ตอนที่แล้วบทที่ 40 เสียงร่ำไห้ของสัตว์อสูร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42 อสูรยักษ์? เสือ? หรือว่าแมวใหญ่?

บทที่ 41 ความเห็นแก่ตัวของซูเซียนจือ


ทันใดนั้นเอง เสือบินขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกางปีกออกมาพร้อมจะโจมตี จนจินเป่าเอ๋อต้องถอยหลังไม่หยุด…

นางเพิ่งหัดใช้ยันต์เหินฟ้ากับศิษย์พี่หก หลานอิ่งฉิง จึงไม่ค่อยชำนาญนักและทำได้เพียงหลบหลีกการโจมตีของอสูรเท่านั้น! และพยายามจะหันกลับมาโจมตีด้วยพลังวิญญาณ แต่เสือบินตัวนี้กลับเร็วมาก โจมตีโดนเพียงไม่กี่ครั้งแต่กลับยิ่งทำให้มันโกรธ

ไม่รู้ว่าถอยหลังมาได้เมื่อไร นางก็พบว่าตนเองมาถึงใจกลางป่าลึก รอบข้างไม่เห็นฝูงอสูรที่เกรี้ยวกราดแล้ว บรรยากาศเงียบสงัดอย่างมาก…

จินเป่าเอ๋อตัดสินใจลงพื้นอย่างรวดเร็ว มือเรียวกระตุกเล็กน้อย ปรากฏแสงสีเงินวาบขึ้น แสดงถึงการมาของดาบสังหารวิญญาณ แรงกดดันของอาวุธเซียนชั้นต่ำแผ่ซ่านออกมา จนทำให้เสือบินที่เคยไล่ล่าอย่างเมามันเริ่มแสดงท่าทีลังเล

ในขณะนั้นเอง เสือบินดูเหมือนจะสังเกตอะไรบางอย่าง

ทันใดนั้นก็ตกใจจนไม่รอให้นางโจมตีก่อน รีบพุ่งหนีหายไปทันที ด้วยท่าทางตื่นกลัวถึงขนาดไม่กล้าใช้ปีกบินหนี

“เจ้าเด็กน้อย! ที่นี่…เหมือนจะมีบางสิ่งอยู่ เร็วเข้า รีบออกไปซะเถอะ”

เสียงของหลงหลีซิงแฝงด้วยความจริงจัง ทำให้จินเป่าเอ๋อตื่นตัว นางไม่รอช้าและเริ่มออกตัวไปทันที พร้อมกับความสงสัยในใจ

“ท่านผู้เฒ่ารู้หรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด”

เพราะเสือบินตัวนั้นเป็นอสูรที่มีพลังระดับขั้นรวมร่าง แต่กลับหวาดกลัวสิ่งที่อยู่ข้างในนี้ถึงเพียงนี้…

นอกจากนี้ในชาติที่แล้ว ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่ามีสิ่งมหัศจรรย์อะไรในป่าที่นี่!

“ไม่รู้สิ กลิ่นนี่น่ารำคาญนัก!”

แม้ไม่เข้าใจถึงเหตุผล แต่นางก็ไม่มีความลังเล รีบวิ่งออกไปจากป่าทันที…

ขณะนั้นเอง แสงอาทิตย์อ่อนๆ เริ่มสาดส่องเข้ามาในป่าอย่างช้าๆ …

จินเป่าเอ๋อเพิ่งออกจากเขตศูนย์กลางได้ไม่นาน ก็เห็นเงาเหลืองขาวพุ่งตรงเข้ามา กลิ่นคาวคลุ้งจากปากของเสือบินเตรียมจะงับเข้าที่คอของนาง!

เป็นเสือบินตัวเดิม!

ยันต์ป้องกันทำงานทันที ปกคลุมร่างของนางไว้ในวินาทีสุดท้าย ช่วยชีวิตนางได้อย่างหวุดหวิด

จินเป่าเอ๋อใจเต้นแรงจนร่างกายเกร็ง ต้องขอบคุณความระมัดระวังของตนเองที่ช่วยชีวิตได้อีกครั้ง!

แต่แม้จะเคลื่อนไปพร้อมกับยันต์ป้องกัน ทว่าเสือบินตัวนั้นก็ยังคงจ้องนางไม่วางตา ตามนางไปทุกย่างก้าวด้วยสายตาคมคาย ราวกับรอให้พลังวิญญาณที่ใช้ควบคุมยันต์ป้องกันหมดลงเพื่อจะได้ตะครุบนางในครั้งเดียว!

เห็นได้ชัดว่าเสือบินตัวนี้ไม่ใช่อสูรที่โง่เขลาเลย แถมยังฉลาดอย่างน่ากลัว…

ด้านหน้ามีเสือบิน ด้านหลังเต็มไปด้วยภัยคุกคาม จินเป่าเอ๋อทำได้เพียงยืนตั้งท่าอย่างยากลำบาก ใบหน้าของนางเริ่มแสดงความกังวลออกมา

ในขณะเดียวกัน ซูเซียนจือก็ฟื้นจากการหมดสติขึ้นมาได้ และสิ่งแรกที่นางทำคือมองไปยังไข่อสูรที่อยู่ในอ้อมกอด…

“เฮ้อ…รอดมาได้ ข้ายังโชคดี!”

นับตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่นางเกือบจะได้ทำพันธสัญญากับอสูรเด็กในแดนลับ นางก็ฉลาดขึ้น! ครั้งนี้ไม่ว่าจะอย่างไร นางจะไม่ปล่อยสัตว์อสูรพันธสัญญาหลุดมือไปเด็ดขาด!

คิดดังนั้น นางรีบกัดปลายนิ้วให้เลือดหยดลงบนเปลือกไข่ พอให้อสูรยังไม่เกิดก็รีบทำสัญญานายบ่าวไปก่อน

แสงสีทองส่องผ่านแวบหนึ่ง สัญญาก็สำเร็จ! นางจึงวางใจมองไข่อสูรอย่างตื่นเต้น

“ลูกของอสูรหลิวกวง! โตขึ้นอย่างน้อยที่สุดต้องถึงขั้นหลอมจิต และหากโชคดีอาจถึงขั้นรวมร่างได้!” นางคิดว่าตอนนั้นอาจารย์ต้องมองนางใหม่แน่

แต่ไม่รู้เลยว่า เพื่อเป้าหมายนี้ นางเสียสละไข่อสูรหลายใบและชีวิตของฝูงอสูรจำนวนมาก

“เจ้าฟื้นแล้วหรือ? เจ้ายังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือไม่?”

โหลวหยุนเซียนจุนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ไกล มองนางด้วยสายตาสงบ ไม่มีใครคาดคิดว่าเมื่อครู่ เขาทำลายอสูรขั้นหยวนอิงเพื่อช่วยนาง

“ท่านอาจารย์!?”

เสียงใสของนางดังขึ้นอย่างยินดี วินาทีต่อมานางก็โผเข้ากอดชายหนุ่มตรงหน้าแน่น

“ดีเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านอาจารย์ต้องมาช่วยข้า! ท่านไม่รู้หรอกว่าข้ากลัวแค่ไหน… อสูรตั้งเยอะแยะเลยนะ”

ใบหน้าเด็กสาวแสดงความออดอ้อนน่าเอ็นดู หากใครได้เห็นคงอดสงสารไม่ได้

แม้กระทั่งเซียนจุนผู้ทรงอำนาจและเย็นชา! สายตาของเขาอ่อนลงเล็กน้อย แม้เสียงจะยังคงแฝงความไม่เห็นด้วย

“ด้วยพลังฝึกของเจ้า การขโมยลูกของอสูรหลิวกวงมันเสี่ยงเกินไป คราวหลังอย่าทำอะไรบ้าบิ่นเช่นนี้อีก”

เมื่อเห็นเด็กสาวเริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย โหลวหยุนเซียนจุนก็ถอนหายใจเบา ๆ

“หากเจ้าต้องการ ขอเพียงบอกข้าก็พอ”

หมายความว่า หากเจ้าอยากได้ เพียงเอ่ยข้าจะช่วยเจ้าเอง ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตเช่นนี้

เมื่อได้ยินคำที่นางอยากฟัง เด็กสาวก็เผยรอยยิ้ม…

แต่การแสดงความสนุกสนานอย่างไม่รู้สึกผิดของอาจารย์และศิษย์ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนขั้นหยวนอิงที่ตามหาศิษย์ตลอดทั้งคืนสีหน้าไม่พอใจสุดขีด!

พวกเขาลำบากหาตัวศิษย์ทั้งคืนเพราะเรื่องที่โหลวหยุนเซียนจุนและศิษย์ของเขาก่อขึ้น แต่กลับได้เห็นทั้งคู่มีความสุขราวไม่สำนึก! พวกเขารู้หรือไม่ว่าทำให้เสียศิษย์ของสำนักไปเท่าไหร่!?

