ตอนที่ 3 หลิวต้าจวง
หลังจากเข้ามหาวิทยาลัย เงินอุดหนุนจากมหาวิทยาลัยของหลี่เหอจะถูกส่งกลับบ้าน แต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากจบมหาวิทยาลัยและได้รับงานทำ เขาถึงเริ่มช่วยเหลือครอบครัวได้ด้วยเงินเดือนของตนเอง เมื่อตอนที่เรียนมัธยมปลาย เขาต้องการออกจากชนบท เข้าไปทำงานในเมืองตอนนั้นเขาไม่ใส่ใจครอบครัวนัก จนกระทั่งอายุสามสิบ เขาถึงเริ่มรู้สึกผิดกับครอบครัว ตอนนั้นเขาเริ่มรู้ตัวจริงๆ ว่าเขาเคยละเลยครอบครัวขนาดไหน เมื่อย้อนคิดดูเขาเคยคิดถึงแต่เรื่องเรียน โดยไม่ค่อยสนใจไยดีครอบครัวเลย
ในชาติก่อนจริงๆแล้วหลี่เหอไม่มีเงินไปโรงเรียนเลย และไม่เคยคิดหาวิธีหาเงินด้วย เขาแค่เพียงพึ่งพาเงินที่ครอบครัวไปกู้หนี้ยืมสินมา ช่วงหนึ่งเขาเคยโทษญาติที่ไม่ยอมช่วยเหลือเขา แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงไม่อยากให้ยืม โดยเฉพาะเมื่อครอบครัวของเขาเองไม่มีความมั่นคง และใครจะรับผิดชอบคืนเงินที่ยืมไปละ
พี่น้องในครอบครัวของพวกเขายังเด็ก และพ่อแท้ๆ ของพวกเขาก็ไม่ได้เอาใจใส่หรือรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นลุงหรือป้า พวกเขาไม่คาดหวังว่าครอบครัวของหลี่จะคืนเงินที่ยืมไปได้ ในเวลานั้นทุกครอบครัวในชนบทมักจะมีลูกสามหรือสี่คน และแต่ละครอบครัวก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีกว่ากันนัก คุณอาจยืมเงินได้หนึ่งหรือสองครั้ง แต่ไม่สามารถยืมได้ตลอดไป
อาหารที่เขากินตลอดทั้งปีคือมันเทศแห้งและข้าวโพด ข้าวเป็นอาหารที่หรูหราและเขาแทบไม่ได้กินข้าวสาลีเลย แป้งขาวนั้นกินเฉพาะในช่วงเทศกาลเท่านั้น และการได้กินเกี๊ยวนับเป็นอาหารที่อร่อยที่สุด
แม้ในวันที่ลำบากเช่นนี้ผู้คนก็ยังคงช่วยเขาอยู่ ตอนนี้หลี่เหอเข้าใจดีแล้ว หลังจากผ่านมาสองชาติ เขาคงไม่สามารถไม่เข้าใจว่าเมื่อคุณได้รับความช่วยเหลือคุณต้องตอบแทนบุญคุณ และแน่นอนว่า หากมีความแค้นคุณต้องล้างแค้น
"เงินนี้ให้พี่สาวเก็บไว้อย่าให้แม่เก็บ เพราะนิสัยของแม่ ถ้าพ่อกลับมาเงินก็จะไม่เหลือแม้แต่เฟินเดียว" หลี่เหอก้มลงมองรองเท้าผ้าใบเก่าๆ ของหลี่หลงที่สวมใส่ซึ่งเริ่มเสื่อมสภาพ "เดี๋ยวพอผ่านตลาด ฉันจะซื้อเนื้อสักหน่อย และซื้อรองเท้าให้นายคู่หนึ่ง"
"ได้เลย เดี๋ยวฉันจะกลับไปช่วยพี่สาวซ่อนเงินแน่นอน รับรองไม่มีใครหาเจอ" หลี่หลงก็เจ้าเล่ห์เหมือนกัน เขายังรู้จักนิสัยพ่อของตัวเองดี การบอกว่าเขาไม่บ่นพ่อสักคำก็คงเป็นเรื่องโกหก ไม่มีครอบครัวไหนเหมือนบ้านเขาที่อยู่ในสภาพแบบนี้ในระยะหลายสิบหลี่รอบๆ หมู่บ้านหรอก
ตลอดทางไม่ได้หยุดพัก ถนนหลักจากตำบลไปอำเภอเป็นถนนกรวดง่าย ๆ ที่ขรุขระ ถ้าคุณขี่จักรยานอยู่ละก็ ถ้าเจ้าก้นของคุณพูดได้ มันคงจะร้องตะโกนออกมาว่า "โอ้พระเจ้า แม่ของฉันจะบานเป็นดอกไม้แล้วแล้ว" ถ้าคุณต้องการเข้าห้องน้ำละก็ รับรองได้ว่าคุณจะได้เอาโคลนเหลืองออกหมดแน่ หลี่เหอจำได้ว่าถนนซีเมนต์เพิ่งถูกสร้างในช่วงปี 1990
เมื่อมาถึงตัวเมือง สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดคือสหกรณ์การค้า ส่วนตลาดก็เกือบจะเจ๊งหายไปแล้ว เขาสั่งให้หลี่หลงไปซื้อเนื้อ และเขาก็ไปซื้อขนมเกลียวราคา 2 เฟินจากแผงขายของไปฝากน้องสาวตัวเล็กที่บ้าน ในยุคนี้มีขนมชนิดหนึ่งคือขนมแป้งทอดหม่าฮัว ส่วนใหญ่คนที่รู้วิธีทอดขนมชนิดนี้ คือคนแก่ พวกเขาหาบของและเดินทางไปตามชนบท ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "คนหาบหม่าฮัว "
แม้ว่าเขาจะทำมาหากินด้วยการหาบเหมือนกัน แต่หลี่เหอก็แตกต่างจากพวกพ่อค้าแม่ค้าที่ขายบุหรี่ ไม้ขีดไฟ ดอกหอมหมื่นลี้ และขนมหวาน พ่อค้าเหล่านั้นมักเดินไปตะโกนขายของไปด้วย และบางครั้งก็เขย่ากลองเล็กๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของชาวบ้าน แต่หลี่เหอหาบของไปมาโดยไม่ได้ตะโกนเลย หลังจากซื้อขนมหม่าฮัวแล้ว เขาก็เอาตั๋วอาหารไปแลกแป้งขาวที่สหกรณ์การค้า แป้งฟู่เฉียง 9 ชั่งราคาเพียง 1 หยวน 8 เหมา น้อยกว่าสองเฟินต่อชั่ง หลี่เหอกัดฟันจ่ายไปตรงๆ เพราะช่วงนี้เขากินข้าวโพดมากซะจนเจ็บคอ ไม่เพียงแค่เจ็บคอแต่อาหารที่เขากินยังไม่มีคุณค่าโภชนาการและไม่อยู่ท้อง ครอบครัวของเขามีผู้ใหญ่สามคน(ไม่นับพ่อที่ไม่เคยอยู่บ้าน) และข้าวที่แบ่งกินในแต่ละครั้งก็พอแค่ทำข้าวต้มเท่านั้น
ต้องยอมรับว่าในเวลานี้เงินมีค่ามากและมีอำนาจการซื้อสูง คนงานในเมืองสามารถทำเงินได้มากกว่า 20 หยวนต่อเดือน ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่าคนที่ทำงานราชการในยุคหลังๆ เสียอีก หลี่เหอรู้สึกอิจฉาคนที่นั่งรถเทียมวัว แม้ว่ารถเทียมวัวจะช้าแต่มันก็ยังดีกว่าที่เขาต้องเดินด้วยสองขาของตัวเอง เขาถอนหายใจด้วยความท้อแท้ว่าตัวเองกลายเป็นคนไร้ค่ามากขึ้นเรื่อยๆ เขาถือถุงข้าวอยู่ในมือ และในอากาศที่ร้อนจัดแบบนี้ทำให้เขารู้สึกกังวลใจมาก เมื่อเช้าตอนที่เขากับหลี่หลงไปที่อำเภอ เขายังมีปลาไหลและปลาหมูหนักประมาณ 70-80 ชั่งในถุง แต่ตอนนั้นแดดยังไม่แรงขนาดนี้
หลี่หลงถือเนื้อและขนมลูกกวาดที่บิดเป็นเกลียวไว้ในมือแล้วตะโกนบอกหลี่เหอให้พักสักหน่อย เขาจะถือของแทน แต่สุดท้ายหลี่เหอทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้พี่ชายของเขาทรมานแบบนี้ เขาจึงกัดฟันเดินต่อไปอีกหลายหลี่
"เจ้าสอง เจ้าสอง ,เฮ้ เจ้าสอง" เมื่อหลี่เหอได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเขาจากด้านหลัง เขาหันกลับไปมองและรู้สึกดีใจมาก เขากำลังหวังบางอย่างอยู่ และแล้วหลิวต้าจวงจากหมู่บ้านก็กำลังขับรถลากลามาที่นี่ เมื่อเขามองไปที่รถก็เห็นว่ามีผู้คนนั่งอยู่บนรถลากล่อหลายคน ทั้งเป็นสะใภ้และหญิงชราในหมู่บ้าน โดยไม่รอช้าหลี่เหอวางของขึ้นบนรถลากล่อและปีนขึ้นไปพร้อมกับหลี่หลง
"ต้าจวง มองอะไรอยู่ล่ะ? รีบไปเถอะ ฉันร้อนจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว" หลี่เหอมองไปที่หน้าดำๆของหลิวต้าจวงและโบกมือให้เขารีบออกเดินทาง หลิวต้าจวงอายุพอๆ กับหลี่หลง ตั้งแต่เด็กเขาชอบติดตามหลี่เหอเสมอ ถ้าหลี่เหอบอกให้ทำอะไรเขาก็ไม่เคยไม่ทำตาม ต่อมาด้วยความช่วยเหลือจากหลี่เหอ เขาไปทางใต้เพื่อทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและกลายเป็น "นายท่านหลิว" จริงๆ แล้วแม้ว่าครอบครัวของเขาจะมีกิจการใหญ่โต แต่เขาก็ยังตามติดหลี่เหอเสมอ โดยไม่สนใจที่จะลดสถานะของตัวเองลงเป็นเพียงผู้ติดตามของหลี่เหอ
"เมื่อเช้านี้ฉันไปบ้านนาย จะถามว่าจะไปตลาดไหม ป้าบอกว่าพวกนายไปที่อำเภอแล้ว" หลิวต้าจวงพูดขณะขับเกวียนลา
"โอ้โห เจ้ารองเหอ ดูเนื้อในมือเธอสิ นี่ต้องราคามากกว่า 3 หยวนแน่นอน วันนี้พวกเธอรวยจริงนะ" ป้าตงเหมยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทำตาเป็นประกายเมื่อเห็นเนื้อสองชั่ง
"ป้า เมื่อวานฉันจับปลาไหลและปลาหมูมาเยอะเลย วันนี้ฉันเลยเอาไปแลกเป็นเงินเก็บไว้สักหน่อย" แต่เดิมหลี่เหอตั้งใจทำธุรกิจอย่างเงียบๆ และทำตัวเรียบง่ายเมื่อออกจากบ้านในตอนเช้า แต่ผลปรากฏว่าเมื่อออกไปแล้วเขาก็พบว่า ตั้งแต่ที่ว่าการอำเภอไปจนถึงตัวเมืองมีแต่พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยทั้งนั้น และหลายคนก็ทั้งฉลาดแล้วก็ใจกล้ามาก
ความทรงจำของหลี่เหอจากชีวิตก่อนนั้นยังไม่ค่อยชัดเจนนัก เขาไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องธุรกิจเหล่านี้เมื่อยังเรียนอยู่ เขาเน้นเรื่องการเรียนมากกว่าและคิดแต่จะพึ่งพาอาหารจากส่วนกลาง เขาเพิ่งเริ่มทำธุรกิจในช่วงปี 1990 และเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่ออกไปหาเงิน ตอนนี้เขาพูดออกไปตรงๆ โดยไม่มีอะไรจะปิดบัง
"ป้าไปถามจูจื่อกับลุงดูสิ ถ้ามีเวลาว่างก็ไปจับปลาไหลกับปลาหมูที่ทุ่งนา ฉันจะรับซื้อทั้งหมด ปลาหมูราคา 1.6 เหมา ส่วนปลาไหลราคา 2 เหมา"
"เจ้ารองเหอพูดจริงหรือเปล่า? ช่วงนี้ครอบครัวเราว่างงานไม่ได้ทำงานในทีมแล้วก็ไม่มีอะไรทำที่บ้าน ถ้าเธอรับซื้อจริงๆ ป้าจะให้เขาเอาไปส่งในตอนบ่ายนี้" หลี่เหอมองหญิงคนนั้น ถ้าความจำเขาถูกต้อง นั่นคือภรรยาของไหลซ่งที่พูดกับเขา
"เธอจะได้กำไรหรือเปล่า เจ้ารองเหอ?" แม่ของปานกวงไฉและป้าตงเหมยถามอย่างร้อนรน
"ไม่เป็นไร แต่ต้องจดบัญชีไว้ก่อน ฉันไม่มีเงินสำรองมากนัก ต้องรอจนกว่าจะขายปลาเสร็จถึงจะจ่ายเงินค่าปลาได้" ลี่เหอคิดว่าเขาจะได้หาเงินเยอะๆ ด้วยเงินเพียงไม่กี่สิบหยวนที่มีอยู่ได้อย่างไร
"พวกป้าจะไปขายของที่อำเภอกับฉันก็ได้นะ แต่มันต้องใช้เวลาหน่อย" เมื่อหลี่หลงได้ยินพี่ชายพูดแบบนั้น เขาแทบกลอกตาด้วยความกระวนกระวาย ถ้าพาไปคนเยอะขนาดนี้ไปอำเภอด้วยกัน แล้วเราพี่น้องจะขายอะไรได้ละ?
ไม่มีใครโง่ในเวลานี้ พานกวงไฉพูดกับแม่ของเขาว่า "เจ้าหนู ทำไมถึงได้สุภาพขนาดนี้? ใครจะมีเวลามาเดินทางไปถึงในตัวอำเภอที่ห่างไปหลายสิบหลี่กันละ?"
แม้ว่าตอนนี้จะมีคนทำธุรกิจอยู่บ้างแต่พวกเขาก็ขายได้เพียงกับข้าวและผลไม้ในตัวเมือง การไปที่ตัวอำเภอนั้นเป็นเรื่องยากเสมอ ความคิดเก่าๆ ยังคงครอบงำอยู่ และไม่มีใครกล้าเสี่ยงเดินทางไปถึงที่นั่น นอกจากนี้การเดินทางไปที่ที่ห่างออกไปหลายสิบหลี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และครอบครัวของเธอก็ไม่สามารถอดทนต่อความยากลำบากเพื่อลูก ๆ ได้ แม่เฒ่าหลายคนคิดว่าครอบครัวตระกูลหลี่อาจจะมีปัญหาดังนั้นพวกเขาจึงยอมเสี่ยงทำสิ่งนี้