บทที่ 19 บัตรเชิญ
บทที่ 19 บัตรเชิญ
"สโมสรอัจฉริยะ..."
ทันทีที่สายตาของหลินเสวียนไปตกอยู่บนตัวอักษรห้าตัวนี้ เขารู้สึกราวกับถูกดึงออกจากโลกใบนี้
ห้องโถงที่เต็มไปด้วยเสียงวุ่นวาย ทุกอย่างหายไป เหลือเพียงเสียงอื้ออึงในหู
เขาหายใจไม่ออกมากขึ้นเรื่อย ๆ !
เหมือนกับปลาโลมาที่ถูกมัดติดกับก้อนตะกั่ว จมลงลึกในทะเลที่เย็นยะเยือก...
"เกิดอะไรขึ้น? ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทำไม?"
ทันใดนั้น เสียงคุ้นเคยดึงหลินเสวียนกลับสู่ความเป็นจริง
เขาหันกลับไป เห็นจ้าวอิงจวิ้นยืนอยู่ข้างหลัง
วันนี้เธอสวมเสื้อคลุมสีดำ ต่างหูเพชรสีดำระยิบระยับ
"นั่นแมวไรน์? ทำเสร็จแล้วเหรอ?"
จ้าวอิงจวิ้นเห็นตุ๊กตาแมวไรน์ในมือของหลินเสวียน เธอกระชากมาถือไว้ พลิกไปพลิกมา
"อืม สวยมาก น่ารักกว่าที่ฉันคิด งานฝีมือก็เยี่ยม โรงงานนี้สามารถร่วมงานกันได้ในระยะยาวแน่"
จ้าวอิงจวิ้นพลิกตุ๊กตาไปทางด้านหลัง เธอดีดหางของแมวไรน์เบา ๆ
เห็นหลินเสวียนยังคงยืนนิ่งอยู่ จ้าวอิงจวิ้นมองไปที่สิ่งที่อยู่ในมือของหลินเสวียน ชี้ไปที่บัตรสีแดงเข้ม
"อันนี้ให้ฉันด้วยเหรอ?"
"เอ่อ? ครับ..."
หลินเสวียนกลับมาสู่ความเป็นจริง โดยสัญชาตญาณเขาส่งสิ่งของในมือให้จ้าวอิงจวิ้น
จ้าวอิงจวิ้นรับไปดู พลิกดูด้านหลัง จากนั้นเธอก็ถือแมวไรน์และบัตรไว้ในมือพร้อมกัน เธอเดินไปที่ลิฟต์ เสียงรองเท้าส้นสูงดังกึกกัก...
"คุณจ้าวสวยวันสวยคืนจริง ๆ เลยค่ะ!"
“ใช่เลย... ยิ่งกว่านั้นเสื้อผ้าแต่ละวันไม่เคยซ้ำกันเลย! เธอช่างดูมีสไตล์จริง ๆ !”
“โอ๊ย บรรยากาศของคุณจ้าวเนี่ย เกิดมาพร้อมกับความสง่างามและความเฉียบแหลมเลยแหละ ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ”
“ที่สำคัญที่สุดคือคุณจ้าวทั้งเก่งและมีความสามารถ! สมบูรณ์แบบสุด ๆ !”
จ้าวอิงจวิ้นก้าวขึ้นลิฟต์ เสียงพึมพำจากพนักงานต้อนรับดังขึ้น ซ่อนไปด้วยความอิจฉาและความชื่นชมต่อจ้าวอิงจวิ้น
หลินเสวียนมองไปที่มือเปล่าของตัวเอง...
เขายังสัมผัสได้ถึงสัมผัสของบัตรสีแดงเข้มราวกับมันยังคงอยู่ในมือ
“หรือว่ามันอาจจะไม่ใช่บัตรเชิญกันนะ?”
หลินเสวียนพยายามโน้มน้าวตัวเอง
“หรือมันอาจจะเป็นโฆษณา? หรือจะเป็นบัตรเชิญงานแต่งงาน?”
...
