ตอนที่แล้วบทที่ 42 อสูรยักษ์? เสือ? หรือว่าแมวใหญ่?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 44 ลบหลู่สัตว์อสูรของข้า! สมควรตาย!

บทที่ 43 ความโกรธของพยัคฆ์ขาว (เสือขาว)


เงาอันมหึมาทะลักท่วมเข้ามาจนทั่วทุกทิศ ทำให้ใครก็ตามที่อยู่ในสถานการณ์นี้รู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้นเป็นเท่าทวี!

จินเป่าเอ๋อเปลี่ยนสีหน้าทันที นางพยายามถอยห่างออกไปอย่างไม่รู้ตัว...ไม่ว่าจะเป็นยันต์ลอยฟ้า ยันต์เคลื่อนที่ หรือยันต์ส่งผ่าน เวทมนตร์เหล่านั้นนางก็รีบใช้ทุกอย่างในทันที

แต่ว่า…ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี อุ้งเท้าขนาดยักษ์ของมันนั้นกดลงมาบนตัวของนางทันที!

"อึก!"

ความรู้สึกอึดอัดแผ่ซ่านขึ้นมา อวัยวะภายในแทบจะพลิกกลับเพราะแรงกดดัน

ความเจ็บปวดที่ทำให้นางมองทุกอย่างพร่ามัว เลือดพุ่งออกมาจากปากอย่างห้ามไม่อยู่

ศีรษะใหญ่โตและขนฟูนุ่มค่อยๆ โน้มเข้ามาใกล้ จมูกของพยัคฆ์ขาวขยับสูดกลิ่นเบาๆ แววตาสัตว์อันเย่อหยิ่งนั้นฉายความประหลาดใจออกมา

หืม…กลิ่นนี่คล้ายกับมังกรที่ทรงพลังเมื่อครู่ไม่มีผิด!

แม้ว่าจินเป่าเอ๋อจะถูกควบคุมไว้อย่างแน่นหนาจนแทบขยับตัวไม่ได้ นางก็ยังพอเข้าใจความหมายจากสายตาของพยัคฆ์ขาวตัวนั้น นางพยายามเรียกหามังกรดำในเขตคฤหาสน์เซียนอย่างใจจดใจจ่อ แต่ไม่มีการตอบรับใดๆ เลย

"เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่?"

เสียงของเด็กหนุ่มดังแว่วเข้าหู น้ำเสียงนั้นช่างอวดดีและเต็มไปด้วยความสงสัย

จินเป่าเอ๋อรู้สึกมึนงงจนแทบไม่ได้ยินคำพูดนั้นเลย พลังของทั้งสองนั้นต่างกันจนเกินไปจริงๆ หรือวันนี้นางต้องยอมแพ้ไปเช่นนี้? การเกิดใหม่ของนางกลับต้องมาตายแบบนี้งั้นหรือ! ไม่! นางไม่ยอม!

ความมุ่งมั่นในการเอาชีวิตรอดนั้นพลันระเบิดออกมาในหัวใจ...

พยัคฆ์ขาวที่ไม่ได้รับคำตอบก็ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าตนใช้แรงมากเกินไป จึงรีบยกอุ้งเท้ากลับขึ้นมา พร้อมทั้งค่อยๆ หดตัวลงอย่างรวดเร็ว

ความกดดันค่อยๆ หายไป จินเป่าเอ๋อที่เริ่มรู้สึกตัวก็กะจะหนีทันที แต่สายตาของนางก็ดันเห็นภาพนี้เข้าพอดี!

พยัคฆ์ขาวที่ไม่อาจต้านทานได้เมื่อครู่หดตัวลงเรื่อยๆ เพียงแค่ไม่ถึงสิบวินาที เจ้าสัตว์ยักษ์เมื่อครู่ก็กลายเป็นพยัคฆ์ขาวตัวใหญ่สูงสามเมตรตรงหน้านาง

ขนสีขาวบริสุทธิ์เป็นประกาย กล้ามเนื้อแข็งแรงน่าเกรงขาม ดวงตาเยือกเย็นที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ และขาทั้งสี่ที่เต็มไปด้วยพละกำลังพร้อมประทุ...

พละกำลังของมันนั้นยากที่จะหยั่งถึงจริงๆ!

ขณะเดียวกันพยัคฆ์ขาวก็มองดูมนุษย์ตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ แม้จะมีกลิ่นของมังกรอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีร่องรอยของอำนาจมังกรเลย แถมยังมีร่างกายที่เป็นเพียงมนุษย์ซึ่งดูขาดสารอาหาร ตัวผอมแห้ง ผิวคล้ำซีดเผือด ต่างจากสีหน้าขาวซีดและเลือดที่มุมปากที่คงเป็นเพราะตนออกแรงมากไป…อ่อนแอชะมัด! อ่อนแอจนเกินไปจริงๆ!

ความรังเกียจในใจของพยัคฆ์ขาวปรากฏชัดบนใบหน้าของมัน ไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

จินเป่าเอ๋อกับพยัคฆ์ขาวจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งจนพยัคฆ์ขาวเริ่มเบื่อหน่าย สุดท้านมันจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

"มังกร หรือมนุษย์?"

"เมื่อไหร่มังกรถึงสามารถแปลงร่างได้ตามอำเภอใจ แล้วยังแอบซ่อนตัวได้ลึกถึงขนาดนี้? เขาเกือบจะจำไม่ได้! ส่วนข้านั้นผ่านมาเป็นร้อยปีแล้วยังแปลงร่างทะยานฟ้าไม่ได้เลย รำคาญชะมัด!"

เสียงที่ไม่คาดคิดทำให้จินเป่าเอ๋อตกตะลึง นางขยับดวงตาเบิกกว้างทันที! เจ้าสัตว์อสูรนี้พูดภาษามนุษย์ได้อย่างนั้นหรือ?!

นางเกิดมาแล้วถึงสองชีวิตยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย!

เช่นนั้น ระดับพลังของเขา...อาจจะอยู่ที่ระดับรวมร่าง หรือว่า...

ในดินแดนเซียนแห่งนี้ไม่เคยมีอสูรที่พูดภาษามนุษย์ได้อย่างนี้มาก่อน และยิ่งไม่มีอสูรที่สามารถปรับขนาดร่างได้ตามต้องการเช่นนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น เกรงว่ามนุษย์ก็คงไม่มีทางกดขี่อสูรได้อีกต่อไป!

แล้วเจ้าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นตัวอะไรแน่?!

ผ่านไปไม่กี่วินาที จินเป่าเอ๋อค่อยๆ หักห้ามความตกใจในใจลง ใบหน้านางสงบลงอย่างช้าๆ อย่างน้อยที่สุด ดูเหมือนว่าตอนนี้เขายังไม่ได้ต้องการฆ่านาง

“ข้าแซ่จินเป่าเอ๋อ เป็นมนุษย์เจ้าค่ะ!”

หลังได้รับคำตอบ แววตาของพยัคฆ์ขาวยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย แต่กลับไม่ได้ซักถามต่อ ทว่าเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างฉับพลัน

“หากเจ้าเป็นมนุษย์ เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามายังใจกลางป่าชุ่ยหวง! นี่เป็นกฎที่พวกเจ้ามนุษย์ตกลงไว้กันเอง บัดนี้คิดจะละเมิดสัญญาแล้วรึ?”

ระหว่างที่พูด แววตาของพยัคฆ์ขาวค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยวและจิตสังหารอย่างชัดเจน คงไม่พอใจมนุษย์ที่มารบกวนการนอนของเขาเช่นนี้!

จินเป่าเอ๋อรู้สึกถึงจิตสังหารนั้นอย่างแจ่มชัด ต่อให้นางโง่เพียงใดก็ย่อมรู้ว่านางได้สร้างความขุ่นเคืองให้กับผู้ที่ไม่ควรแตะต้องเข้าแล้ว นางพยายามตะโกนเรียกหาหลงหลีซิงในใจ แต่ไม่มีการตอบรับจากเขาแม้แต่น้อย นางได้แต่เผยรอยยิ้มเจื่อนที่มุมปากอย่างเจ็บปวด

ท่านอาวุโส! ท่านช่างเป็นคนขี้โกงอะไรเช่นนี้ หลอกข้าแล้วก็หนีไป ข้าจะสู้กับเจ้าสัตว์ยักษ์นี่ได้อย่างไรเล่า!

“ข้าจะบอกว่า…ข้าถูกบีบให้เข้ามา ท่านจะเชื่อหรือไม่?” จินเป่าเอ๋อค่อยๆ ถอยไปเงียบๆ นางไม่สนว่าจะดูอ่อนน้อมแค่ไหน ขอเพียงรักษาชีวิตไว้ได้ก็พอ!

พยัคฆ์ขาวส่งเสียงเย้ยหยัน “ฮึ! ใครๆ ก็รู้ว่ามนุษย์นั้นเจ้าเล่ห์หลอกลวง ข้าควรเชื่อเจ้าหรือ”

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ไม่รู้เพราะอะไร เขากลับไม่ได้ลงมือสังหารจินเป่าเอ๋ออย่างไร้ปรานี เมื่อเห็นเช่นนั้นจินเป่าเอ๋อก็พลันมีความหวัง

“จะบอกความจริงข้าไม่ปิดบังเลย ข้าเข้ามาเพื่อช่วยคนผู้หนึ่ง ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าถูกเสือบินไล่ตาม ข้าผู้น้อยไร้พลังพอที่จะต่อสู้ได้ ก็เลยต้องหนีไปทุกทิศทาง แล้วถึงต้องหลงเข้ามาที่นี่ สำหรับเรื่องที่ข้าได้รบกวนการนอนของท่าน... เอ่อ...ก็อย่างที่ท่านเห็น เงามังกรเมื่อครู่นั่น เขาจะเข้ามา ข้าก็ไม่มีทางห้ามได้เช่นกัน”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น พยัคฆ์ขาวก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เขาหันสายตาไปยังขอบเขตด้านข้างของใจกลางป่าชุ่ยหวง และได้กลิ่นร่องรอยของเสือบินอยู่จางๆ

พิสูจน์ว่ามนุษย์ตรงหน้าก็ไม่ได้โกหก...

ทันใดนั้น เขาขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าแสดงถึงอารมณ์ที่เย็นชาและโหดเหี้ยม ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังและความไม่อยากจะเชื่อ น้ำเสียงกัดฟันเอ่ยออกมา

“กลิ่นนี้…พิธีบูชาอสูรงั้นหรือ?”

เมื่อกล่าวจบ พยัคฆ์ขาวหมุนหัวมาจ้องจินเป่าเอ๋อแน่นิ่ง แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร!

หากนางกล้าพูดผิดไปเพียงคำเดียว เขาคงทำให้นางมลายหายเป็นเถ้าธุลีทันที!

“มนุษย์! พวกเจ้าทำอะไรลงไป”

จินเป่าเอ๋อที่เพิ่งรอดจากการถูกกดขี่เมื่อครู่ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็ถูกพลังอันมหาศาลกดลงกับพื้นอีกครั้ง นางไม่สามารถต้านทานความโกรธของผู้ที่แข็งแกร่งได้เลย...

นางยังคงอ่อนแอเกินไป!

ความหวาดกลัวที่ชีวิตถูกคุกคามท่วมท้นขึ้นมา แต่สมองของนางกลับกระจ่างและทำงานอย่างรวดเร็ว

พิธีบูชาอสูรอย่างนั้นหรือ? มันคืออะไร?

ทันใดนั้น จินเป่าเอ๋อก็หยุดคิด นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา! น่าจะเป็นเพราะสัตว์อสูรตนนั้นต้องสิ้นหวังจากการถูกฆ่า นั่นทำให้เหล่าสัตว์อสูรทั้งหลายหอนขึ้นสู่ฟ้าอย่างเจ็บปวด ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์สัตว์ป่าในป่าทั้งหมดพากันบุกเข้ามา

“เดี๋ยวก่อน! ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว!”

พยัคฆ์ขาวยังคงควบคุมสติได้บ้าง เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เขาจึงหยุดกดดัน แต่ดวงตาก็ยังคงเย็นชาและโหดเหี้ยม

แม้ร่างกายจะเริ่มได้รับความผ่อนคลายเล็กน้อย จินเป่าเอ๋อก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า นางหายใจหนักเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในปอด ก่อนจะพูดต่อ

“เมื่อวานนี้เป็นวันที่เริ่มต้นการทดสอบของสำนักเจ้าค่ะ...”

เมื่อจินเป่าเอ๋อสรุปเหตุการณ์อย่างสั้นๆ ให้พยัคฆ์ขาวฟัง แววตาของเขาก็ยิ่งแสดงความโกรธอย่างสุดขีด เขาตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

“ว่าอะไรนะ? พวกนักบำเพ็ญเพียรมนุษย์ช่างเลวทราม! พวกเขาฆ่าแม่อสูรและทำลายบุตรของมัน ช่างไร้ซึ่งศีลธรรม ไม่สมควรได้รับการให้อภัย!”

จินเป่าเอ๋อเอามือกุมหน้าอก ใบหน้าขาวซีด แต่ก็ไม่ลืมจะยั่วยุต่อไป

“ยิ่งกว่านั้น! สัตว์อสูรตนนั้นได้เห็นบุตรของตนถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดทำลายจิตใจ! สุดท้ายแม้แต่ตนเองก็ถูกปราบให้กลายเป็นเพียงหมอกเลือด แต่ข้าผู้น้อยไม่มีพลังพอทำได้แค่มองดูอยู่ห่างๆ…”

ระหว่างที่พูด นางลอบมองสีหน้าของพยัคฆ์ขาว เมื่อเห็นว่าเขากำลังโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดแล้ว นางจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ

“แค่กๆ...ท่านอย่าได้วู่วาม โหลวหยุนเซียนจุนนั้นคือผู้แข็งแกร่งระดับออกหลอมจิต มีพลังมหาศาลเกินกว่าผู้ใดจะต้านทาน!”

เสียงนางยังไม่ทันจบดี พยัคฆ์ขาวก็พลันระเบิดความโกรธขึ้นถึงขีดสุด ดวงตาอสูรแดงก่ำเต็มไปด้วยจิตสังหาร! เขาหายใจหอบอย่างรุนแรง

“หลอมจิตอย่างนั้นหรือ?”

ทันใดนั้น เขาราวกับสัมผัสถึงตำแหน่งของใครบางคน ร่างมหึมาของพยัคฆ์ขาวพุ่งหายไปจากที่เดิมอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด