ตอนที่แล้วยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 40 ความลับแห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 42 บุรุษชุดนักพรตขี่วัวเขียว

ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 41 ตำหนักน้ำแข็งปรากฏ


ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 41 ตำหนักน้ำแข็งปรากฏ

ตู้ม!

พื้นพิภพสั่นสะเทือน!

จากหมอกสีเทาปรากฏร่างของสัตว์ร้ายตนหนึ่ง รูปร่างคล้ายวัวป่า มีหัวเป็นสิงโต ทั่วทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเขียว

สูงกว่าร้อยจั้ง ราวกับภูเขาขนาดเล็ก ตั้งตระหง่านอยู่ภายในซากปรักหักพังที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทา ดวงจันทร์โลหิตดวงนั้น ก็คือดวงตาของมัน

นอกจากนี้ อีกด้านหนึ่ง ยังมีตะขาบปีกดำตัวหนึ่ง

ขนาดใหญ่โตเทียบเท่าเทือกเขา ยาวกว่าสองร้อยจั้ง ทั่วทั้งร่างกายเป็นสีดำ ราวกับหล่อหลอมขึ้นจากเหล็กเทพทองคำเซียน นอนนิ่งสงบอยู่ภายในซากปรักหักพัง

ดวงตาของมันราวกับคบเพลิง ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่ากลัวและน่าหวาดหวั่น กรงเล็บของมันครูดไถพื้นพิภพ เกิดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่

มิใช่เพียงตนเดียว แต่เป็นสัตว์อสูรระดับหวนเอกาสองตน ปราณอาฆาตแผ่กระจายไปทั่ว!

รอบ ๆ ร่างกายของพวกมัน ไม่มีสัตว์อสูรตนใดกล้าเข้าใกล้ แม้ว่าจะสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว แต่สัตว์อสูรตนอื่น ๆ ก็ยังคงรู้ดีว่า หากเข้าใกล้ตัวตนระดับนี้ พวกมันจะต้องตาย!

ยิ่งไปกว่านั้น ต่างจากผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ พลังอำนาจและร่างกายของสัตว์อสูรในระดับตบะเดียวกันแข็งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูรเสื่อมทรามเหล่านี้ พวกมันสูญเสียจิตวิญญาณไปนานแล้ว คงเหลือเพียงสัญชาตญาณที่จะสังหารและความโหดร้าย

พลังอำนาจของพวกมันน่ากลัวกว่าในอดีต!

“สัตว์อสูรระดับหวนเอกาหนึ่งวัฏ หากอยู่ในโลกภายนอก คงจะสามารถก่อให้เกิดความโกลาหล สังหารผู้คนมากมาย อย่างน้อยก็สามารถสังหารผู้คนในรัศมีหมื่นลี้ได้” กู้ฉางเซิงกล่าวพึมพำ แต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลง

ระดับหวนเอกา เรียกได้ว่า ผู้ทรงอิทธิพล

ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยพบเจอกับตัวตนระดับนี้ พูดตามตรง ภายในใจเขารู้สึกคาดหวังเล็กน้อย

วูบ วูบ!

ชั่วขณะถัดมา คัมภีร์เต๋าหมื่นศาสตราก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ภายในคัมภีร์เต๋าอันไร้ขอบเขตนั้น มีอาวุธเทพมากมาย ปรากฏขึ้นราวกับเป็นสิ่งที่แท้จริง ปลดปล่อยคมกระบี่อันน่ากลัวออกมา

นี่คือพลังอิทธิฤทธิ์ระดับกึ่งจอมสรรพสิ่ง!

อาวุธเทพแต่ละชิ้น ล้วนสามารถสังหารยอดฝีมือระดับเบิกฟ้าเจ็ดวัฏได้

“สังหาร!”

กู้ฉางเซิงมีแววตาเป็นประกาย ภายใต้คำสั่งของเขา อาวุธเทพนับไม่ถ้วนภายในคัมภีร์เต๋าแปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างมากมาย ปลดปล่อยเสียงอันน่ากลัว พุ่งลงมาจากท้องฟ้า!

วูบ วูบ วูบ!

แสงเทพส่องประกาย ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน!

“คำราม!”

ตะขาบปีกดำไม่คิดมาก่อนว่าผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ผู้นี้จะกล้าลงมือก่อน ความโกรธที่แฝงอยู่ภายในดวงตาก็พลันระเบิดออกมา

จากนั้นมันก็อ้าปากพ่นบางสิ่งบางอย่างออกมา!

ของเหลวสีดำขุ่นพุ่งทะลักออกมา ภายในนั้นมีพลังอำนาจอันน่าสะอิดสะเอียน ปลดปล่อยกลิ่นเหม็น ทำให้กระบี่เทพสีทองเล่มหนึ่งกลายเป็นเถ้าธุลี!

“พลังกัดกร่อนแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้แต่ผู้บำเพ็ญระดับเบิกฟ้า หากสัมผัสก็ต้องตาย!”

กู้ฉางเซิงกล่าวอย่างแผ่วเบา รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในความคาดหมาย

สังหารอีกครั้ง!

แสงสว่างของคัมภีร์เต๋าหมื่นศาสตรายิ่งเจิดจรัส กระบี่เทพและอาวุธเทพนับพัน พุ่งเข้าโจมตี!

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

พวกมันฟาดฟันลงบนร่างกายของตะขาบปีกดำ เกิดเสียงดังก้องกังวาน ราวกับโลหะปะทะกัน เหลือเพียงร่องรอยสีขาวจาง ๆ

ไม่สามารถทำลายได้!

จากสิ่งนี้ ก็สามารถมองเห็นความแข็งแกร่งของเปลือกนอกสัตว์อสูรระดับหวนเอกาตนนี้ได้

ส่วนวัวป่าอสูรร้ายตนนั้น มิได้ยืนดูเหตุการณ์ มันคำรามลั่น พุ่งเข้าโจมตีกู้ฉางเซิง เขาบนศีรษะของมันเป็นเกลียว ปลดปล่อยแสงอัสนีสีม่วงออกมา!

ร่างกายดุจดังภูเขา ปิดบังทั่วทั้งฟ้าดิน

พลังอัสนีอันน่ากลัวรวมตัวกัน พุ่งเข้าโจมตีกู้ฉางเซิง

สัตว์ร้ายตนนี้มิเพียงแต่มีพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังคงมีพลังอิทธิฤทธิ์พรสวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับสายฟ้า

“นี่! นี่คือพลังอำนาจของสัตว์อสูรทรงอิทธิพลอย่างนั้นหรือ? เมืองทั้งเมืองคงต้องถูกทำลาย!”

“สัตว์อสูรระดับหวนเอกา! แม้แต่ผู้ทรงอิทธิพลทั่วไป เมื่อพบเจอก็ต้องเลือกเดินทางอ้อม! บุตรเทพตระกูลกู้กลับกล้าต่อสู้กับมัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นสองตน! ช่างเหลือเชื่อยิ่งนัก!”

ภายในเมืองเป่ยหวง ผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนมองดูเหตุการณ์ภายในคันฉ่องเบิกฟ้าดิน ต่างก็ตกตะลึง พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว แม้ว่าพวกเราจะมีอายุเท่ากัน แต่ในตอนนั้น ข้ายังคงไม่สามารถเอาชนะสัตว์อสูรระดับตำหนักดวงจิตได้แม้แต่ตนเดียว!”

“บุตรเทพตระกูลกู้ เขาบำเพ็ญเพียรด้วยวิธีการใด พลังเวทของเขาแผ่กระจายไปทั่ว ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด!”

ในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน ใครบ้างกล้าต่อสู้กับผู้ทรงอิทธิพล? พวกเขาจะต้องถูกพลังอำนาจและกลิ่นอายบดขยี้จนจิตวิญญาณแตกสลายอย่างแน่นอน

แต่กู้ฉางเซิงกลับต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับหวนเอกาสองตนอย่างสงบนิ่ง มิได้แสดงท่าทีหวาดกลัว ยิ่งไปกว่านั้น เขาดูเหมือนกำลังใช้สัตว์อสูรทั้งสองฝึกฝน ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด

“ข้าคิดว่าบุตรเทพตระกูลกู้ คงจะก้าวเข้าสู่เขตแดนต้องห้ามในตำนานแล้วกระมัง” ชายชราคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

คำพูดของเขานี้ ทำให้ผู้คนมากมายมีสีหน้าเคร่งขรึม ภายในใจรู้สึกหวาดกลัว

เขตแดนต้องห้าม!

นั่นคือคำที่ใช้สำหรับอธิบายอัจฉริยะฟ้าประทานที่ไร้ผู้ต่อต้าน

แม้แต่จอมสรรพสิ่งและมหาจักรพรรดิที่มีพรสวรรค์อันโดดเด่น ก็ยังคงไม่สามารถก้าวเข้าสู่เขตแดนนั้นได้ตลอดเวลา

เว้นแต่ว่าพวกเขาจะใช้สมบัติลับ หรือวิชาลับ

อัจฉริยะฟ้าประทานรุ่นเยาว์ต่อสู้กับผู้บำเพ็ญที่มีระดับตบะสูงกว่า มิใช่เรื่องน่าประหลาดใจ

แต่การต่อสู้กับผู้บำเพ็ญที่มีระดับตบะสูงกว่าสองระดับใหญ่ สิบระดับย่อย และยังสามารถคงพลังอำนาจเอาไว้ได้

นั่นคือเรื่องที่น่ากลัวและน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผู้บำเพ็ญทั้งหมดภายในเมืองเป่ยหวงต่างก็มีสีหน้าซีดเผือด ราวกับว่าพวกเขากำลังเห็นตำนานถือกำเนิด

“แสงสว่างของบุตรเทพตระกูลกู้ จะส่องประกายไปทั่วดินแดนมรรคาสามพันดินแดน ตลอดกาล!” ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยความรู้สึก

ภายในความว่างเปล่า สีหน้าของยอดฝีมือจากขุมอำนาจอมตะต่าง ๆ เคร่งขรึม

เกิดมาเป็นอริยะ!

เขตแดนต้องห้าม!

ทุกคำพูด ล้วนทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว

ในเวลานั้น ภายในคันฉ่องเบิกฟ้าดิน บริเวณขอบสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง

หลังจากที่กู้ฉางเซิงต่อสู้กับสัตว์อสูรสองตนหลายสิบกระบวนท่า ดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นพลังอำนาจของสัตว์อสูรทั้งสองแล้ว

จากนั้น ร่างกายของเขาก็หายตัวไปจากที่แห่งนั้น ใช้ย่างก้าวคุนเผิงล้ำสวรรค์ ปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของตะขาบปีกดำ หมัดหนึ่งพุ่งเข้าโจมตี ราวกับบรรจุพลังหนึ่งล้านจินเอาไว้!

ตู้ม!

เปลือกนอกที่แข็งแกร่ง ไม่อาจต้านทานได้ แปรเปลี่ยนเป็นเศษชิ้นส่วน ศีรษะระเบิดออก!

ต่อมา เขาก็เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง มือทั้งสองข้างเริ่มต้นผนึก

ทั่วทั้งร่างกายถูกปกคลุมด้วยแสงเทพ ราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง เบื้องหลังของเขา ปรากฏเงาลาง ๆ ของราชันเซียน

พลังอิทธิฤทธิ์ลับของตระกูลกู้ ตราประทับราชันเซียน!

มือซ้ายแปรเปลี่ยนเป็นดวงจันทร์ มือขวาแปรเปลี่ยนเป็นดวงอาทิตย์ พุ่งเข้าโจมตี!

วัวป่าอสูรร้ายที่มีร่างกายใหญ่โตเทียบเท่าภูเขาลูกหนึ่ง ถูกดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปกคลุม ไม่อาจหลบหนี ภายในดวงตาที่เคยมืดมิด กลับปรากฏสติขึ้นแวบหนึ่ง ภายในนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และความสิ้นหวัง

ชั่วขณะถัดมา มันไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้ แปรเปลี่ยนเป็นหมอกโลหิต ถูกทำลาย จบชีวิตเช่นเดียวกับตะขาบปีกดำ

เหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้เมืองเป่ยหวงตกอยู่ในความเงียบสงัด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด