะปวดฟันถ้ากินขนมเยอะเกินไป  น้องกินได้แค่วันละสองอันเท่านั้นนะ ไม่อย่างนั้นแมลงสำดำจะกินฟันของน้อง  ทำให้ปวดฟันมาก ๆ  แมลงพวกนี้จะทำให้ฟันเป็นสีดำแล้วก็เน่าด้วย”

ดวงตาของเด็กหญิงเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอรีบเปิดปาก เงยหน้ามองหลี่เหอแล้วพูดว่า "พี่ชาย ช่วยดูให้หน่อยว่ามีแมลงอยู่ในปากของหนูไหม"

หลี่เหมยกำลังนั่งยอง ๆ อยู่ในลานบ้านเพื่อทำการตากข้าวโพด ฟังการสนทนาที่ไร้สาระของทั้งสองคน เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะและ พูดกับหลี่เหอด้วยความโมโหไปว่า  “นายอายุเท่าไหร่แล้ว ยังจะมาหลอกเด็กอยู่อีก  หยุดทำตัวบ้าบอแบบนี้ได้ไหม!”

เมื่อมองไปที่ผักดองและหมั่นโถวบนโต๊ะ เวลาก็ล่วงเลยจนสายเกินไปที่จะทอดเนื้อหรือทำอาหาร หลี่เหอจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดกับต้าจวง ว่า "ต้าจวง  ตอนเที่ยงนี้ก็ทานง่ายๆ ไปก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นเราทำอะไรอร่อยๆ ให้กิน นายทำอาหารเสร็จแล้วก็เอาของไปส่งคืนพ่อไปด้วย เงิน 10 หยวนนี้ เหล้าสองขวด และบุหรี่สองซองนี้ก็ให้พ่อไปด้วย เรายังต้องใช้สัตว์จากทีมผลิต เรื่องคนอื่นพวกเราไม่รู้  แต่เรื่องนี้ยังไงก็ขอรบกวนพ่อของนายช่วยดูแลให้ด้วยนะ"

ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เมื่อเดือนที่แล้ว หลิวซือชุนใช้ล่อลากหิน ใช้ไปเดือนนึงเต็มๆ แต่จ่ายแค่สามหยวนเอง ไม่มีใครเรียกร้องอะไรมากมายหรอก”

ต้าจวง พยายามปฏิเสธ แต่หลี่หลงที่ยืนอยู่ข้างๆ ดันของเข้ามาในอ้อมแขนของเขา “เอาไปส่งเร็วๆ จะได้ทานข้าวกัน ถ้านายไม่เอาหมูไปเก็บลงบ่อน้ำ ตอนกลางคืนมันจะเหม็นแน่”

ก่อนที่พวกเขาจะทานข้าวเสร็จ ก็มีคนเข้ามาในลานบ้านเพื่อรับเงินสำหรับปลาไหลและปลาหมูที่ขายเมื่อวานนี้ พอทุกคนได้รับเงินก็ได้ยินหลี่เหอพูดอีกว่า "รับทั้งหมดที่มี" ทุกคนต่างดีใจ เพราะตอนนี้แทบจะไม่มีที่ไหนที่จะหาเงินง่ายๆแบบนี้  ถ้าส่งปลาไหล 200 ชั่งก็จะได้เงิน 2 หยวน

หลี่เหมยและหลี่หลงอยู่ในห้องด้านหลังเพื่อทำบัญชี เมื่อผลออกมาทั้งสองพี่น้องต่างตกใจ พวกเขาหักเงินที่ใช้ในการซื้อปลาไหลและปลาหมูออกไป ทำกำไรทั้งหมด 89 หยวน

หลี่เหมยแอบคำนวณลับ ๆ ว่าจะทำเงินได้เท่าไหร่ในเดือนนี้ แต่เธอรู้สึกว่าเธอโลภเกินไป แค่เงินที่พวกน้องชายทำได้ในสองวันนี้ก็เพียงพอแล้ว

หลี่เหอและครอบครัวยุ่งอยู่ทั้งบ่าย หลี่เหอพาต้าจวงและหลี่หลงไปชั่งน้ำหนัก และหลี่เหมยทำบัญชี หวังหยูหลานและหลี่ผิงช่วยกันคัดเลือกปลาไหลที่ตายออกก่อนที่จะไปชั่งน้ำหนัก ในหนึ่งบ่าย หลี่เหอเก็บปลาได้มากกว่า 3,400 ชั่ง จากทั้งหมดมีปลาไหลแค่สามในห้าส่วน ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้มากนัก

แม้ว่าจะยังไม่มีการจ่ายเงินสดวันนี้ แต่คนที่ส่งปลาไหลเมื่อวานนี้ได้มารับเงินวันนี้ ดังนั้นการทำบัญชีวันนี้จึงไม่มีการต่อต้านจากทุกคนอีก  เพียงแค่ยอดเงินและน้ำหนักไปได้รับการยืนยันว่าตรงกันทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย  ชาวบ้านก็จะได้รับเงินสดเมื่อบ้านหลี่ไปขายปลาในวันพรุ่งนี้

เด็ก ๆ บางคนยังนำปลาไหลมาขายด้วย หลี่เหอรู้ว่าเด็ก ๆ จะเป็นกำลังหลักในอนาคต เมื่อผู้ใหญ่ยุ่งอยู่กับงานในนา  พวกเขาจะไม่มีเวลาจับกุ้งจับปลา ดังนั้นพวกเด็กจะจับปลามาขายในปริมาณน้อยๆ เช่น 3 – 5 ชั่ง  โดยจะจ่ายเป็นเงินสดไปเลย จะไม่มีการบันทึกในบัญชี แต่ถ้ามีปลามาขายมากกว่านั้น จะให้เงินสดบางส่วนและบันทึกยอดเงินที่เหลือเอาไว้ก่อน

นี่ทำให้เด็กบางคนตื่นเต้นจนไม่ยอมนอนกลางวัน  เอาแต่วิ่งไปจับปลาหมูและปลาไหลใต้แสงแดดร้อนแรงทั้งวัน

ในวันนั้น เด็กเกือบทุกคนในหมู่บ้านมีเงินอยู่ในมือสามถึงห้าเหมา โดยปกติพ่อแม่จะให้เงินแค่หนึ่งหรือสองเฟินเป็นค่าขนม  เมื่อไหร่ที่พวกเขาจะจับเงินจำนวน "มหาศาล" แบบนี้กัน?

พ่อแม่ในหมู่บ้านบอกกับลูก ๆ ว่า พ่อแม่จะช่วย"เก็บ"เงินเพื่อให้ลูกๆ เพื่อเก็บเป็นค่าสินสอดแต่งภรรยาในอนาคต  เด็กๆ จะถูกหลอกง่าย ๆ ได้อย่างไร?  เมื่อพ่อแม่พูดถึง "การเก็บ" เงินนี้  ต่อให้เด็กร้องไห้โวยวายจนหูแดงตาแดงก็ไม่มีประโยชน์  บางคนถึงกับแย่งชิงโยใช้ความรุนแรง  พ่อแม่บางคนไล่ตามลูก ๆ ไปทั่วหมู่บ้านพร้อมด้วยไม้เรียวในมือ เด็กหลายคนจึงตัดสินใจในใจว่าในการจับปลาหมูและปลาไหลครั้งถัดไป  จะไม่เอาปลาพวกนี้กลับบ้าน  แต่จะเอาไปขายเองแทน  พวกเขาจะได้เก็บเงินไว้เป็นค่าขนมเองได้โดยที่พ่อแม่ไม่รู้

ในมื้อเย็นข้าวผัดกับหมูตุ๋นหนึ่งชามทำให้เด็กหญิงตัวเล็กมีความสุขมาก หลี่เหอเปิดขวดเหล้าขาวและรินใส่แก้วสำหรับต้าจวงและหลี่หลงคนละแก้ว

“พี่ชาย ฉันดื่มไม่เป็น” หลี่หลงปกติเป็นแค่เด็กชายที่อยู่บ้านและไม่เคยดื่มเหล้าเลย ปกติเวลามีงานแต่งงานและงานศพในหมู่บ้านก็จะมีการดื่มเหล้าบ้าง  แม้ว่าจะมีเด็กชายวัยรุ่นจะเข้าร่วมงานเหล่านี้ แต่พวกเขาจะนั่งโต๊ะกับผู้หญิงและเด็ก ไม่มีโอกาสที่จะได้สัมผัสเหล้าจริง ๆ  เลยสักครั้ง

“พวกเราคือผู้ชายที่โตแล้วนะ จะมาพูดเรื่องไม่ดื่มกันทำไม? มาเถอะต้าจวง  ดื่มกันหน่อย ต้าจวงผ่านวันที่หนักหนามา” หลี่เหอจำได้ว่าน้องชายของเขาคนนี้  มีความสามารถในการดื่มที่ดีมาก และเหล้าเพียงหนึ่งชั่งเท่านั้น  ไม่พอยัดซอกฟันต้าจวงเลยด้วยซ้ำ

หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จหลี่เหอกล่าวว่า “เราจะออกเดินทางตอนตีหนึ่ง  วันนี้เข้านอนเร็วหน่อยนะ พวกนายสองคนก็ต้องฉลาดหน่อยนะ  ไม่ว่าใครจะถามก็ห้ามบอกว่ารวบรวมของให้กับบริษัทผลิตสัตว์ทางน้ำ หลังจากนี้ให้นายสองคนไปที่บ้านหัวหน้าทีมผลิตเพื่อขอจดหมายแนะนำตัว”

หลี่เหมยเก็บจานและกล่าวว่า “มันจะไม่เช้าไปเหรอ?”

หลี่เหอพูดว่า “ไม่หรอก รถลากเข้าไปในเมืองได้ก่อนเช้ามืดไมได้  ต้องรีบไปให้ทันตอนเช้าตรู่พอดี”

หลังจากนั้นเขาก็บอกครอบครัวให้ระวังการพูดคุยข้างนอก โดยบอกว่าพวกเขาเก็บของให้คนอื่น ไม่ต้องพูดถึงที่ส่งของด้วย ทุกวันนี้มีคนฉลาดมากมาย เขายังขอให้หลี่หลงและต้าจวงนำซองบุหรี่ไปและรีบไปที่เลขานุการหมู่บ้านเพื่อขอจดหมายแนะนำตัวให้เสร็จก่อนที่จะมืด

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด