ตอนที่ 598 จุดประสงค์ของ ซู หนิงซวง และโลกของสองเรากับ ซู หนิงซวง(3)
ซู หนิงซวง รู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นเธอจึงคิดว่าจะลงไปดู เย่เฉิน ทันใดนั้น เย่เฉิน ก็กลับขึ้นมาพร้อมปลาเก๋าตัวใหญ่น้ำหนักกว่า 4 จิน!(ประมาณ 2 กิโลกรัม+)
เมื่อเห็นว่า เย่เฉิน ปลอดภัย ซู หนิงซวง ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เย่เฉิน ได้พยายามหาเป้าหมายใต้น้ำอยู่นาน ในที่สุดก็เจอปลาตัวใหญ่ แต่พยายามอยู่หลายครั้งก็ยังจับมันไม่ได้ จนปลาตัวนั้นว่ายหนีไป
ขณะกำลังรู้สึกเสียดายนั้น เย่เฉิน ก็บังเอิญเจอปลาเก๋าตัวนี้แอบอยู่ในแนวปะการัง
หลังการต่อสู้ ‘อย่างดุเดือด’ เย่เฉิน ก็จับมันมาได้สำเร็จ
ด้วยปลาตัวใหญ่นี้ทำให้ เย่เฉิน มั่นใจว่าวันนี้มีอาหารทั้งมื้อเที่ยง และเย็นเรียบร้อยแล้ว และยังทำให้เขาได้รถ BMW 7 Series รุ่นกันกระสุนที่ใฝ่ฝันมาครอง
เพียงแค่คิด เย่เฉิน ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากแล้ว
“ดีมากเลย”
ซู หนิงซวง เดินออกมาจากที่ร่ม เพื่อจะมาช่วย เย่เฉิน ถือของ
ทั้งสองกลับเข้ามาที่วิลล่า และอาบน้ำ เย่เฉิน ออกมาก่อนแล้วรีบเปิดโทรศัพท์มือถือของเขาทันที
[ติ๊ง]
[จับปลาน้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัมด้วยความสามารถของตัวเองโดยใช้อุปกรณ์ยิงปลา – ภารกิจท้าทายสำเร็จ]
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับรถ BMW 7 Series รุ่นกันกระสุน 1 คัน (ตอนนี้รถจอดอยู่ที่โรงรถในคฤหาสน์ ถานกง ของคุณแล้ว โปรดตรวจสอบ)]
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับ : 50 คะแนนค่าประสบการณ์]
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับ : 24 คะแนนสะสม(ร้านค้า)]
ภารกิจท้าทายสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และรถ BMW 7 Series รุ่นกันกระสุนคันนี้ก็มาถึงมือ เย่เฉิน
เย่เฉิน กลายเป็นคนแรกในมหานครเซี่ยงไฮ้ที่ได้ครอบครองรถรุ่นนี้
หากข่าวนี้แพร่ออกไป ไม่ว่าเศรษฐี หรือผู้มีอำนาจในเมืองนี้ก็จะต้องพากันอิจฉา เย่เฉิน อย่างสุดซึ้ง
หลังจากนั้น เย่เฉิน ก็เข้าครัว เขาลองชั่งน้ำหนักปลาที่จับได้
ตัวแรกหนัก 0.97 กิโลกรัม
ส่วนปลาเก๋าตัวที่สองหนัก 2.12 กิโลกรัม
โชคดีที่จับตัวที่สองได้ ปลาตัวแรกน้ำหนักน้อยกว่าจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ผ่านภารกิจท้าทายนี้
ตอนเที่ยงอากาศร้อนเกินกว่าจะย่างปลา เขาจึงเปลี่ยนไปทำมื้อย่างตอนกลางคืนแทน
เย่เฉิน จึงตัดสินใจเอาปลาตัวแรกมาทำเป็นสองเมนู ส่วนปลาเก๋าตัวที่สองนั้นเก็บไว้ทำตอนกลางคืน
เขาเริ่มลงมือทำอาหาร ซู หนิงซวง ก็มาช่วยเตรียมของ
หลังจากยุ่งกันอยู่หนึ่งชั่วโมง อาหารเที่ยงสุดหรูก็เสร็จสมบูรณ์ ซู หนิงซวง ประทับใจฝีมือการทำอาหารของ เย่เฉิน อย่างมาก
พอตกเย็น เย่เฉิน และซู หนิงซวง ก็ไปจัดบาร์บีคิวบนชายหาด เอาปลาเก๋ามาย่าง และย่างอาหารอื่นๆ ที่ได้เตรียมมาด้วย
หลังมื้อเย็น เย่เฉิน และซู หนิงซวง มานั่งที่ม้านั่งยาว ชมพระอาทิตย์ตกดินในระยะไกล
ซู หนิงซวง พิงไหล่ของ เย่เฉิน และทั้งคู่ก็พูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา
ทันใดนั้น เย่เฉิน นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันหน้าไปหาเธอ และบังเอิญที่ ซู หนิงซวง ก็หันมามองพอดี สายตาของทั้งคู่พลันสบกัน ต่างคนต่างลืมสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดไปชั่วขณะ…
ในชั่วขณะนั้น.. ราวกับเวลา และบรรยากาศโดยรอบหยุดนิ่ง ซู หนิงซวง ที่จ้องมอง เย่เฉิน อยู่นั้นค่อยๆ หลับตาลง เย่เฉิน ที่ไม่ได้พูดอะไร ก็ค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปจูบเธอ…
บ่ายวันรุ่งขึ้นหลังเลิกเรียน เย่เฉิน ขับรถไปที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เพื่อพบกับศาสตราจารย์เมิ่ง
อย่าลืมว่า เย่เฉิน เป็นศาสตราจารย์พิเศษของที่นี่อยู่ ศาสตราจารย์เมิ่ง จึงเรียก เย่เฉิน ให้เข้ามาพบเพื่อแจ้งข่าวสารของคณะบางอย่างกับเขา
หลังจากเยี่ยมเยียนที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ เย่เฉิน ก็ไปรับ ซู หนิงซวง และมุ่งหน้าไปที่บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่
เมื่อวานขณะที่ทั้งคู่คุยกัน เย่เฉิน พูดถึงการที่เขาเพิ่งเข้าซื้อกิจการบริษัทจิวเวลรี่แห่งหนึ่งไว้
โดยไม่คาดคิดว่า ซู หนิงซวง จะแสดงความสนใจเรื่องนี้ และอยากจะไปเยี่ยมชม
เย่เฉิน แม้ไม่รู้ว่าเธอเริ่มสนใจธุรกิจเครื่องประดับตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ยินยอมพาเธอไป
กว่ายี่สิบนาทีต่อมา ทั้งสองมาถึงบริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่
แม้ว่าบริษัทจะเคยเผชิญกับวิกฤตบางอย่าง แต่ด้วยการเข้าร่วมของ เหยียน อวี้ตาน ทำให้บริษัทก้าวหน้าไปอีกขั้น และเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
ทันทีที่มาถึง เย่เฉิน พา ซู หนิงซวง เดินชมดูรอบๆ บริษัท และพบกับ เหยียน อวี้ตาน
เย่เฉิน ได้แนะนำว่า สร้อยคอเพชรสีน้ำเงินที่เขาได้ให้ ซู หนิงซวง นั้นเป็นผลงานการออกแบบของ เหยียน อวี้ตาน ซู หนิงซวง ก็ถึงกับตาเป็นประกายทันที
“ขอบคุณดีไซเนอร์เหยียนนะคะ”
ซู หนิงซวง พูดอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรค่ะ นั่นถือว่าเป็นหน้าที่ของฉัน”
เหยียน อวี้ตาน ตอบกลับ
“เย่เฉิน ฉันหิวน้ำ คุณช่วยไปซื้อชานมให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
ทันใดนั้น ซู หนิงซวง ก็พูดขึ้นมา
ใต้อาคารสำนักงานของบริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ มีร้านชานมตั้งอยู่
“เอ่อ...ได้สิ”
เย่เฉิน พยักหน้ารับคำ แม้จะงงๆ เล็กน้อย
เมื่อ เย่เฉิน ออกไปจากห้องทำงาน เหยียน อวี้ตาน ที่ยืนอยู่ข้างๆ จับสังเกต และก็รู้ทันทีว่า ซู หนิงซวง จงใจให้ เย่เฉิน ออกไปชั่วคราว
ท่าทางว่าที่นายหญิงของบริษัทดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรจะพูด?
เหยียน อวี้ตาน จึงเริ่มมีท่าทีจริงจังขึ้น
“ดีไซเนอร์เหยียนค่ะ ฉันอยากถามว่า ถ้าเป็นคนที่ไม่มีความรู้เรื่องการออกแบบเครื่องประดับเลย การจะออกแบบจี้สำหรับผู้ชายต้องใช้เวลานานแค่ไหนคะ?”
ซู หนิงซวง ถามอย่างแฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง
ซู หนิงซวง อยากจะเตรียมของขวัญให้ เย่เฉิน บ้าง หลังจากที่เขามอบของขวัญหลายชิ้นให้เธอมาในก่อนหน้านี้
เธอเคยถาม เย่เฉิน ไว้แล้วว่าเขาเกิดวันไหน เขาตอบว่าเกิดช่วงปิดเทอมฤดูร้อน และตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก่อนจะถึงวันเกิดของเขา
ดังนั้น ซู หนิงซวง จึงอยากออกแบบ และสร้างจี้สำหรับผู้ชายชิ้นหนึ่งด้วยตัวเองเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่เขา
แม้มันอาจจะไม่ได้มีราคาแพงนัก แต่มันก็มีความหมายถึงความรักของเธอที่มีต่อ เย่เฉิน
ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ต้องไม่ให้ เย่เฉิน รู้ล่วงหน้า ดังนั้นเธอจึงหาข้ออ้างเพื่อให้เขาออกไปก่อน
“ไม่รู้เรื่องเครื่องประดับ และการออกแบบเลยเหรอ...”
คำถามนี้ทำให้ เหยียน อวี้ตาน ตอบได้ยาก
“ใช่ค่ะ ดีไซน์เนอร์เหยียน ไม่ต้องถึงขั้นละเอียดมากก็ได้ ขอแค่...”
ซู หนิงซวง อธิบายเพิ่ม
นอกจากนี้เธอเคยหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตแล้วว่าการจะเชี่ยวชาญด้านการออกแบบ และสร้างเครื่องประดับนั้นต้องใช้เวลาหลายปี หรืออาจนานกว่านั้นด้วยซ้ำ
ซึ่งเธอไม่มีเวลารอขนาดนั้น
ดังนั้นเธอจึงต้องการวิธีที่รวดเร็วที่สุด และเธอจะพยายามทำให้ดีที่สุด โดยไม่ได้คิดหวังว่าจะเทียบระดับฝีมือการออกแบบของ เหยียน อวี้ตาน ได้
เมื่อเข้าใจเจตนาของ ซู หนิงซวง เหยียน อวี้ตาน ครุ่นคิดสักครู่แล้วตอบว่า :
“ถ้าช้าหน่อยคงสี่เดือน ถ้าเร็วก็คงสองถึงสามเดือนก็น่าจะพอเข้าใจพื้นฐานได้คะ”
“ได้ค่ะ”
ความเร็วนี้ตรงกับที่ ซู หนิงซวง คาดเดาไว้
“ดีไซน์เนอร์เหยียน ฉันอยากจะออกแบบจี้สำหรับผู้ชายให้ เย่เฉิน แต่ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย ถ้าฉันมีคำถามใดๆ ในอนาคตจะขอคำปรึกษาได้ไหมคะ?”
ซู หนิงซวง ถามด้วยน้ำเสียงเขินอายเล็กน้อย
“ได้แน่นอนคะ”
เมื่อเข้าใจเจตนาของ ซู หนิงซวง เหยียน อวี้ตาน ตอบตกลงทันที
“ถ้า คุณหนูซู มีคำถามเกี่ยวกับการออกแบบ และสร้างเครื่องประดับ สามารถมาปรึกษาฉันได้ทุกเมื่อเลยค่ะ”
เหยียน อวี้ตาน พยักหน้า เธอเข้าใจความตั้งใจของ ซู หนิงซวง และยินดีที่จะช่วย
เมื่อเห็น เหยียน อวี้ตาน ตอบรับอย่างเต็มใจ ซู หนิงซวง ก็พลันรู้สึกมีความสุขในใจมาก
“อ้อ ดีไซเนอร์เหยียนคะ ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกค่ะ”