เมื่อมาถึงออฟฟิศแล้ว หลินเสวียนหยิบแบบร่างการออกแบบล่าสุด พร้อมจะไปรายงานผลงานที่ออฟฟิศของจ้าวอิงจวิ้น
ชั้น 22 ยืนรออยู่หน้าประตูรหัสที่หนาแน่น
“เชิญเข้ามา”
เสียงจากเครื่องโทรศัพท์แบบเห็นหน้าดังขึ้น และประตูรหัสก็เปิดออก
หลินเสวียนเดินเข้าไป
ออฟฟิศยังคงไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเดิม
หลินเสวียนสงสัยว่าแม้แต่โซฟาในห้องนี้ จ้าวอิงจวิ้นก็คงไม่เคยได้นั่ง ในพื้นที่กว้างใหญ่... มีเพียงโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่ามีคนเคยใช้ชีวิตในสถานที่นี้
“ได้ อย่างนี้แหละ ดำเนินการต่อเลย”
จ้าวอิงจวิ้นไว้ใจผลงานของหลินเสวียน เธอพลิกดูเอกสารอย่างรวดเร็ว แล้วปิดมันและส่งให้หลินเสวียน
“อ้อ”
หลินเสวียนเพิ่งจะรับแฟ้มไว้ จ้าวอิงจวิ้นก็เงยหน้าขึ้นมองเขา
“เรื่องของศาสตราจารย์สวี่หยุน คุณสืบไปแล้วหรือยัง?”
“สืบมาบ้างแล้วครับ”
เช้าวันนี้ ขณะนั่งรถไฟใต้ดินไปทำงาน หลินเสวียนโทรหาอาจารย์ที่ปรึกษาเก่าเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องของศาสตราจารย์สวี่หยุน
“ผมติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษาของผม และเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนต่อในมหาวิทยาลัย” หลินเสวียนหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมา พูดต่อ
“ผมรู้ว่า… เหตุผลที่ศาสตราจารย์สวี่หยุนมุ่งมั่นกับการวิจัยแคปซูลจำศีลก็เพราะลูกสาวของเขาที่เป็นอัมพาต”
“ศาสตราจารย์สวี่หยุนมีลูกเพียงคนเดียว ภรรยาของเขาเสียชีวิตระหว่างคลอดลูกเพราะน้ำคร่ำอุดตัน ลูกสาวของเขาเลี้ยงดูมาโดยลำพัง และเขาไม่ได้แต่งงานใหม่”
“แต่ในระหว่างไปเที่ยวสวนสนุก เกิดอุบัติเหตุ ลูกสาวของเขาตกลงมาจากที่สูง หัวกระแทกอย่างแรง… นอกจากจะเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไปแล้ว ยังอยู่ในสภาพโคม่าแบบ ‘ผัก’ อีกด้วย”
“ลูกสาวของเขาอยู่ที่โรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยตงไห่ มาเกือบสิบปีแล้วล่ะ บอกว่า… ไม่มีทางฟื้น บอกแบบนี้ทั้งหมอในประเทศและต่างประเทศ”
หลินเสวียนกลืนน้ำลายลงคอ หยุดพูดไปชั่วขณะ
“หลายคนพยายามเกลี้ยกล่อมศาสตราจารย์สวี่หยุน ให้เลิกยึดติดกับลูกสาวที่ไม่มีทางฟื้นนี้ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ทัศนคติของศาสตราจารย์สวี่หยุน… คุณก็เห็นแล้ว เขาจะต้องวิจัยแคปซูลจำศีล วิจัยสิ่งที่ไร้ความหวังอย่างสิ้นเชิง”
“ความคิดของศาสตราจารย์สวี่หยุนคือ เทคโนโลยีและการแพทย์ในปัจจุบันไม่สามารถรักษาคนโคม่าได้ แต่ไม่แน่ว่าอนาคตจะทำได้ ดังนั้น… เขาหวังว่าจะใช้ ‘แคปซูลจำศีล’ ส่งลูกสาวไปยังอนาคต เพื่อรักษาเธอด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ในอนาคต”
…
จ้าวอิงจวิ้นฟังไปพลาง ขมวดคิ้วไปพลาง
เมื่อหลินเสวียนเล่าจบ เธอถอนหายใจ ปัดผมที่อยู่ข้างหูไปด้านหลัง
“คล้ายกับนิยายวิทยาศาสตร์เล่มหนึ่งที่ฉันเคยอ่าน ‘ดาวซานถี่ อุบัติการณ์สงครามล้างโลก’ คุณเคยอ่านหรือเปล่า?”
หลินเสวียน พยักหน้าเบา ๆ
“ในเรื่อง ‘ดาวซานถี่ อุบัติการณ์สงครามล้างโลก’ พระเอกก็เป็นแบบนี้แหละ โดนไวรัสเข้าไป รักษาไม่หาย ก็เลยใส่เข้าไปในห้องจำศีล รอจนเทคโนโลยีในอนาคตพัฒนาขึ้น แล้วค่อยปลุกออกมารักษา ยังไงก็รอดตาย”
จ้าวอิงจวิ้นส่ายศีรษะ
“โชคชะตากรรมมักจะเล่นตลกกับคนที่แสนทุกข์ยาก...”
“แต่เรื่องวิทยาศาสตร์นั้น ยึดถือการค่อย ๆ พัฒนาไปทีละขั้น สิ่งที่ไม่มีทฤษฎีรองรับ และไม่มีการสะสมข้อมูลในช่วงแรกเลย จะบอกว่าวิจัยสำเร็จ ก็คงเป็นไปไม่ได้”
“นิยายวิทยาศาสตร์ก็แค่จินตนาการของมนุษย์น่ะแหละ ในความเป็นจริงไม่มีทางทำได้ คงเป็นเพราะอาจารย์สวี่หยุนเป็นห่วงลูกสาวจนใจลอย คิดอะไรเพี้ยน ๆ ไปเอง”
พูดจบ เธอก้มตัวลง ยังคงตรวจทานเอกสารต่อไป
“หลินเสวียน ถ้าว่างแล้ว คุณช่วยซื้อของไปเยี่ยมลูกสาวอาจารย์สวี่หยุนที่โรงพยาบาลหน่อย”
“ครับ ครับ”
หลินเสวียน หันหลัง เตรียมจะเดินออกไป
แต่...
นี่ไม่ใช่จุดประสงค์ที่เขามาเพื่อรายงานงานในวันนี้ แบบร่างการออกแบบนั้นเป็นเพียงการพรางตาเท่านั้น
เป้าหมายที่แท้จริงของเขา คือต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าบัตรสีขาวที่เขียนว่า “สโมสรอัจฉริยะ” นั้น คืออะไรกันแน่
เป็นใบเชิญ?
เป็นโฆษณา?
หรือแค่การก่อกวนธรรมดา?
“อ้อ จริงสิครับ ผู้อำนวยการจ้าว มีอีกเรื่อง”
หลินเสวียน ทำเป็นนึกขึ้นมาได้ หันกลับมาพูด
“เช้าที่คุณรีบออกไป ลืมบอกคุณไป”
“เรื่องอะไร” จ้าวอิงจวิ้น หยุดเขียน เงยหน้าขึ้น
“ก็ใบเชิญสีแดงนั่นแหละ คุณยังจำได้ใช่ไหม? ที่คุณเอาไปพร้อมกับแมวไรน์จากมือผม” หลินเสวียน ใช้มือชี้ขนาด
“ผมลืมบอกคุณไปว่าใครส่งมา มันไม่ได้มาทางไปรษณีย์ พนักงานต้อนรับบอกว่า เป็นผู้หญิงคนหนึ่งส่งมาเอง”
“อ๋อ เรื่องนี้เหรอ”
จ้าวอิงจวิ้นไม่ได้ใส่ใจ เธอยังคงก้มหน้าก้มตาตรวจดูเอกสาร
“คือ…มันเป็ฯจดหมายเชิญหรือเปล่าครับ?” หลินเสวียนถามอย่างลังเล
“เป็นจดหมายเชิญ” จ้าวอิงจวิ้นตอบอย่างเรียบเฉย
เธอหยุดปากกา เงยหน้าขึ้นมองหลินเสวียน
“มีอะไรอีกหรือเปล่า?”
“ไม่มีแล้วครับ”
ปัง!
ประตูรหัสหนาหนักปิดลงอีกครั้ง
…
หลินเสวียนยืนอยู่หน้าประตู
หัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว!
จดหมายเชิญ…
มันเป็นจดหมายเชิญจริง ๆ !
เมื่อคืนฝันเห็นมัน เช้าวันนี้มันก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา!
หัวใจของหลินเสวียนเต้นเร็วขึ้น
“นี่มัน…เกิดบ้าอะไรขึ้น?”