ตอนที่แล้วบทที่ 56 ภารกิจของกลุ่มเทียนหวัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 58 เริ่มต้นปฎิบัติภารกิจ

บทที่ 57 เสียหน้าอย่างแรง!


บทที่ 57 เสียหน้าอย่างแรง!

หลังจากที่ลู่หยางเฉิงพูดคุยเรื่องซุบซิบนินทาอยู่ตั้งนาน หลี่จิ้งก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า

“ผู้ตรวจการเฉินเป็นเจ้าของบ้านที่ฉันเช่าอยู่ ฉันแค่พักอาศัยอยู่ที่บ้านเธอ'”

"พักอยู่!?"

ลู่หยางเฉิงถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น

"งั้นก็ถือว่าพวกคุณอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?"

"..."

หลี่จิ้งนิ่งไป

ถ้าจะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิด

แต่เขารู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องอธิบายให้ชัดเจน

ถึงแม้ว่าเช้านี้เฉินอวี่หรานจะจูงมือเขาต่อหน้าคนอื่นพร้อมบอกให้กลับบ้านไปนอนด้วยกัน ทำให้ทั้งหน่วยสืบสวนคดีพิเศษที่ 6 เข้าใจผิด และเร็วๆ นี้ก็คงมีข่าวลือแพร่สะพัด

แต่ในฐานะผู้ชาย เขาควรระมัดระวังไว้บ้าง

ไม่ว่าเฉินอวี่หรานจะสนใจคำซุบซิบนินทาจากภายนอกหรือไม่ สิ่งที่คนอื่นพูดกับสิ่งที่เขารู้นั้นเป็นคนละเรื่องกัน

เขาเพิ่งอ้าปากจะอธิบาย ลู่หยางเฉิงก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่

"เฮ้อ คนเรานี่มันเทียบกันไม่ได้จริงๆ ถ้าฉันมีโชคดีสักครึ่งหนึ่งของนาย ได้เจอเจ้าของบ้านเป็นสาวสวยก็คงดี"

?

หลี่จิ้งทำหน้าสงสัยขึ้นมา

น้ำเสียงอิจฉาในคำพูดของลู่หยางเฉิงชัดเจนพอแล้ว แต่ทำไมเขาถึงได้ทำหน้าเศร้าขึ้นมาทันทีแบบนี้?

หลี่จิ้งรู้สึกสงสัย

อี้ซิวจู่ที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าเขางุนงง จึงเอ่ยปากช่วยอธิบาย

"นายจำได้ไหมว่าเมื่อคืนหยางเฉิงมีนัดทานข้าวกับเติ้งหยิงจากกลุ่มราตรี?"

ยังพูดไม่ทันจบ ลู่หยางเฉิงก็รีบ

"หยุด! ห้ามพูด!"

หลังจากห้ามอี้ซิวจู่แล้ว เขาก็หันมามองหลี่จิ้งพลางพูดว่า

"นายก็อย่าถามนะ! มันน่าอายจะตาย!"

เรื่องที่ลู่หยางเฉิงมีนัดกับเติ้งหยิง หัวหน้ากลุ่มราตรีเมื่อคืนนี้ หลี่จิ้งลืมไปจริงๆ ลืมสนิทเลย

แต่พอได้อี้ซิวจู่พูดขึ้นมา เขาก็นึกขึ้นมาได้

พอเห็นลู่หยางเฉิงตื่นเต้นขนาดนี้ หลี่จิ้งก็ยิ่งสนใจขึ้นมาทันที

น่าอับอายงั้นเหรอ?

ยิ่งอายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องพูดออกมาให้ทุกคนได้สนุกกันสิ!

หลี่จิ้งเอนตัวเข้าไปใกล้อี้ซิ่วจู แล้วกระซิบเบาๆ

“เกิดอะไรขึ้น? เล่ามาให้ละเอียดหน่อย”

ลู่หยางเฉิงเห็นแบบนี้ย่อมไม่พอใจ ตอบกลับทันทีว่า

"อี้ซิ่วจู! เมื่อคืนฉันเล่าเรื่องนั้นให้ฟังเพราะเห็นว่านายเป็นเพื่อน หวังว่านายจะปลอบใจฉัน! แต่ทั้งคืน นายกลับยิ่งซ้ำเติมฉันเข้าไปอีก ฉันยังไม่ว่าอะไรนาย! แต่ถ้านายกล้าเอาเรื่องนี้ไปพูดนะ เราไม่ต้องเป็นเพื่อนกันแล้ว!“

อี้ซิ่วจูกำลังจะตอบหลี่จิ้ง พอได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“แล้วตกลงยังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม?”

“......”

ลู่หยางเฉิง

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร อี้ซิ่วจูก็เอียงหน้าไปทางหลี่จิ้ง

“เติ้งหยิงเป็นญาติห่างๆ ของเขา”

"..."

หลี่จิ้งกระตุกมุมปาก

เติ้งหยิงเป็นญาติห่างๆ ของลู่หยางเฉิง?

เมื่อเห็นลู่หยางเฉิงที่สีหน้าหมดอารมณ์เพราะความจริงถูกเปิดเผย หลี่จิ้งก็อดหัวเราะไม่หยุด

“ญาตินายเองแท้ๆ แต่นายไม่รู้จักเหรอ?'

ลู่หยางเฉิงขยับปากเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างเงียบๆ

“ก็บอกแล้วไงว่าเป็นญาติห่างๆ ความสัมพันธ์มันห่างมาก ฉันไม่รู้จักแล้วจะผิดตรงไหน?”

หลี่จิ้งได้ยินก็แค่กระพริบตา คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไม่ผิดจริงๆ

ญาติพี่น้องเยอะแล้วจำไม่หมดก็เป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะในรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพวกนี้มากนัก

ญาติใกล้ชิดยังจำไม่หมดเลย นับประสาอะไรกับญาติห่างๆ

แล้วปัญหาคือ...

เรื่องนี้ก็ไม่ห็นต้องน่าอายเลยนี่นา ก็แค่ลู่หยางเฉิงคิดมากไปเอง แล้วจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น?

ดูท่า...

เรื่องมันยังมีต่อ!

หลี่จิ้งซึ่งเป็น“ลูกจ้างชั่วคราว” ของหน่วยสืบสวนคดีพิเศษที่หก เริ่มวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรวดเร็ว แล้วหันไปส่งสายตาเป็นคำถามให้กับอี้ซิ่วจู

อี้ซิ่วจูเห็นก็ไม่อ้อมค้อมตอบอย่างเรียบๆ

“หยางเฉิงไม่รู้จักเติ้งหยิง แต่เติ้งหยิงรู้จักเขา แล้วตอนที่ทั้งคู่เจอกัน เขาก็เห็นว่าเติ้งหยิงไม่ได้รังเกียจที่เขาดำเหมือนถ่าน แถมยังเป็นห่วงเขาอีก เขาเลยถือโอกาสสารภาพรักไป”

“...”

หลี่จิ้ง

เกิดอะไรขึ้น เขาพอเดาได้

แต่เรื่องแบบนี้กลับเกินความคาดหมายไปมาก

ต้องบอกว่าลู่หยางเฉิงนี่ใจกล้าจริง ๆ แค่คุยในกลุ่มไม่กี่วัน พอได้นัดทานข้าวมื้อแรกก็สารภาพรักทันที?

นี่รีบเกินไปแล้ว

ถ้าโดนปฏิเสธก็แค่หน้าแตก ไม่มีอะไรน่าอาย

แต่ปัญหาคือ เติ้งหยิงเป็นญาติของเขาเอง แถมรู้จักเขาด้วย

คราวนี้ได้เสียหน้าแบบไม่เหลือซากจริง ๆ!

หลี่จิ้งเหลือบมองลู่หยางเฉิง ราวกับมีบางอย่างจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

ลู่หยางเฉิงตอนนี้กลับกลายเป็นไม่สมใจอะไรแล้ว พลางกลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย

“ก็แค่เรื่องเล็ก ๆ ไม่ใช่เหรอ แค่เข้าใจผิดกันเองนิดหน่อย”

แม้จะพูดอย่างนั้น แต่สายตาของเขาที่มองไปที่อี้ซิ่วจูนั้นเต็มไปด้วยความแค้น

“นายคอยดูเถอะ! ถ้านายมีเรื่องน่าอายอะไรขึ้นมา ฉันไม่ปล่อยให้ผ่านไปแน่!”

อี้ซิ่วจูยิ้มอย่างลึกลับ ไม่ได้ตอบอะไร

ลู่หยางเฉิงเหมือนต่อยหมัดใส่หมอน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

กับอี้ซิ่วจู เขาโกรธไม่ลงจริง ๆ

ขณะที่เขากำลังหงุดหงิดอยู่ โทรศัพท์ในมือของลู่หยางเฉิงก็สั่น

เขาก้มลงดูแล้วก็เงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“เป็นลูกค้าของบริษัทฉันจริง ๆ สิบคนเลย!”

ระหว่างพูด ยกโทรศัพท์ขึ้นโชว์ให้หลี่จิ้งและอี้ซิ่วจูดู

ในแชทของลู่หยางเฉิงปรากฏภาพใบสั่งซื้อสิบใบที่ตรงกับรายชื่อลูกค้าทั้งหมด แต่ละคนเคยสั่งซื้อเครื่องตรวจสุขภาพส่วนบุคคลภายในไม่กี่วันที่ผ่านมา

หลี่จิ้งมองใบสั่งซื้อแล้วพูดว่า

“มีใบสั่งซื้อแล้ว แล้วเราจะเข้าหาพวกเขายังไง?”

“ง่ายมาก เราปลอมตัวเป็นพนักงานบริษัท แล้วนำของขวัญไปเยี่ยมลูกค้าว่าเป็นการเก็บข้อมูลกับการใช้ผลิตภัณฑ์ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะได้ข้อมูลที่มีค่าจากสิบคนนี้ แต่แอย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าการติดต่อกับพวกเขาจะไม่ถูกสงสัย”

ลู่หยางเฉิงพูด

“แต่ก่อนอื่นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ชุดพนักงานกับบัตรพนักงานต้องพร้อมทั้งหมด'

หลี่จิ้งฟังแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า

“ตอนนี้ก็ค่ำมากแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องการไปเยี่ยมลูกค้า การพยายามติดต่อคนในรายชื่อก็คงไม่เหมาะสมนัก หัวหน้าต่ายที่ให้เราเตรียมใจสำหรับการทำงานระยะยาว คงเป็นเพราะเหตุนี้”

พูดต่อว่า

“หยางเฉิง นายทิ้งที่อยู่ไว้ แล้วคืนนี้ก็เตรียมของให้พร้อม พรุ่งนี้เช้าฉันกับซิ่วจู่จะไปเจอนายที่บ้าน ของขวัญที่เตรียมไปควรจะเหมาะสม ไม่ให้คนปฏิเสธได้ แต่ก็ไม่ต้องมากเกินไป ส่วนค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานนายบันทึกไว้แล้วเอาไปเบิกกับหัวหน้าดายทีหลัง”

“ได้เลย”

ลู่หยางเฉิงตอบกลับ

“อีกอย่างเรื่องการเก็บข้อมูล เราคงไม่สามารถทำด้วยกันสามคนได้ ถ้าเราทุกคนปรากฏตัวในการเจอหน้าครั้งแรก มันจะยากที่จะเจอพวกเขาอีกครั้ง”

“จริง”

หลี่จิ้งพยักหน้าเห็นด้วย

จากนั้นอี้ซิ่วจูที่เงียบอยู่ก็เอ่ยขึ้นว่า

“เรื่องเก็บข้อมูลนี้ ฉันไม่ขอร่วมด้วยนะ”

?

หลี่จิ้งหันไปมอง

ลู่หยางเฉิงก็มองด้วยความสงสัย

“ทำไมหรอ?”

อี้ซิ่วจูตอบเรียบ ๆ ว่า

“'ฉันพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไร เวลาคุยกับคนแปลกหน้าและกลัวจะพูดไม่ดี ทำให้เขาโกรธ การไปเยี่ยมคงไม่เหมาะกับฉัน'

“...”

หลี่จิ้ง

“...”

ลู่หยางเฉิง

พอได้ฟังคำพูดที่รู้ตัวดีของอี้ซิวจู ทั้งสองคนก็ถึงกับเถียงไม่ออก

เรื่องนี้พวกเขาลืมคิด

ปกติทำงานด้วยกันจนคุ้นเคยกันดี นอกจากบางครั้งจะดูเจ้าเล่ห์ไปบ้างแล้ว อี้ซิวจู่ก็ไม่ได้ทำตัวแปลกแยกอะไรนัก จนทำให้ทั้งสองแทบจะลืมไปเลยว่าเพื่อนคนนี้ไม่ถนัดเข้าสังคมเอาซะเลย

อี้ซิ่วจูเห็นทั้งสองเงียบไปจึงพูดต่อว่า

“พวกนายไปเยี่ยมเลย ส่วนเจ็ดคนที่ไม่มีรายชื่อฉันจะจัดการเอง ผมมีเส้นสายอยู่บ้าง สมมติว่าพวกเขามีความชอบส่วนตัวในชีวิตประจำวัน ตราบใดที่ไม่ใช่อะไรที่ชั้นต่ำเกินไป ผมน่าจะสืบหามาได้ ให้เวลาผมวันนึง พรุ่งนี้ตอนเย็นเรามาเจอกันเวลานี้เพื่อหารือแนวทางกันอีกที”

พูดเสร็จแล้วเขายังเสริมว่า

“ส่วนพวกที่มีใบสั่งซื้อ ถ้ามีข้อมูลเพิ่มฉันจะไปสืบให้ต่อ แต่เวลามีจำกัดต้องค่อย ๆ ทำทีละอย่าง”

หลี่จิ้งกับลู่หยางเฉิงได้ฟังแล้วต่างก็เลิกคิ้ว

แม้จะไม่รู้ว่าเส้นสายที่อี้ซิ่วจูพูดถึงคืออะไร แต่ถ้าเขากล้าพูดก็แปลว่าเขามีวิธี

ถ้าสืบหาความชอบส่วนตัวของพวกนี้ได้ก็จะทำให้การวางแผนเข้าถึงพวกเขาง่ายขึ้นมาก

หลี่จิ้งตอบว่า

“ได้ แต่นายต้องระวังตัวด้วยนะเวลาทำงานคนเดียว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด