บทที่ 67 การต่อสู้นองเลือด
“กู่ลี่”
เรือของตระกูลหนิงหยุดห่างจากเรือติ้งหยางไปประมาณห้าสิบเมตร โดยไม่ได้เข้าใกล้ไปกว่านั้น มีชายท่าทางดุร้ายปรากฏตัวขึ้นที่หัวเรือ
“หมาป่าโลหิต เป็นหมาป่าโลหิตของตระกูลหนิง” เหล่าลูกเรือบนเรือติ้งหยางพากันแตกตื่นชี้ไปยังชายผู้นั้น เห็นได้ชัดว่าชื่อนี้เป็นที่เลื่องลือในหมู่นักค้าของเถื่อน
“หมอนี่มันโหดเหี้ยม ฆ่าคนได้ไม่กระพริบตาเลยทีเดียว ว่ากันว่ามันเคยฆ่าคนมาแล้วหลายศพ หากไม่มีตระกูลหนิงคุ้มครองไว้ ป่านนี้คงถูกจับยิงเป้าไปหลายครั้งแล้ว” ลูกเรือคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
แม้จะเป็นพวกค้าของเถื่อนเหมือนกัน แต่พวกเขายังห่างชั้นกับหมาป่าโลหิตมากนัก
“หมาป่าโลหิต เราไม่เคยยุ่งเกี่ยวกัน ทำไมถึงต้องไล่ตามพวกเราด้วย?” กู่ลี่พูดตะโกนจากหัวเรือด้วยน้ำเสียงขึงขัง
หมาป่าโลหิตแค่นเสียงเย้ยหยัน ไม่แม้แต่จะตอบคำถามของกู่ลี่ “บอกมา บนเรือมีใครที่ชื่อฟางเสิ่นหรือเปล่า?”
ฟางเสิ่น?
กู่ลี่ชะงักไป เขาไม่คิดว่าฝ่ายนั้นจะมาเพราะฟางเสิ่นเดิมทีเขาไม่รู้ชื่อฟางเสิ่น แต่คำพูดที่หลินเฉิงหยวนคุยกับฟางเสิ่นทำให้เขาได้ยินชื่อของพวกเขา
กู่ลี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าจะบอกตามตรงดีหรือไม่ เพราะตัวเขากับฟางเสิ่นไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ แต่จากท่าทีของตระกูลหนิงที่ไม่เป็นมิตรที่สุด การถอยออกไปน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดในตอนนี้ แต่ลางสังหรณ์บางอย่างในตัวฟางเสิ่นทำให้เขาลังเล
หากฟางเสิ่นโกรธขึ้นมา เขาจะฆ่าทุกคนบนเรือนี่ได้อย่างง่ายดาย
“มาหาคุณจริงๆด้วย” หลินเฉิงหยวนหันไปมองฟางเสิ่นเหมือนเพิ่งรู้จักเขา “ฟางเสิ่น คุณกับตระกูลหนิงมีเรื่องบาดหมางกันเหรอ?”
ฟางเสิ่นพยักหน้า สีหน้าเย็นชา
“ใช่ บนเรือเรามีคนชื่อนี้อยู่ ท่านหัวหน้าหมาป่าโลหิต ช่วยเราด้วย!” กู่ลี่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ทว่าลูกเรือคนหนึ่งกลับรีบวิ่งไปที่ขอบเรือและตะโกนออกไป
ในบรรดาลูกเรือก็มีคนที่ไม่พอใจฟางเสิ่นอยู่เช่นกัน แม้ฟางเสิ่นจะช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจาก “สัตว์ประหลาดทะเล” แต่ก็ยังมีบางคนที่โกรธเคืองเขา เพราะถ้าไม่มีฟางเสิ่น พวกเขาก็คงไม่ต้องมาเสี่ยงภัยถึงขนาดนี้
“เฒ่าห้อ ทำอะไรน่ะ!” กู่ลี่โกรธจัด ลูกน้องที่ขาดความคิดทำให้เขาทั้งโมโหและหวาดหวั่น เขาหันมามองฟางเสิ่นอย่างรู้สึกผิด
“คุณชายกว่าง ยืนยันแล้วครับ” หมาป่าโลหิตเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด พร้อมรายงานกับหนิงจงกว่างที่ยืนอยู่ข้างๆ “แถมฟางเสิ่นก็ไม่ได้อยู่บนดาดฟ้าด้วย”
“ดีมาก” หนิงจงกว่างยิ้มตาพราวด้วยความโหดเหี้ยม “ฆ่ามันให้หมด”
เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง ทันใดนั้นชายเจ็ดแปดคนที่ถือปืนกลมือก็เคลื่อนมาที่ขอบเรือแล้วเล็งปืนไปยังดาดฟ้าของเรือติ้งหยาง ก่อนจะกราดยิงอย่างบ้าคลั่ง
พลังอาวุธของตระกูลหนิงนั้นดุดันไม่แพ้กลุ่มพยัคฆ์มังกรเลยทีเดียว
“หัวหน้ากู่ลี่ พวกเราไม่จำเป็นต้องออกหน้าแทนหมอนั่น เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเราอยู่แล้ว” หลังจากถูกกู่ลี่ดุด่า เฒ่าห้อก็แสดงท่าทีไม่พอใจเถียงกลับมา
“ปัง ปัง ปัง”
ทันใดนั้น เสียงปืนก็ดังระรัวราวกับพายุลูกเห็บ
“หัวหน้ากู่ลี่ ระวัง!” ลูกเรือคนหนึ่งที่เฝ้ามองเรือของตระกูลหนิงอยู่ตลอดเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพุ่งเข้าไปผลักกู่ลี่ลงกับพื้น
“ตับ ตับ ตับ”
เสียงกระสุนพุ่งเข้ากระทบร่างคนอย่างต่อเนื่อง เฒ่าห้อถูกยิงจนพรุนล้มลงไปทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เฒ่าห้อ!” กู่ลี่ส่งเสียงคำรามดุจสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ ดวงตาแดงฉาน คนพวกนี้ต่างเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับเขามาหลายปี “พวกสัตว์นรก ไอ้พวกตระกูลหนิง!”
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีใครคาดคิดว่าตระกูลหนิงจะบ้าคลั่งถึงขั้นสังหารหมู่ คนที่อยู่บนดาดฟ้าส่วนใหญ่ถูกยิงจนพรุน เหลือเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิต ดาดฟ้าเรือถูกย้อมไปด้วยเลือดในชั่วพริบตา
“พวกมันบ้าคลั่งกันไปแล้ว จะกวาดล้างพวกเราให้สิ้นซากหรือไง?” แม้แต่หลินเฉิงหยวนที่เคยใจกล้าก็เริ่มตัวสั่นเมื่อเห็นภาพการนองเลือดครั้งนี้ เคราะห์ดีที่พวกเขาไม่ได้อยู่บนดาดฟ้าเลยไม่ถูกกระสุนกราดยิง
กู่ลี่อาศัยสิ่งกีดขวางบนเรือคืบคลานมาหาฟางเสิ่นและหลินเฉิงหยวนด้วยความยากลำบาก
“ฟางเสิ่น ผมขอร้องล่ะ ขอแค่คุณช่วยจัดการพวกสัตว์เดรัจฉานตระกูลหนิงนี้ให้สิ้นซาก ตั้งแต่นี้ไปชีวิตของผมจะเป็นของคุณ” กู่ลี่พูดเสียงแหบพร่า ดวงตาแดงกร่ำเต็มไปด้วยความโกรธแค้นสุดขีด
แม้จะไม่มีฟางเสิ่น พวกเขาก็คงไม่ต้องมาพบเจอภัยร้ายแรงเช่นนี้ แต่ความอำมหิตของตระกูลหนิงกลับเกินหน้าเกินตาไปไกล ฟางเสิ่นยังไม่ได้ข่มขู่เอาชีวิตพวกเขา และยังสัญญาว่าจะชดเชยให้พวกเขาอีกด้วย
ขอแค่จัดการคนพวกนี้ได้ ต่อให้แลกด้วยชีวิต กู่ลี่ก็พร้อมยอม
แต่กู่ลี่รู้ดีว่า พวกเขาเองไม่อาจทำอะไรได้ กำลังของตระกูลหนิงเหนือกว่ามาก จึงทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่ฟางเสิ่นเท่านั้น
“คนพวกนี้ ฉันจะไม่ปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว” ฟางเสิ่นเองก็โกรธไม่แพ้กัน
เพียงเพราะต้องการน้ำยาหวนคืนก็ถึงกับลงมือสังหารคนทั้งลำเรือ ตระกูลหนิงช่างโหดเหี้ยมไร้ยางอายเหลือเกิน
“คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ไปขับเรือชนมันเดี๋ยวนี้!” ฟางเสิ่นสั่งเสียงเย็นชา
ก่อนหน้านี้เขาคาดไม่ถึงว่าตระกูลหนิงจะบ้าคลั่งถึงเพียงนี้ จึงไม่ได้สั่งการเช่นนี้ตั้งแต่แรก
“ได้!” กู่ลี่กัดฟันตอบรับ ใบหน้าเหี้ยมเกรียม ก่อนจะรีบสั่งการคนที่เหลือให้หันหัวเรือติ้งหยางชนเรือของตระกูลหนิงทันที
เมื่อเห็นดังนั้น หมาป่าโลหิตก็หัวเราะเยาะออกมาและสั่งเสียงดัง “ปรับทิศทางเรือ อย่าให้เรือติ้งหยางทำความเร็วชนเราได้”
ระยะห่างระหว่างเรือทั้งสองลำมีเพียงห้าสิบเมตร หากดึงระยะไม่ออก การชนเข้าหากันก็ไม่อาจสร้างความเสียหายหนักได้
“คุณชายกว่าง บนเรือติ้งหยาง เราจัดการไปได้กว่าแปดส่วนแล้ว ที่เหลือไม่เป็นปัญหา เตรียมขึ้นเรือได้” หมาป่าโลหิตรายงานสถานการณ์พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไปจัดการได้เลย จำไว้ จับฟางเสิ่นเป็นเท่านั้น” หนิงจงกว่างกล่าวด้วยความพึงพอใจพลางคิดถึงผลประโยชน์มหาศาลที่เขาจะได้รับหลังจับตัวฟางเสิ่นได้
“ตูม!”
เรือทั้งสองลำชนกัน แม้จะไม่ได้ทำความเร็วมากนัก แต่แรงกระแทกก็ทำให้ทุกคนทรงตัวไม่อยู่
ฉวยโอกาสนี้ ฟางเสิ่นพุ่งออกจากห้องพักราวกับสายฟ้าแลบ กระโดดขึ้นเรือตระกูลหนิงขณะพวกมันยังไม่ทันตั้งตัว
“มีคน!” หมาป่าโลหิตเป็นฝ่ายตอบสนองเร็วที่สุด เขายกปืนขึ้นแล้วยิงใส่ร่างที่ปรากฏต่อหน้า
เสียงปืนดังระรัว เศษไม้กระจายไปทั่ว พร้อมกับรูเล็กๆ หลายรูปรากฏบนดาดฟ้า ทว่ากลับไร้เงาฟางเสิ่นที่เขาคิดว่าจะถูกยิง
“ตูม!”
ฟางเสิ่นราวกับรถบรรทุกหนักพุ่งเข้าหาชายผู้ถือปืนกลคนหนึ่ง เขาทุ่มแรงทั้งหมดอัดเข้าหาชายคนนั้นจนกระดูกลั่น และร่างกายบิดเป็นมุมพิสดารก่อนจะถูกเหวี่ยงกระเด็นลงทะเลและสิ้นใจในทันที
ฟางเสิ่นโกรธถึงขีดสุดจากการกระทำอำมหิตของคนพวกนี้ จึงไม่มีความลังเลใดๆในการลงมือ
เขาไม่เสียเวลาแม้เสี้ยววินาที ทันทีที่จัดการอีกคนเสร็จ ฟางเสิ่นเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว ทว่าจุดที่เขาเพิ่งยืนอยู่กลับถูกกราดยิงจนพรุนโดยผู้ที่เหลือซึ่งตอบโต้กลับมาอย่างรวดเร็ว
กลุ่มของตระกูลหนิงเหล่านี้แตกต่างจากพวกพยัคฆ์มังกร พวกมันเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วหลายครั้ง ฟางเสิ่นฆ่าพวกมันไปอีกคน คราวนี้หมาป่าโลหิตจึงสั่งการให้ลูกน้องทุกคนเล็งปืนยิงกราดไปยังทุกจุดที่ฟางเสิ่นอาจอยู่ทันที เกิดเป็นตาข่ายกระสุนครอบคลุมทุกมุมบนเรือ ทว่าร่างของฟางเสิ่นก็หายไปในพริบตา
(จบบท)