บทที่ 337-338
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]
บทที่ 337 จูบข้า (III)
หยุนชิงเหยียนได้เห็นความดื้อดึง และ ทรหด ของเหมิงฉีกับตา และรู้ว่าเมื่อนางตัดสินใจแล้ว นางจะยึดมั่นจนถึงที่สุด ไม่ว่าจะเกิดผลลัพธ์ใด
แต่ทำไม เหตุใดนางถึงยอมเสียสละ ตัวเองเพื่อช่วยเขา!
หยุนชิงเหยียนตกอยู่ในห้วงความเงียบงัน อุ้มเหมิงฉีออกจากห้อง เขาก้าวออกจากห้อง ประตูห้องตรงข้ามซึ่งเดิมเหมิงฉีพักอยู่ก็เปิดออกจากด้านใน
เยวู่ที่ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยยืนอยู่ที่ประตู นางมิได้คาดคิดว่าคนแรกที่นางเห็นหลังจากตื่นขึ้นจะไม่ใช่เหมิงฉี แต่เป็นบุรุษหน้าตาเย็นชา ผู้มีรูปโฉมงดงามหาที่เปรียบมิได้ ที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
หยุนชิงเหยียนหยุดฝีเท้า เหลือบมองเยวู่ที่กำลังตะลึงงัน แม่ทัพแห่งแดนมารผู้ตื่นตัวอยู่เสมอ ตกตะลึงเพียงชั่วครู่ก็รู้สึกตัว สายตาของนางกวาดมองเหมิงฉีที่หมดสติอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษผู้นั้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าของเขา
เยวู่ไร้เรี่ยวแรงในยามนี้ ทะเลปราณของนางแตกสลาย มิติเก็บของก็หายไปเมื่อนางตกลงสู่ทะเลแห่งดวงดาว นางไม่มีสิ่งใดป้องกันตัวเอง ไม่มีคาถาที่ใช้ได้ ไม่มีอาวุธ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้กลับยิ่งทำให้เยวู่ระแวดระวัง นางมองหยุนชิงเหยียนอย่างตื่นตัว หากนางมิได้มองผิด เหมิงฉีเป็นลม หญิงสาวที่ยังคงมีชีวิตชีวาเมื่อครู่นี้ บัดนี้ใบหน้าซีดเผือดและหมดสติ
"เจ้าเป็นใคร" แม้เยวู่จะรู้ว่านางมิใช่คู่ต่อสู้ของบุรุษอาภรณ์ชุดขาวผู้นี้ แต่นางก็ยังเผชิญหน้ากับเขา "เกิดอะไรขึ้นกับเหมิงฉี"
หยุนชิงเหยียนเพียงมองนางด้วยสายตาเย็นชา อุ้มเหมิงฉี เดินต่อไปยังส่วนในของตำหนัก
"หยุดนะ!" เยวู่ลดตัวลงเล็กน้อย จ้องมองบุรุษอาภรณ์ชุดขาวที่ใบหน้าเย็นชาอย่างระแวดระวัง ราวกับเสือที่ดุร้ายที่พร้อมจะพุ่งเข้าใส่ "เจ้าทำอะไรเหมิงฉี"
"ไสหัวไป!" หยุนชิงเหยียนสะบัดแขนอาภรณ์ ลมพัดแรงพุ่งเข้าใส่เยวู่ กระแทกแม่ทัพแห่งแดนมารกลับเข้าไปในห้อง ประตูปิดลง
"อะไรกัน!" เยวู่รีบลุกขึ้น พุ่งตัวออกจากห้องอีกครั้ง ลมเมื่อครู่นั้นรุนแรง แต่บุรุษผู้นั้นเห็นได้ชัดว่ามีเมตตา มิได้ทำร้ายนาง เมื่อเยวู่เปิดประตูอีกครั้ง ก็ไม่มีใครอยู่ข้างนอก ทั้งเหมิงฉีและบุรุษอาภรณ์ชุดขาวลึกลับผู้นั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เยวู่กำลังจะวิ่งออกไป แต่เมื่อนางก้าวเท้าข้ามธรณีประตู ก็มีพลังที่มองไม่เห็นผลักนางกลับเข้าไปในห้อง เยวู่ตกตะลึง รีบกระโดดออกมาอีกครั้ง รู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นเฉียบ บุรุษลึกลับผู้นั้นช่างทรงพลัง เหมิงฉีหมดสติ ตกอยู่ในมือของเขา เช่นนั้นนางจะ...
เยวู่จ้องมองประตูด้วยความกังวล ความคิดมากมายแล่นผ่านหัว นางรีบประเมินสถานการณ์ ที่นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นตำหนัก และตอนนี้เป็นเช้าวันที่สองหลังจากที่เหมิงฉีพานางมาที่นี่ ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว แต่ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงส่องสว่าง มิได้ถูกบดบังด้วยแสงตะวัน แสดงว่านางน่าจะยังอยู่ในทะเลดารา
เหตุใดจึงมีตำหนักอันงดงามเช่นนี้อยู่ในทะเลดารา เยวู่รู้สึกหนาวสั่น เท่าที่นางทราบ แม้แต่จ้าวแห่งห้าที่นั่งมารผู้ยิ่งใหญ่ก็มิได้มีพลังเช่นนี้ แล้วบุรุษอาภรณ์ชุดขาวลึกลับผู้นี้มีที่มาอย่างไร
เยวู่ยืนอยู่ที่ประตู รู้สึกกังวลไม่หยุดหย่อน เหมิงฉีทำให้เจ้าของตำหนักผู้นี้โกรธเคืองเพราะช่วยเหลือนางหรือไม่ กรามของเยวู่ขบแน่น หากเป็นเช่นนั้น นางต้องพยายามช่วยเหมิงฉี แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
...
เหมิงฉีมิอาจล่วงรู้ได้ว่านางหลับไปนานเท่าใด ในภวังค์ นางรู้สึกถึงทะเลปราณที่ว่างเปล่า ปราณวิญญาณเหือดหายสิ้น แม้แต่รอยร้าวเล็ก ๆ ก็ยังมีอยู่มากมาย โชคดีที่แก่นพลังของนางยังคงหมุนอย่างช้า ๆ สร้างปราณออกมา อย่างไรก็ตาม ในชั่วพริบตา ปราณเหล่านั้นก็ร่วงหล่น ไหลออกจากรอยร้าว มิได้เติมเต็มทะเลที่แห้งแล้งและแตกร้าว
ข้าง ๆ แก่นพลังคือต้นแบบของกระทะวิญญาณทั้งห้า ซึ่งดูไม่ต่างจากครั้งสุดท้ายที่เหมิงฉีเห็น เมื่อไม่มีปราณในทะเลปราณ ก็มิอาจดำเนินการหลอมต่อไปได้ อาวุธวิเศษกำเนิดที่ก่อตัวเป็นรูปเตาหลอมสามขา ค่อย ๆ มืดมัวลง แผ่นไม้ไผ่ที่ล้อมรอบด้วยแสงสีขาวนวลข้าง ๆ คอยส่งปราณให้ ป้องกันมิให้ต้นแบบที่เปราะบางหายไปในขณะที่เหมิงฉีหมดสติ
"อึก..." เหมิงฉีครางเบา ๆ ความรู้สึกที่ทะเลปราณแห้งผากนั้นช่างแสนสาหัส ร่างกายของนางก็ปวดเมื่อย ราวกับเพิ่งตกจากที่สูง เหมิงฉีรู้สึกว่าแขนขาปวดร้าว ศีรษะก็ปวดตุบ ๆ จนไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา
แต่นางมิอาจเป็นเช่นนี้ได้! เหมิงฉีพยายามดิ้นรน พยายามปลุกตัวเอง นางจำได้ลาง ๆ ว่านางยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ และต้องตื่นขึ้นโดยเร็วที่สุด
ดูเหมือนว่า...ใช่แล้ว! มีคนรอคอยนางอยู่!
แต่เป็นใครกัน
ในขณะที่ยังคงอยู่ในภวังค์ เหมิงฉีก็ยกมือขวาขึ้นเล็กน้อย นิ้วสั่นเทา
"อย่าขยับ" เสียงทุ้มนุ่มของบุรุษดังขึ้นข้างหู เสียงนั้นมิเพียงไพเราะ แต่ยังคุ้นเคย ทำให้เหมิงฉีรู้สึกว่านางควรเชื่อฟังเขา
เหมิงฉีวางมือที่เพิ่งยกขึ้นลงอย่างว่าง่าย มีคนคลุมอาภรณ์ให้นาง ดึงขึ้นมาจนถึงคาง
"ขอบคุณ..." เหมิงฉีลืมตาไม่ได้ แต่ก็ยังพึมพำขอบคุณ สติของนางเลือนราง เกิดจากการใช้ปราณวิญญาณมากเกินไป และผลข้างเคียงอันรุนแรงของโอสถเม็ดชางหมิงซาน ในยามนี้ ร่างกายของนางอ่อนล้าถึงขีดสุด แม้แต่การลืมตาก็ยังยากลำบาก
แต่เหมิงฉีรู้ลาง ๆ ว่ามีใครบางคนอยู่เคียงข้างนาง คนผู้นี้ได้รับความไว้วางใจจากนางอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อมีเขาอยู่ที่นี่ นางก็ไม่จำเป็นต้องรีบตื่น ดังนั้นนางจึง ปล่อยกายให้หลับใหลลงอีกครั้ง ด้วยความโล่งใจ
บทที่ 338 จูบข้า (IV)
เหมิงฉีหลับไปนาน เมื่อนางตื่นขึ้นอีกครั้ง ความเจ็บปวดในร่างกายก็ทุเลาลงบ้าง แต่ก็ยังรู้สึก อ่อนเพลียระโหยโรย จากนั้นนางก็ดำดิ่งลงสู่ทะเลปราณ ทะเลปราณของนางยังคงแห้งแล้ง แต่รอยร้าวดูเหมือนจะน้อยลงกว่าเดิม เหนือทะเล เส้นสายแห่งปราณจากแผ่นไม้ไผ่ยังคงพันรอบกระทะวิญญาณทั้งห้า และแก่นพลังที่หมุนวนอยู่ข้าง ๆ ก็ดูสว่างขึ้นเล็กน้อย
แม้จะรู้สึกเหนื่อยล้า แต่เหมิงฉีก็รู้ว่านางกำลังฟื้นตัว เปลือกตายังคงหนักอึ้ง แต่ในที่สุดนางก็สามารถลืมตาขึ้นได้ แม้จะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
ขนตาที่ยาวของเหมิงฉีกระพริบสองครั้ง นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น รอบข้างค่อนข้างมืด ไม่มืดสนิท แต่เป็นความสลัวที่สบายตา เหมาะแก่การพักผ่อน เมื่อเหมิงฉีลืมตาขึ้นสนิท สิ่งแรกที่นางเห็นคืออาภรณ์โปร่งบางเบาที่ห้อยลงมาจากเพดานเตียง
เหมิงฉีค่อย ๆ กระพริบตา ร่างกายยังคงเซื่องซึม แต่สติของนางค่อย ๆ กลับคืนมา
นางอยู่ที่ไหน
เหมิงฉีขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงผ้าห่มไหมเนื้อนุ่มบางเบาที่ร่วงหล่นลงมาจากคาง ร่างกายของนางสะอาดสดชื่น อาภรณ์ก็เช่นกัน ยกเว้นความปวดเมื่อยที่ยังคงอยู่ นางก็มิได้รู้สึกไม่สบายตัวแต่อย่างใด
เหมิงฉีหลับตาลง ความทรงจำเมื่อวานก็หลั่งไหลเข้ามาในหัว
นาง...
กับเขา...
นางและหยุนชิงเหยียน...
ดวงใจของเหมิงฉีเต้นระรัว
หยุดนะ! นางต้องไม่นึกถึงเหตุการณ์นั้น! ท่านชายชิงเหยียนหมดสติในตอนนั้น และไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่!
นางต้องทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
ถูกต้อง! ต้องทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น! มิฉะนั้น หยุนชิงเหยียนอาจรู้สึกผิด หรือแม้แต่รู้สึกเสียใจต่อนาง!
ใช่! นั่นคือสิ่งที่นางควรทำ!
เหมิงฉีสูดหายใจลึก ตัดสินใจแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา อย่างไรก็ตาม หยุนชิงเหยียนกำลังจะตกอยู่ในภาวะปราณปั่นป่วนในตอนนั้น เขาไม่มีสติ ดังนั้นเขาจึงไม่น่าจะจำอะไรได้ เหมิงฉีสูดหายใจลึก ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ยันมือลงบนเตียง พยายามลุกขึ้นนั่ง
ทันทีที่เหมิงฉีพยายามลุกขึ้น ก็มีมือเอื้อมมาดึงผ้าห่มผืนบางออกจากร่าง ขณะที่มืออีกข้างโอบหลังนาง พยุงนางขึ้น เมื่อเหมิงฉีหันกลับไปด้วยความประหลาดใจ นางก็เห็นหยุนชิงเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้เอนข้างเตียง
ภายใต้แสงนวลของไข่มุกเรืองแสง เหมิงฉีสามารถมองเห็นรูปร่างของเขาได้อย่างชัดเจน บุรุษรูปงามในอาภรณ์ชุดคลุมสีขาวค่อย ๆ ประคองร่างของนาง ตอนแรกนางรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าอาการของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางก็ลืมเรื่องอื่น ๆ ไปในทันที
ดวงตาของเหมิงฉีเป็นประกาย "ท่านไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่"
"..." หยุนชิงเหยียนจ้องมองหญิงสาวด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ความยินดีบนใบหน้าของนางนั้นจริงใจ ดวงตาคู่สวยเปล่งประกาย เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ปิดบัง
ด้วยความเคยชิน เหมิงฉีจึงใช้มือขวาแตะข้อมือของหยุนชิงเหยียน ปลายนิ้วเริ่มเปล่งประกาย "โอ๊ย..." นางคราง นางคิดว่านางหลับไปนาน แต่แท้จริงแล้ว ผ่านไปเพียงหนึ่งวันเต็ม ผลข้างเคียงของโอสถเม็ดชางหมิงซานยังไม่จางหาย ดังนั้นเมื่อนางใช้ปราณเมื่อครู่ ทะเลปราณของนางจึงสั่นสะเทือน ทำให้นางรู้สึกวิงเวียน
หยุนชิงเหยียนรีบจับมือของเหมิงฉี เมื่อนางรู้สึกตัว ปราณวิญญาณจำนวนมากก็ค่อย ๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง ทะเลปราณของนางราวกับได้รับน้ำฝนอันชุ่มฉ่ำ ทำให้นางรู้สึกสดชื่นขึ้นในพริบตา
อย่างไรก็ตาม การไหลเวียนของปราณอันน่ารื่นรมย์ก็ถูกตัดขาด นางได้ยินหยุนชิงเหยียนพูดว่า "ทะเลปราณของเจ้ายังไม่ฟื้นตัว เจ้าทนรับปราณมากเกินไปไม่ได้"
"เจ้าค่ะ" เหมิงฉีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง หยุนชิงเหยียนแข็งแกร่งกว่านางมาก แต่เขามิใช่ผู้บ่มเพาะวิชาแพทย์ และไม่ได้รับการฝึกฝนในศิลปะการรักษา แม้เขาจะสามารถช่วยนางรักษาทะเลปราณที่ปั่นป่วนได้ แต่หากเขาส่งปราณเข้าสู่ร่างกายของนางเป็นจำนวนมากเพื่อเร่งการฟื้นตัวของทะเลปราณ ทะเลปราณของนางอาจระเบิด คร่าชีวิตนางไปด้วย
"ท่านชายชิงเหยียน" เหมิงฉีเงยหน้ามองเขา "ท่านไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่"
"...ข้าไม่เป็นไร" หยุนชิงเหยียนตอบ
"ข้ายินดีด้วย!" เหมิงฉีถอนหายใจด้วยความโล่งอก บัดนี้นางมั่นใจแล้วว่าหยุนชิงเหยียนฟื้นตัวแล้ว ในที่สุดนางก็มีเวลาตรวจสอบอาการของตนเอง แม้จะยังใช้ปราณไม่ได้ แต่จิตวิญญาณของนางฟื้นตัวเต็มที่แล้ว นางจึงหลับตาลง ดำดิ่งสู่ทะเลปราณ
ดีแล้ว! เมื่อเห็นว่าแก่นพลังของนางมิได้เสียหาย เหมิงฉีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอีกครั้ง ทรงกลมที่ลอยอยู่เหนือทะเลปราณยังคงหมุนอย่างเงียบ ๆ ส่งปราณออกมา ข้าง ๆ แก่นพลัง แม้แต่ต้นแบบของกระทะวิญญาณทั้งห้าก็ยังคงอยู่ ปกคลุมด้วยแสงสีขาวจากแผ่นไม้ไผ่ที่หลินเหยียนมอบให้
เหมิงฉีโล่งใจจริง ๆ ในตอนนั้นนางก็เสี่ยงเป็นตาย โชคดีที่มีแผ่นไม้ไผ่ของท่านอาจารย์หลินเหยียน มิฉะนั้นกระทะวิญญาณทั้งห้าของนางคงล้มเหลวในการหลอมครั้งแรก หากปราศจากแผ่นไม้ไผ่ที่บันทึกวิธีการหลอมกระทะวิญญาณทั้งห้า แม้ว่านางจะรวบรวมวัสดุทั้งห้าได้ นางก็ไม่อาจหลอมอาวุธวิเศษที่สาบสูญนี้ได้อีก
ยิ่งไปกว่านั้น...
เหมิงฉีประหลาดใจที่พบว่าคาถาชำระใจของนาง รวมถึงคาถาชำระห้าจิต บรรลุถึงขั้นสูงสุดของขั้นห้าแล้ว ห่างจากขอบเขตหกเพียงก้าวเดียว
คาถาขอบเขตหก แม้จะเป็นเพียงคาถาพื้นฐานที่สุด ก็มิใช่เรื่องเล็กน้อย
นอกจากนี้ ขั้นการบ่มเพาะพลังแพทย์ของนางก็ก้าวหน้าขึ้นเล็กน้อย จากขั้นที่สี่ขอบเขตหนึ่ง เป็นขั้นที่สี่ขอบเขตสอง
ไม่เลว!
เหมิงฉีรู้สึกยินดียิ่งนัก กระทะวิญญาณทั้งห้าที่นางกังวลที่สุดยังคงอยู่ และนางยังได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติม บัดนี้ ความไม่สะดวกเพียงอย่างเดียวคือการที่นางไม่อาจใช้ปราณได้เป็นเวลาสามวัน
แต่นั่นหาใช่ปัญหาไม่!
เมื่อเหมิงฉีลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางก็สบตากับหยุนชิงเหยียน นางอดมิได้ที่จะยิ้ม "ท่านชายชิงเหยียน ขั้นการบ่มเพาะพลังแพทย์ของข้าก้าวขึ้นสู่ขั้นที่สี่ขอบเขตสองแล้ว!"
หยุนชิงเหยียน "..."
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_