“โหลวหยุน! เจ้าไม่คิดว่าเจ้าควรอธิบายอะไรหน่อยหรือ”

________________________________________________________

ณ เวลานี้ พระอาทิตย์ขึ้นสูงกลางฟ้า แผ่แสงแดดจ้า จินเป่าเอ๋อยืนอยู่ท่ามกลางความร้อนจนแทบทนไม่ไหว นางขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็ถูกเสือบินขู่ให้กลับมาในจุดเดิม เจ้าเสือตัวนั้นทำท่าทางเหมือนจะรอให้นางถูกแดดเผาตายเพื่อกลายเป็นเนื้อแห้งให้มันกิน...

จินเป่าเอ๋อทั้งโมโหและจนปัญญา! ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ตอนแรกน่าจะเพิ่มชั้นป้องกันสำหรับกันแดดเข้าไปด้วย!

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่สุดจินเป่าเอ๋อก็ทนไม่ไหว ชุดหนังสีดำก็ยิ่งดูดความร้อนเข้าไปอีก บรรยากาศภายในค่ายเวทย์ป้องกันก็ร้อนอุดอู้ขึ้นทุกที หากปล่อยไว้เช่นนี้ การหายใจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ

เมื่อมีทางเลือกอยู่ตรงหน้า นางจึงตัดสินใจทันที! เก็บค่ายเวทย์ป้องกันและพุ่งตัวเข้าไปในป่าลึกอย่างรวดเร็ว...

เสือบินเห็นดังนั้นก็ไล่ตามไปอยู่สักพัก แต่ไม่นานก็ล้มเลิกไป แต่ก็ยังวนเวียนอยู่รอบๆ ไม่ยอมไปไหน!

เมื่อไม่มีทางเลือก จินเป่าเอ๋อจึงต้องเดินหน้าต่อไป...

ภายในป่าลึกที่มืดมน นำพาความเย็นยะเยือกเข้ามาสัมผัสโดยไม่ต้องเห็นก็รู้สึกได้ถึงอันตรายรอบตัว!

นางเดินไปเรื่อยๆ จนพบกับถ้ำใหญ่ที่มีเสียงกรนเบาๆ ลอยออกมาจางๆ หรือบางทีอาจจะเป็นเสียงลมหนาวที่พัดผ่านหุบเขานำมาด้วย

นางเริ่มลังเล หากเดินหน้าต่อไปก็อาจเจอสัตว์ร้ายที่ทรงพลังยิ่งกว่าหรืออันตรายที่เกินต้านทาน

หากเป็นเช่นนั้นด้วยพลังของนางตอนนี้ คงหนีไม่รอด แต่หากหยุดอยู่ที่นี่ ก็ไม่รู้ว่าจะออกจากสถานที่นี้ได้เมื่อไหร่!

“กลิ่นนี้...แปลกจริง!”

เสียงของหลงหลีซิงดังขึ้นข้างหู จินเป่าเอ๋อได้ยินดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อย

“ท่านอาวุโส เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

หลงหลีซิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงประหลาดใจและรังเกียจปนขยะแขยงเล็กน้อย

“ไม่น่าจะเป็นไปได้...แต่กลิ่นนี่มันช่างน่ารังเกียจเสียเหลือเกิน! ถ้าเป็นจริงล่ะก็ ข้าจะฆ่ามันให้ได้!!”

คำพูดของหลงหลีซิงทำให้จินเป่าเอ๋อรู้สึกสับสน แต่ไม่นานเขาก็ให้คำตอบอย่างแน่ชัดและโกรธเคืองเล็กน้อย

“เจ้าหนู เราเข้าไปข้างในกันเถอะ!”

จินเป่าเอ๋อไม่สงสัยในคำพูดของเขาเลย ด้วยพลังอันลึกล้ำของท่านอาวุโสผู้นี้ นางเองก็สัมผัสมาแล้วกับตัว! จึงเชื่อว่าน่าจะไม่มีปัญหา

ขณะที่นางค่อยๆก้าวเข้าไป ข้างในยิ่งมืดสนิท โชคดีที่นางเป็นผู้ฝึกพลังขั้นจินตันแล้ว ความมืดจึงไม่เป็นอุปสรรคต่อสายตา!

ไม่รู้ว่าเดินไปนานเท่าไหร่ ร่างกายของนางที่ฝึกมาแค่ครึ่งทางก็เริ่มรู้สึกอ่อนล้า สุดท้ายจึงมาถึงปลายถ้ำ...

ตรงหน้ามีเพียงกำแพงสีน้ำตาล รอบๆ เต็มไปด้วยซากศพของสัตว์อสูรและแกนสัตว์อสูรขั้นสูงที่ปกคลุมด้วยฝุ่น! แกนอสูรที่สามารถขายได้ในราคาสูงลิ่วภายนอก ในที่แห่งนี้กลับถูกโยนทิ้งเหมือนก้อนหินธรรมดาบนพื้น!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด