ตอนที่แล้วบทที่ 378 ใครให้คุณขายของแบบนี้?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 380 จะต้องปีนถึงยอดเขาสูงสุด และมองลงมายังภูเขาน้อยใหญ่เบื้องล่าง

บทที่ 379 ฉันอยากถามคำถามกับทนายความ


ในดัชนีมูลค่าทางการค้าของดารามีอยู่สี่ประเภท ได้แก่ ดัชนีความนิยม ดัชนีชื่อเสียง ดัชนีความเชี่ยวชาญ และดัชนีการเป็นพรีเซนเตอร์

หลังจากรายการสมบัติของชาติ ตอนแรกออกอากาศ ดัชนีทั้งสามของสวี่เย่ได้พุ่งสูงขึ้นทิ้งห่างดาราคนอื่นอย่างมาก

ในขณะที่รายการวาไรตี้ของดาราคนอื่น ๆ อาจจะฮิตในหมู่แฟน ๆ เพียงแค่ในวงแคบ ๆ และอาจติดเทรนด์บ้าง แต่รายการ สมบัติของชาติ แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

เนื่องจากลักษณะเฉพาะของรายการนี้ การโปรโมทของมันเป็นไปในวงกว้างและทรงพลังอย่างน่าทึ่ง

มีสื่อมากมายที่ช่วยโปรโมทรายการนี้ด้วยความเต็มใจ และคนจำนวนมากต่างก็แนะนำรายการนี้กันเอง

ยิ่งไปกว่านั้น รายการนี้ยังมีคุณค่าในเชิงการศึกษา โรงเรียนประถมและมัธยมหลายแห่งถึงกับจัดให้เด็กนักเรียนได้ชมรายการนี้ร่วมกัน

นี่ไม่ใช่แค่รายการวาไรตี้ธรรมดา แต่เป็นรายการในระดับประเทศ

และในท่ามกลางการโปรโมทอย่างมหาศาลนี้ สวี่เย่ในฐานะผู้บรรยายหมายเลข 001 ของรายการ สมบัติของชาติ กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน

สวี่เย่ไม่จำเป็นต้องเรียกให้แฟน ๆ ช่วยกันปั่นตัวเลขเลย

เพราะตัวเลขจริง ๆ เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะบดขยี้เหล่าดาราอินฟลูเอนเซอร์ทั้งหมดแล้ว

และเมื่อคืนที่ผ่านมา การไลฟ์สดขายสินค้าครั้งหนึ่งของสวี่เย่สร้างยอดขายให้กับสินค้าของพิพิธภัณฑ์พระราชวังได้ถึง 20 ล้านหยวน

ตัวเลขนี้ทำให้ดัชนีการเป็นพรีเซนเตอร์ของสวี่เย่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของตาราง

หยางซวี่เฟิง แทบไม่เชื่อ เขาตรวจสอบตัวเลขหลายรอบจนมั่นใจว่าไม่มีปัญหาจึงค่อยอัปโหลดข้อมูล

ในชั่วข้ามคืน ดัชนีทั้งสี่ของสวี่เย่พุ่งขึ้นครองอันดับหนึ่งทั้งหมดอย่างเด็ดขาด

เมื่อทุกคนเห็นตารางนี้ ก็รู้ทันทีว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!

โจวเสี่ยวหู่ ผู้ครองอันดับหนึ่งในด้านมูลค่าทางการค้า ถูกสวี่เย่แซงลงจากบัลลังก์ไปแล้ว!

บรรดานักเขียนข่าวการตลาดเริ่มเขียนบทความและโพสต์ลงเวยป๋อทันที

นี่คือเรื่องใหญ่ที่ทำให้ทั้งวงการบันเทิงต้องสะเทือน

“สวี่เย่ขึ้นครองอันดับหนึ่งในดัชนีมูลค่าทางการค้าดารา โจวเสี่ยวหู่ตกไปอยู่อันดับสอง!”

“การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอันดับมูลค่าทางการค้าของดารา!”

“พิพิธภัณฑ์พระราชวังโด่งดังชั่วข้ามคืน พรีเซนเตอร์สวี่เย่มีส่วนสำคัญยิ่ง!”

ด้วยการเผยแพร่ข่าวเหล่านี้ ความสนใจของชาวเน็ตก็ถูกดึงดูดไปอย่างเต็มที่

“ฉันบอกแล้วว่าสวี่เย่ต้องมาแย่งอันดับหนึ่งแน่ ๆ ที่แท้เขารอเวลานี้นี่เอง!”

“แค่คืนเดียว จากอันดับที่ 11 พุ่งขึ้นอันดับ 1 เลย นี่มันเหลือเชื่อ!”

“ไม่ได้ปั่นตัวเลขใช่ไหม? มันดูปลอมมากเลยนะ!”

หลายคนรู้สึกตกใจ

เพราะการจะขยับขึ้นไปในตารางอันดับมูลค่าดารายิ่งสูงยิ่งยาก

แต่สวี่เย่ไม่เพียงแค่ขยับขึ้นไปหนึ่งอันดับ เขาพุ่งขึ้นไปถึงสิบอันดับจนขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่ง!

ก่อนหน้านี้มีหลายคนเคยบอกว่าสวี่เย่ไม่ใช่อินฟลูเอนเซอร์ตัวท็อป มูลค่าทางการค้าของเขาไม่ค่อยน่าสนใจ

แต่ตอนนี้ พิพิธภัณฑ์พระราชวังสร้างยอดขายได้ถึง 20 ล้านหยวน และนี่คือข้อมูลที่ได้รับการยืนยันจากโต่วโส่วอย่างเป็นทางการ

โต่วโส่วไม่มีทางโกงตัวเลขนี้ และก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกงด้วย

ไม่มีการโกง นี่คือความสามารถของสวี่เย่!

ผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวชหัวฮว๋า ต่างมองตาค้าง

“เมื่อคืนตอนเห็นสวี่เย่ แสดงบ้า ๆ บอ ๆ ฉันยังคิดว่าสวี่เย่คงบ้าไปแล้ว ปรากฏว่าฉันคิดง่ายเกินไป”

“สวี่เย่: อย่าเรียกฉันว่าผู้อำนวยการ เรียกฉันว่าสวี่เย่เถอะ”

“หรือผู้อำนวยการทำวาไรตี้เพื่อเอาชนะในดัชนีมูลค่าดารากันแน่นะ?”

ความคิดของผู้ป่วยในโรงพยาบาลหัวฮว๋ามักจะเป็นอะไรที่แปลกแหวกแนว

พวกเขาต่างแสดงความคิดเห็นแบบตลก ๆ ในคอมเมนต์ และสนุกสนานกับการแซวกันไปมา

การที่สวี่เย่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งช่วยปลดปล่อยความอึดอัดในใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี

ช่วงที่ผ่านมา แฟนคลับของดาราในวงการบันเทิงต่างพากันล้อเลียนสวี่เย่ ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจ

แต่เพราะพวกผู้ป่วยนี้มักจะแปลกแหวกแนวและไม่ชอบมีปากเสียงกับคนอื่น เลยไม่ได้ทะเลาะกับแฟนคลับพวกนั้นในโลกออนไลน์

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่รู้สึกขุ่นเคือง

ตั้งแต่เมื่อไหร่การหาเงินด้วยผลงานกลับกลายเป็นเรื่องต่ำต้อย?

หรือว่าการหาเงินจากการเป็นพรีเซนเตอร์ถึงจะถือว่าดีกว่า?

ในวงการบันเทิง ดาราหลายคนพยายามที่จะได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์หรู เพื่อยกระดับสถานะของตัวเอง

จนสุดท้าย การได้เป็นพรีเซนเตอร์กลับกลายเป็นเครื่องหมายของเกียรติยศ

แม้แต่แฟนคลับของดาราอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ยังรู้สึกว่าการได้เป็นพรีเซนเตอร์พิสูจน์ได้ว่าดาราคนโปรดของพวกเขานั้นเจ๋งแค่ไหน

แต่เรื่องนี้มันเป็นความจริงหรือ?

พฤติกรรมเหล่านี้เป็นที่พบเห็นบ่อยจนคนเริ่มชิน แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนยอมรับ

สวี่เย่ที่แปลกแยกและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในวงการบันเทิงถือเป็นตัวอย่างที่หาได้ยาก

รายได้ของเขาแทบทั้งหมดมาจากผลงานที่เขาทำด้วยตัวเอง

แต่แฟนคลับในวงการบันเทิงกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น

ต้องไม่ลืมว่า คราวนี้สวี่เย่ไม่ได้แซงแค่เว่ยชิงเฟิงคนเดียว แต่เขาแซงดาราทุกคนไปแล้ว

เมื่อรวมแฟนคลับของดาราเหล่านี้เข้าด้วยกัน พวกเขามีพลังมหาศาล

“สวี่เย่ต้องปั่นตัวเลขแน่ ๆ มันดูปลอมเกินไป ใครจะขึ้นไปอันดับหนึ่งในคืนเดียวได้?”

“สวี่เย่เป็นพรีเซนเตอร์ให้โต่วโส่ว เขาอาจจะปั่นยอดขายโดยให้โต่วโส่วแก้ไขตัวเลขจากหลังบ้าน โต่วโส่วต้องยินดีช่วยเขาอยู่แล้ว”

“แนะนำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสวี่เย่อย่างละเอียด ฉันสงสัยว่าเขาอาจมีปัญหาด้านภาษี!”

แฟนคลับพวกนี้ถึงกับบ้าคลั่งและไปคอมเมนต์ในเวยป๋อหลายแห่งด้วยข้อความลักษณะคล้าย ๆ กัน

โดยเฉพาะแฟนคลับของโจวเสี่ยวหู่ที่มีพลังต่อสู้สูงสุด

โจวเสี่ยวหู่เป็นดาราที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการเป็นพรีเซนเตอร์เป็นหลัก เพื่อรักษาแฟนคลับ ทีมงานของเขาได้ทำอะไรหลายอย่าง

แฟนคลับเหล่านี้ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขัน และเมื่อเกิดปัญหาขึ้น พวกเขาก็พร้อมที่จะลุกขึ้นสู้แบบเต็มที่

เมื่อแฟนคลับเหล่านี้บ้าคลั่ง แม้แต่ดาราเองก็หยุดพวกเขาไม่ได้

ในทันที มีแฟนคลับจำนวนมากโพสต์ภาพหน้าจอการแจ้งความในเวยป๋อ

“ฉันได้แจ้งความกับกรมสรรพากรของจีนแล้ว เพื่อรายงานว่าสวี่เย่มีพฤติกรรมเลี่ยงภาษี ทุกคนมากับฉัน แจ้งความกันเถอะ!”

“แจ้งความเรียบร้อยแล้ว!”

“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ฉันอยากรู้ว่าสวี่เย่ขายของได้ 20 ล้านในคืนเดียวเป็นของจริงหรือเปล่า”

พฤติกรรมสุดประหลาดของแฟนคลับเหล่านี้ทำให้คนทั่วไปถึงกับตะลึง

ต้องบ้าขนาดไหนถึงคิดว่าตัวเลขนี้เป็นของปลอม?

นี่คือการไลฟ์สดขายของครั้งแรกอย่างเป็นทางการของโต่วโส่ว มีคนจับตาดูมากมาย ปัญหาในวงการบันเทิงมันเทียบไม่ได้เลย

ถ้าสวี่เย่ไลฟ์สดเอง แล้วคุณบอกว่าเขาโกงตัวเลข มันอาจจะเป็นไปได้

แต่ครั้งนี้ สวี่เย่ไลฟ์สดที่สำนักงานใหญ่ของโต่วโส่ว นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของสวี่เย่คนเดียว แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ในแวดวงอินเทอร์เน็ตและอีคอมเมิร์ซ

โกงยอดขายในช่วงเวลานี้ ใครจะบ้าทำ?

ที่สำคัญคือ ทุกคนรู้ดีว่าสวี่เย่เป็นคนถูกต้องตามกฎหมาย

นี่คือคนที่กล้าแต่งห้องนอนของตัวเองให้เหมือนคุก

คุณจะบอกว่าสวี่เย่ชอบผู้ชายก็อาจเป็นไปได้ แต่คุณจะบอกว่าเขาทำผิดกฎหมาย?

ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้แน่นอน!

แต่ว่าเรื่องนี้กลับลุกลามใหญ่โต

จนแฟนคลับหลายคนรู้สึกว่าการแจ้งความแค่สวี่เย่คนเดียวดูจะเจาะจงเกินไป

จากนั้นพวกเขาก็ลากดาราคนอื่น ๆ มาร่วมแจ้งความด้วย

“ทุกคนอย่าแจ้งความคนเดียว สุ่มเลือกดาราสักคนแล้วแจ้งความไปพร้อมกัน อย่าเลือกดาราของเราก็พอ”

และนี่กลายเป็นกฎที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน

ช่วงเที่ยงวัน โจวเสี่ยวหู่เพิ่งถ่ายโฆษณาเสร็จ

เขากำลังจะนั่งพักเมื่อผู้จัดการวิ่งมาหาเขาอย่างรีบร้อน

“เสี่ยวหู่ เกิดเรื่องแล้ว” ผู้จัดการพูดด้วยท่าทางตื่นตระหนก

“เกิดอะไรขึ้น?” โจวเสี่ยวหู่ถาม

ผู้จัดการรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตให้โจวเสี่ยวหู่ฟัง

หลังจากฟังจบ โจวเสี่ยวหู่ถึงกับอึ้ง

แฟนคลับพวกนี้มันบ้าหรือไง?

ใครเขาเล่นกันแบบนี้?

พวกคุณอยากให้ผมตายหรือยังไง!

แค่ได้อันดับสองก็ดีแล้ว นี่พวกคุณอยากให้ผมออกจากวงการหรือยังไง!

ลากกรมสรรพากรเข้ามาด้วย นี่พวกคุณเจ๋งจริง ๆ!

ตอนที่แฟนคลับของโจวเสี่ยวหู่แจ้งความนั้น แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้แจ้งความโจวเสี่ยวหู่เอง

แต่เมื่อแฟนคลับของดาราคนอื่นแจ้งความ ก็ลากชื่อของเขามาด้วย

ยังไงก็ดาราคู่แข่ง จะลากไปด้วยก็ไม่เป็นไร

และถ้าโจวเสี่ยวหู่ออกมาห้ามแฟนคลับ มันจะทำให้พวกแฟนคลับหมดกำลังใจ

แต่ถ้าให้คนอื่นออกมาห้าม แฟนคลับก็จะคิดว่าเขาไม่ได้เข้าข้างดาราของตัวเอง และอาจมองว่าเขากำลังทำให้เกิดความสับสนในกลุ่มแฟนคลับ

สถานการณ์นี้แก้ไขไม่ได้!

โจวเสี่ยวหู่รู้สึกเหงื่อแตกทั่วร่างกาย ถ้าโดนตรวจสอบขึ้นมาจริง ๆ เขาจะพินาศแน่ ๆ!

เขารีบถามทันที “ตอนนี้เราควรทำยังไง?”

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าแฟนคลับของเขาจะบ้าคลั่งขนาดนี้ การลากหน่วยงานของรัฐเข้ามามันเหมือนเป็นการทำลายล้างกันชัด ๆ

ผู้จัดการรีบตอบว่า “บริษัทกำลังติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ อยู่ ตอนนี้คุณต้องกลับไปกับผมก่อน”

โจวเสี่ยวหู่พยักหน้าพูดว่า “โอเค!”

อีกด้านหนึ่ง ดาราหลายคนที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ต่างก็ตกใจไม่ต่างจากโจวเสี่ยวหู่

พวกเขารีบติดต่อคนรู้จักต่าง ๆ เพื่อพยายามทำให้เรื่องนี้เงียบลง

ไม่มีใครทนการตรวจสอบได้

ในบรรดานี้ เหรินเขออิ๋งกลับค่อนข้างใจเย็น

ในปีที่ผ่านมาเธอพยายามปรับตัวให้มีบทบาทที่หลากหลายขึ้น และไม่ได้หวังว่าจะได้เป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ดัง ๆ อีกต่อไป เธออยู่ในอันดับที่ 8 ในตาราง ซึ่งไม่สูงมากนัก

หลังจากที่สวี่เย่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง เธอจึงตกไปอยู่อันดับที่ 9

สำหรับเรื่องนี้ เหรินเขออิ๋งไม่ได้มีความคิดเห็นอะไรเลย

การถูกสวี่เย่แซงน่ะเหรอ จะเรียกว่าแซงได้ยังไง?

นั่นต้องเรียกว่าเป็นเกียรติต่างหาก

ส่วนแฟนคลับของเธอได้ถูกควบคุมไว้นานแล้ว

แฟนคลับของเธอก็รู้ดีว่าเหรินเขออิ๋งอยู่ในกองถ่ายของสวี่เย่

เพราะเรื่องนี้ ทำให้เกิดการถอนตัวจากกลุ่มแฟนคลับของเหรินเขออิ๋งจำนวนมาก

แฟนคลับเหล่านี้รู้สึกว่าเหรินเขออิ๋งเป็นดาราที่สามารถรับบทนางเอกในละครเรื่องอื่นได้ ทำไมต้องไปเล่นเป็นนักแสดงสมทบในละครของสวี่เย่ด้วย?

หลังจากแฟนคลับกลุ่มนั้นจากไป แฟนคลับที่เหลือก็เป็นกลุ่มที่มีความคิดปกติมากขึ้น

นอกจากนี้ เหรินเขออิ๋งยังผ่านการตรวจสอบเรื่องภาษีไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา บริษัทของเธอไม่มีปัญหาด้านภาษีเลย ดังนั้นเธอไม่กลัวการตรวจสอบใด ๆ

เหรินเขออิ๋งมองดูความวุ่นวายบนอินเทอร์เน็ตด้วยความรู้สึกหวั่น ๆ

“น่ากลัวจริง ๆ ถ้าฉันไม่ได้ชำระภาษีไว้นะ ตอนนี้คงจะรู้สึกเหมือนคนอื่น ๆ แน่ ๆ แฟนคลับแบบนี้มันรักษาไว้ไม่ได้จริง ๆ ต้องหาทางปรับตัวใหม่” เหรินเขออิ๋งคิดในใจ

สำหรับสวี่เย่ เธอมั่นใจว่าคงไม่มีทางเลี่ยงภาษีแน่นอน เพราะจากที่เธอได้ใกล้ชิดเขามาระยะหนึ่ง พบว่าเขาไม่มีทางทำเช่นนั้นได้

เขาอาจจะเพี้ยนไปบ้าง แต่เขาเป็นคนถูกกฎหมายอย่างแท้จริง

“สงสัยสวี่เย่คงฝันแล้วหัวเราะลั่นเลยล่ะ” เหรินเขออิ๋งพูดพร้อมหัวเราะ

ในเวลานั้น สวี่เย่ก็เริ่มสังเกตเห็นความคิดเห็นที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต

เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าการขึ้นอันดับหนึ่งจะก่อให้เกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้

เมื่อเขาเห็นความคิดเห็นจากแฟนคลับพวกนั้นในเวยป๋อ มันก็เต็มไปด้วยคำด่าโสโครก

ในข้อความส่วนตัวก็เต็มไปด้วยคำหยาบคายเช่นกัน

แต่สวี่เย่ไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะเขาก็ด่าคำหยาบได้เหมือนกัน

“อยากให้ตรวจสอบภาษีใช่ไหม? งั้นก็เชิญเลย”

สวี่เย่ส่งข้อความถึงคนในบริษัททันที

ไม่นานหลังจากนั้น บัญชีของบริษัทขนาดใหญ่ที่เขาทำงานอยู่ก็โพสต์ข้อความลงในเวยป๋อว่า

“บริษัทขนาดใหญ่แห่งนี้ได้เชิญหน่วยงานภาษีเมืองอันเฉิงมาตรวจสอบภาษีของบริษัทแล้ว @บัญชีบิ๊กดาต้า เจ้านายของเรามีข้อเสนอ เขาบอกว่า พวกคุณน่าจะลองทำตารางอันดับการเสียภาษีของดารา โดยจัดอันดับตามจำนวนเงินที่ดาราเสียภาษี คุณคิดว่าไอเดียนี้เป็นยังไงบ้าง?”

เมื่อข้อความนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตก็พากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน

ในโพสต์นั้น บริษัทยังแนบหลักฐานว่าพวกเขาเชิญหน่วยงานภาษีเมืองอันเฉิงมาจริง ๆ ไม่ได้พูดเล่น

ส่วนข้อเสนอให้บัญชีบิ๊กดาต้าจัดอันดับการเสียภาษีของดารา มันช่างร้ายกาจมาก

คุณอยากให้บัญชีบิ๊กดาต้านี้โดนบล็อกใช่ไหม!

“งานนี้ทำเอาบัญชีบิ๊กดาต้าเหงื่อแตกแล้วแน่ ๆ”

“เรื่องภาษี งานนี้ผู้อำนวยการไม่เคยกลัวใคร”

“แนะนำให้ดาราทุกคนในวงการบันเทิงเชิญหน่วยงานภาษีมาตรวจสอบ!”

ผู้ป่วยในโรงพยาบาลหัวฮว๋าและคนทั่วไปต่างพากันสนับสนุนเรื่องนี้ เพราะพวกเขาไม่กลัวเรื่องยุ่งยาก และเริ่มเรียกร้องให้ดาราคนอื่น ๆ เชิญหน่วยงานภาษีมาตรวจสอบเช่นกัน

เมื่อบริษัทของสวี่เย่โพสต์ข้อความนี้ เสียงกวงเอนเตอร์เทนเมนต์ก็โพสต์ข้อความตามมาติด ๆ ว่า

“เสียงกวงเอนเตอร์เทนเมนต์ได้เชิญหน่วยงานภาษีมาตรวจสอบภาษีของศิลปินทั้งหมดในบริษัทแล้ว!”

หวังซู เจ้าของเสียงกวงเอนเตอร์เทนเมนต์ ทำธุรกิจมานานหลายปีแต่ยังไม่ใหญ่โตมาก เพราะหวังซูเป็นคนที่ไม่คิดจะทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

เขารู้ดีว่าดาราหลายคนในวงการบันเทิงมีวิธีหลบเลี่ยงภาษีสารพัด แต่เขาไม่เคยทำตาม เขาเสียภาษีตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา

เขาเองก็ไม่กลัวการตรวจสอบเลย

เมื่อชาวเน็ตเห็นสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาเริ่มเรียกชื่อบริษัทต่าง ๆ ทันที

“@ชิงเหนียวเอนเตอร์เทนเมนต์ กล้าพอจะให้หน่วยงานภาษีตรวจสอบไหม?”

“@จี้กวงมีเดีย!”

“@สตูดิโอของโจวเสี่ยวหู่”

และอื่น ๆ อีกมากมาย

ครั้งนี้เหมือนการจับแฟนคลับเหล่านั้นมาปิ้งบนกองไฟ

ไม่มีดาราคนไหนตอบสนองเลย ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการแก้ปัญหาให้ตัวเอง

ในช่วงบ่ายสามโมง ประเด็นนี้ได้ขึ้นไปอยู่บนสุดของเทรนด์ในโซเชียลมีเดีย ผู้คนพูดถึงกันมากมาย

ชาวเน็ตจำนวนมากไม่พอใจวงการบันเทิงมานานแล้ว ครั้งนี้แฟนคลับพากันแจ้งความเรื่องภาษี พวกเขาก็เลยถือโอกาสนี้ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่

เรื่องนี้จะไม่เงียบหายไปแน่!

ในที่สุด เวลาก็ล่วงมาถึงบ่ายสี่โมง

ในเวลาไม่นาน มีผู้ใช้เวยป๋อโพสต์ข้อความว่า

“ทุกคนรีบไปดูบัญชีเวยป๋อของกรมสรรพากรท้องถิ่นกันเร็ว! พวกเขามาแล้ว!”

ชาวเน็ตรีบวิ่งไปดูทันที

กรมสรรพากรเมืองหม่าโต่วโพสต์ว่า

“หน่วยงานของเรารับรายงานจากชาวเน็ตจำนวนมากเกี่ยวกับพฤติกรรมเลี่ยงภาษีของดาราบางคน เช่น โจวบางคน และเฉินบางคน หน่วยงานของเราจัดตั้งทีมสอบสวนพิเศษทันที และจะประกาศผลการสอบสวนทันทีที่มีการยืนยัน”

นอกจากนี้ยังมีกรมสรรพากรเมืองหลวงและเมืองอื่น ๆ อีกหลายแห่ง

บริษัทของดาราเหล่านี้ตั้งอยู่ในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ อยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานภาษีท้องถิ่น

เมื่อโพสต์เหล่านี้ถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตก็พากันส่งเสียงเชียร์

“ในที่สุดก็จะเริ่มตรวจสอบแล้ว! รีบ ๆ ตรวจให้เร็ว ๆ เลย!”

“นี่ถือว่าเป็นการแจ้งความดาราของตัวเองโดยแฟนคลับหรือเปล่าเนี่ย?”

“ฮ่า ๆ ๆ ฉันขอสนับสนุนเต็มที่!”

เมื่อหน่วยงานท้องถิ่นเหล่านี้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ หมายความว่าพวกเขาจะตรวจสอบแน่นอน

ในโลกนี้ เรื่องการตรวจสอบภาษีค่อนข้างเข้มงวด หากบอกว่าจะตรวจ ก็จะตรวจจริง ๆ ไม่ใช่แค่แถลงออกไปให้ผ่าน ๆ แล้วทิ้งไว้เป็นเดือน ๆ โดยไม่มีผลลัพธ์

แฟนคลับวงการบันเทิงหลายคนเริ่มมึนงง

ทำไมมันถึงกลายเป็นว่า ไอดอลของพวกเขาถูกลากลงไปด้วย?

แต่ในตอนนี้ แม้แต่ไอดอลของพวกเขาก็ไม่สามารถช่วยตัวเองได้แล้ว

หลังจากแถลงการณ์เหล่านี้ถูกเผยแพร่ สวี่เย่ได้รับโทรศัพท์จากฉีตงเซียง

ฉีตงเซียงหัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กนี่ ทำเรื่องดีอีกแล้ว ทางรัฐบาลอยากจัดการกับวงการบันเทิงมานานแล้ว แต่หาโอกาสเหมาะ ๆ ไม่ได้เสียที คราวนี้ในที่สุดก็จะได้ตรวจสอบกันจริงจังแล้ว!”

“ถ้าสามารถจับคนเข้าคุกได้ ผมจะส่งธงไปให้รัฐบาลเลยครับ” สวี่เย่พูดเล่น

ฉีตงเซียงชะงักไปครู่หนึ่ง

เจ้าหนูนี่ คงไม่คิดจะอยู่ในวงการบันเทิงอีกแล้วสินะ

มีใครเล่นกันแบบนี้บ้าง?

ถึงขนาดส่งธงให้รัฐบาลเลยหรือ? นี่แกจะทำให้คนในวงการบันเทิงโกรธกันหมดเลยใช่ไหม?

ฉีตงเซียงพูดว่า “คราวนี้รัฐบาลจริงจังนะ พวกเขาคงจะจับดาราบางคนมาลงโทษเป็นตัวอย่าง เรื่องนี้แค่รู้ไว้ก็พอแล้ว โดยรวมแล้วทางรัฐบาลมองคุณในแง่ดีมาก”

“พวกเขาชมหน้าตาผมเหรอ?” สวี่เย่ถามกลับ

ฉีตงเซียงนิ่งไปครู่หนึ่ง

หลังจากหยุดคิดอยู่ไม่กี่วินาที เขาก็พูดว่า “ไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ”

ฉีตงเซียงไม่อยากพูดคุยกับสวี่เย่ต่อแล้ว เพราะเขากลัวว่าจะทนฟังไม่ไหว

เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เริ่มดำเนินการ ข่าวเกี่ยวกับดัชนีมูลค่าทางการค้าของดาราก็ถูกกลบไปหมด

ตอนนี้แทบไม่มีใครสนใจอันดับนี้อีกแล้ว ทุกคนแค่อยากเห็นว่าใครจะโดนจับ

ตั้งแต่เรื่องนี้เริ่มบานปลาย นอกจากสวี่เย่แล้ว ในบรรดาดาราคนอื่น ๆ มีเพียงเหรินเขออิ๋งเท่านั้นที่ออกมาตอบสนอง ส่วนดาราคนอื่น ๆ ไม่มีใครกล้าออกมาแสดงความเห็น

ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ไม่กล้า

ถึงอย่างนั้น แฟนคลับของโจวเสี่ยวหู่ก็ยังคงโวยวายอยู่ในโลกออนไลน์

“เป็นไปไม่ได้! ไอดอลของฉันไม่มีทางมีปัญหาแน่นอน!”

“สนับสนุนรัฐบาล ตรวจสอบสวี่เย่ให้ละเอียด!”

แต่ยังไม่ทันข้ามวัน

ในเช้าวันรุ่งขึ้น เวลา 11 โมง ข่าวหนึ่งได้จุดชนวนทั้งวงการบันเทิง

“กรมสรรพากรเมืองหม่าโต่วในการสอบสวนสตูดิโอของโจวเสี่ยวหู่ พบพฤติกรรมเลี่ยงภาษีและกระทำผิดกฎหมายทางภาษี รายละเอียดเพิ่มเติมจะถูกประกาศในการสอบสวนครั้งถัดไป”

ประเด็นเรื่องการเลี่ยงภาษีของโจวเสี่ยวหู่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโดยบรรดาบัญชีข่าวการตลาด

ประเด็นนี้ก็ขึ้นเทรนด์บนเวยป๋อในทันที

ต้องเข้าใจว่า โจวเสี่ยวหู่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ตัวท็อป

เมื่อวานแฟนคลับของเขายังโวยวายอยู่เลย

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

วงการบันเทิงถึงกับสั่นสะเทือน

ดาราหลายคนตระหนักถึงปัญหาหนึ่ง นี่มันของจริงแล้ว!

เริ่มต้นมาก็จัดการอินฟลูเอนเซอร์ตัวท็อปเลย นี่มันเหมือนการฆ่าไก่ให้ลิงดูชัด ๆ

ทันใดนั้น ความหวาดระแวงแพร่กระจายไปทั่ว

แต่ในขณะนั้น สวี่เย่กลับใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลาย เขาแค่มองข่าวบนอินเทอร์เน็ตครู่หนึ่ง จากนั้นก็โพสต์เวยป๋อข้อความหนึ่ง

“ขอถามหน่อยนะครับว่ามีใครในบรรดาแฟนคลับของผมเป็นทนายความบ้าง? ผมอยากถามคำถามหน่อย สมมติว่าผมเป็นดารา เป็นดาราที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง เป็นอินฟลูเอนเซอร์ตัวท็อปน่ะ แล้วถ้าผมถูกจับข้อหาเลี่ยงภาษี มันจะมีผลกระทบกับการที่ลูกผมจะสมัครสอบข้าราชการไหม?”

เมื่อแฟน ๆ เห็นข้อความนี้จากเวยป๋อของสวี่เย่ ทุกคนถึงกับหัวเราะท้องแข็ง

“ผู้อำนวยการ แกนี่มันร้ายจริง ๆ!”

“คุณกำลังพูดถึงคนที่แซ่โจวอยู่หรือเปล่า?”

“คุณบอกเลขบัตรประชาชนของโจวเสี่ยวหู่ไปเลยดีกว่า!”

“น่าจะมีผลกระทบนะ แต่ปัญหาคือคุณต้องมีลูกก่อน”

“เฮ้ย? โจวเสี่ยวหู่มีลูกแล้วหรือเปล่า?”

เวยป๋อของสวี่เย่มันช่างเล่นแรงจริง ๆ

แม้จะไม่มีการเยาะเย้ยตรง ๆ แต่ในนั้นเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยโดยนัย

แต่ในวงการบันเทิงทุกคนเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว

ในดัชนีมูลค่าทางการค้าของดารา ชื่อของโจวเสี่ยวหู่ถูกลบออกไปทันที

บัญชีเวยป๋อและโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ของเขาถูกปิดใช้งานทันที

รายการภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ และรายการวาไรตี้ที่เขาเข้าร่วมก็ต้องเริ่มกระบวนการตัดต่อใหม่ทั้งหมด

ท่าทีของรัฐบาลชัดเจนมาก ในเวลานี้ไม่มีใครสามารถช่วยโจวเสี่ยวหู่ได้แล้ว

สำหรับแฟนคลับที่คลั่งไคล้ของเขา พวกเขาได้ทิ้งความคิดเห็นที่เป็นตำนานมากมายไว้บนเวยป๋อ แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเรื่องพูดคุยกันขำ ๆ เท่านั้น

คืนนั้น บัญชีของบริษัทขนาดใหญ่ของสวี่เย่ได้โพสต์ข้อความลงเวยป๋ออีกครั้ง

“ไม่ทราบว่าทุกคนยังจำละครเรื่องตำนานนอกยุทธภพได้ไหม? ในละครตัวละครเหล่าป๋าย ร้องเพลงหนึ่งเพลง เราหาโอกาสที่เหมาะสมในการปล่อยเพลงนี้ออกมานานแล้ว และวันนี้ในที่สุดเราก็ได้เวลาที่จะเผยแพร่มัน! ด้านล่างนี้คือลิงก์เพลง”

ในเวยป๋อมีภาพแสดงสีหน้าตื่นเต้นของเหล่าป๋ายอยู่ด้วย

เมื่อทุกคนกดเข้าไปที่ลิงก์เพลง พวกเขาเห็นชื่อเพลง

ชื่อเพลงคือ “ความเศร้า

คำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงล้วนแต่งโดยสวี่เย่ และเขายังเป็นคนร้องเองด้วย

ผู้ชมบางคนเริ่มจำไม่ได้ว่าเพลงนี้ปรากฏในละครช่วงไหน

แต่ไม่เป็นไร ลองฟังก่อนแล้วกัน

ทุกคนกดเล่นเพลง

ไม่นานเสียงร้องของสวี่เย่ก็ดังขึ้นมา

“เศร้าเหลือเกิน เศร้าจนผมหงอกนับตั้งแต่แยกจากเธอ ผมก็ต้องไปอยู่ในตึกคุก ~”

เมื่อได้ยินเนื้อร้องนี้ ทุกคนถึงกับช็อกไปเลย

เจ้าหนูนี่แกเล่นเกินไปแล้ว!

แต่เราชอบนะ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด