บทที่ 31 เพียงแค่ผักบ้านๆ อย่างนั้นเหรอ?
จางเจาถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ขณะที่เขาเห็นพ่อแม่เดินจับมือกันอย่างรักใคร่ไปยังศูนย์บริการที่อยู่ตรงหน้า มีใครเข้าใจบ้างว่าการถูกพ่อแม่หวานใส่จนเลี่ยนมันเป็นยังไง? เขาทำได้แค่ถอนหายใจแล้วเดินตามไป
เมื่อมาถึงศูนย์บริการ เหอเกินและครอบครัวของจางตงก็มาถึงพอดี แต่พวกเขานั่งมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์มาเลยไม่ต้องไปหาที่จอดรถ
เหอเกินลงจากรถแล้วพูดกับจางเหอว่า “นี่คือศูนย์บริการของเสี่ยวหลินใช่ไหม? ขนาดสองไร่เลยนะ ทำได้ดีจริงๆ!”
“อืม มีเอกลักษณ์ดี” จางเหอพยักหน้า เห็นแล้วสบายตาสบายใจ และมันก็ดูเหมาะสมดีกับบรรยากาศในฟาร์มแบบนี้
ตอนนั้นเอง มีอีกกลุ่มเดินมาจากฝั่งทุ่งดอกคาโนลา คนที่เดินนำหน้าเห็นจางเหอและเหอเกินก็ทักทายทันที “จางเหอ เหอเกิน พวกนายก็มากันแล้วเหรอ”
จางเหอหันไปทัก “ต้าหลิน ร้านชำของนายจะเปิดเมื่อไหร่?”
“ยังตกแต่งไม่เสร็จเลย เดี๋ยวเสร็จแล้วจะเชิญพวกนายไปนั่งเล่น” จางต้าหลินพูดด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองคุยกันสักพัก คนอื่นๆก็ต่างพากันทักทายกันไปมา จางต้าหลินพูดชื่นชมว่า “เดี๋ยวพวกนายต้องลองไปดูทุ่งดอกคาโนลาของเสี่ยวหลินนะ สวยสุดๆไปเลย”
อีกคนหนึ่งเสริมขึ้นว่า “ใช่ ฉันว่าไม่มีที่ไหนทำได้ดีเท่านี้เลย”
จางหลินออกมาเจอจางเหอและเหอเกินก็รีบต้อนรับ “ท่านลุงใหญ่ ลุงเหอเกิน พวกท่านมากันแล้ว เชิญเข้าไปนั่งกันก่อน”
เขารู้สึกขอบคุณญาติๆเหล่านี้ ที่ยอมให้พ่อยืมเงินในตอนนั้น เขารู้สึกซาบซึ้งใจมาก ไม่ใช่เพียงเพราะพวกเขาให้พ่อยืมเงิน แต่เพราะหลังจากที่พ่อจากไป ไม่มีใครเลยที่จะมาทวงหนี้จากที่บ้าน พวกเขาทำเหมือนว่าเรื่องหนี้ไม่มีอยู่จริง
ตอนนั้นแม่ของเขาร่างกายอ่อนแอ ถ้ามีคนมาทวงหนี้อยู่ทุกวัน ชีวิตคงลำบากมากกว่านี้ และอาจจะทำให้แม่ป่วยหนักไปเลยก็ได้
พูดตามตรง เขารู้สึกว่า พ่อนั้นช่างโชคดีที่มีเพื่อนและญาติที่ดีขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีมิตรภาพที่แท้จริงแบบนี้ได้ ถ้าหากเป็นคนอื่น อาจจะไม่ทันถึงเจ็ดวันหลังการเสียชีวิตของพ่อ หนี้ก็จะถูกทวงคืนทันที หรือบางคนแค่หมื่นเดียวก็อาจยืมไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่มิตรภาพแบบนี้มักมีแค่คนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ๆไม่ค่อยมีแล้ว สังคมปัจจุบันกดดันคนหนุ่มสาวมากเกินไป เช่นเขาเอง หลังจากเข้าทำงาน ความสำคัญของชีวิตและแรงกดดันจากสังคมทับถมจนไม่มีเวลาจะรักษามิตรภาพแบบนี้ แม้แต่ชื่อเพื่อนบ้านข้างๆ ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ
เมื่อจางหลินเชิญทุกคนเข้ามาด้านในศูนย์บริการ พอเดินเข้ามาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างประหลาด ทุกคนก็คิดว่าที่อารมณ์ดีขึ้นคงเป็นเพราะได้มาพบกันมากกว่า และไม่รู้เลยว่านี่เป็นผลจากคุณสมบัติพิเศษของศูนย์บริการในเกม
พอจางหลินพาแขกเข้าไปในห้องอาหาร มู่เฉิน หัวหน้าทีมพนักงานเสิร์ฟ ก็กำลังให้พนักงานจัดวางจานชามอย่างเรียบร้อย และพนักงานทุกคนก็สวมเครื่องแบบที่มีตราสัญลักษณ์ของฟาร์มหลียวน
เจ็ดวันที่ผ่านมา นอกจากการจัดหาอุปกรณ์ในครัวและเครื่องใช้ต่างๆ เขายังได้ปรับแต่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ชุดพนักงานที่สั่งทำพิเศษจากร้านออนไลน์ที่มีความเชี่ยวชาญ
หลินหนาน ผู้จัดการครัวเดินเข้ามาหาจางหลิน “เถ้าแก่ ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ”
จางหลินพยักหน้าแล้วเข้าไปในครัวเพื่อเริ่มทำอาหารจานแรกด้วยตัวเองตามพิธี
แม้เขาจะทำอาหารไม่เก่งนัก แต่ก็พยายามจะผัดผักสักจาน แต่เนื่องจากไม่ชินกับไฟในครัวของร้านที่แรงกว่าเตาที่บ้าน ทำให้ผัดไหม้ แต่แปลกที่เขาได้กลิ่นหอม และรู้สึกน้ำลายสอขึ้นมาเฉยๆ ซึ่งดูไม่สมเหตุสมผลเลย
เขาคิดทันทีว่านี่คงเป็นผลจากคุณสมบัติ “อาหารอร่อย +1” ของศูนย์บริการ
เขาตักผักที่ผัดไหม้แล้วใส่จาน รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ลองชิม เพราะมันอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ และรสชาติดีกว่าอาหารร้านหรูๆ ที่เคยทานมาเสียอีก
จางหลินสั่งให้พนักงานเริ่มทำอาหารจานหลักสำหรับเลี้ยงแขกก่อน วันนี้เป็นวันเปิดครัว ทุกคนจะได้รับเชิญให้ทานอาหารร่วมกันเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล
ในห้องอาหาร หลินเหยียนเดินเข้ามาต้อนรับจางเหอและแขกคนอื่นๆ “พี่ใหญ่ เหอเกิน ต้าหลิน ฉันทำร้านนี้เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยว หากอาหารจานแรกมีอะไรไม่ถูกใจ ต้องขอคำแนะนำด้วยนะคะ จะได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น”
เหอเกินพูดติดตลกว่า “หลินเหยียน เรื่องนี้ต้องให้พี่ใหญ่ของเธอดูสิ เพราะเขาถึงกับเรียนทำอาหารเพื่อไม่ให้ภรรยาต้องลำบากทำเอง”
จางต้าหลินก็เสริมขึ้น “จริงๆนะ เขาเป็นสามีที่ดีและฝีมือทำอาหารก็เยี่ยม รับรองช่วยชี้แนะได้แน่นอน”
คนอื่นๆต่างพากันสนับสนุน ซึ่งแฝงไปด้วยการแซวเล็กๆน้อยๆ เพราะจางเหอเป็นสามีที่รักภรรยาเกินไป ทำให้พวกเขาลำบากกันไปหมด เนื่องจากภรรยาของพวกเขามักเอาจางเหอเป็นตัวอย่างให้สามีของตัวเองดู
จางเหอรับรู้ถึงความรู้สึกที่เพื่อนแซวด้วยการยิ้มแห้งๆ “ผมรักภรรยาก็เป็นเรื่องธรรมดา สัญญาตั้งแต่วันแต่งงานแล้วว่าจะดูแลกันตลอดชีวิต” เขาพูดอย่างมั่นใจ “น้องสาววางใจเถอะ แค่เมนูบ้านๆ พี่คนนี้ช่วยได้สบาย”
ขณะสนทนากัน พนักงานก็เริ่มยกอาหารมาเสิร์ฟ จานแรกเป็นผักสดๆจากฟาร์ม
สำหรับร้านอาหารในฟาร์ม ความแตกต่างที่สำคัญคือบรรยากาศแบบชนบทดั้งเดิม และการเสิร์ฟอาหารธรรมดาๆ แต่มีเอกลักษณ์ รสชาติที่ดีจะช่วยดึงดูดลูกค้าได้ ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์อย่างเดียว
จางเหอเห็นอาหารบนโต๊ะก็คาดเดาได้ว่าจะเป็นอาหารพื้นบ้านตามที่เขาคิดไว้ เขาตักอาหารขึ้นมาชิมอย่างมั่นใจ แต่หลังจากคำแรกก็ชะงัก และลองชิมอีกจาน ก่อนที่สีหน้าเขาจะเริ่มกลายเป็นความกระอักกระอ่วนขึ้นเรื่อยๆ
…
(จบบท)