บทที่ 117: ร่วงหล่น
เซียวถังอี้ได้ยินเสียงบ่นเบา ๆ จากคนตัวเล็ก เขาจึงเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยการดีดก้อนหินจากปลายนิ้วพุ่งไปกระแทกบั้นท้ายของมู่ไป๋ไป่อย่างแม่นยำ
“โอ๊ย!” เด็กน้อยร้องลั่น ก่อนที่จะเอียงตกลงจากหลังคาโดยที่ยังกอดเจ้าส้มอยู่ในอ้อมแขน
“คุณหนู!”
“อา!”
หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงอุทานขึ้นมาพร้อมกันแล้วรีบพุ่งออกไปข้างหน้าหมายจะรับมู่ไป๋ไป่เอาไว้ อย่างไรก็ตาม การกระทำของพวกเขาไร้ผลเพราะอีกฝ่ายตกลงมากระแทกกับพื้นเสียก่อน
“โอ๊ย ก้นข้า!” มู่ไป๋ไป่กับเจ้าส้มนั่งลูบก้นอยู่กับพื้น
“คุณหนู ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” หลัวเซียวเซียวรีบเข้ามาช่วยพยุงองค์หญิงขึ้น “ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
มู่ไป๋ไป่โบกมือเป็นสัญญาณบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แม้ว่าเธอจะหล่นลงมาจากที่สูง แต่ระหว่างนั้นเธอก็ปรับท่าทางของตัวเองโดยเอาก้นลงกระแทกพื้นก่อนส่วนอื่น
ตอนนี้นอกจากความรู้สึกเจ็บก้น เธอก็ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงส่วนอื่นเลย
“ไป๋ไป่ ทำไมเจ้าถึงได้ประมาทนักล่ะ?” เสิ่นจวินเฉาคุกเข่าลงปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของเด็กหญิง “ถ้าเกิดเจ้าหล่นลงมาหัวกระแทกพื้นจะทำอย่างไร?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน…” มู่ไป๋ไป่เกาหัวงง ๆ ตอนแรกเธอคิดที่จะกลับไปทางเดิมแล้วลงจากกำแพงด้านนอก แต่ทันทีที่เธอหันหลังกลับ เธอก็รู้สึกเจ็บแปลบที่บั้นท้ายจนทำให้เสียหลักล้มลง
อวี้เซิ่งที่ได้ยินคำพูดขององค์หญิงจึงหันกลับไปมองเซียวถังอี้ด้วยสายตาซับซ้อน
คนอื่นอาจจะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนหน้านี้ แต่เขาสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
เมื่อเด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงสายตาของนักฆ่าหนุ่ม เขาก็ทำเพียงแค่เหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย จากนั้นจึงหันหลังเดินไปยังเรือนที่อยู่ด้านหน้า
ที่เรือนด้านหน้ามีชายชุดดำหลายคนยืนเฝ้าอยู่ ซึ่งคนเหล่านั้นกำลังเฝ้า ‘โจรลักพาตัว’ ที่เซียวถังอี้จัดการไป
“นายท่าน” เมื่อชายในชุดดำเห็นคุณชายเซียวเดินเข้ามา เขาก็ทำความเคารพ “ข้าน้อยได้ตรวจสอบพวกมันแล้วแต่ไม่พบเบาะแสอะไรขอรับ”
เซียวถังอี้พยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปมองดูพวกโจรขโมยเด็กใกล้ ๆ
แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนมากนัก แต่คนเหล่านี้ก็มีรูปร่างหน้าตาแตกต่างจากคนในแคว้นเป่ยหลงอย่างเห็นได้ชัด ผิวของพวกเขาทั้งหยาบกร้านและดูคล้ำกว่า ซึ่งมีลักษณะค่อนข้างคล้ายกับคนของแคว้นหนานซวน
เมื่อเด็กหนุ่มนึกถึงชาวหนานซวนที่ถูกเขาจับตัวได้ที่นอกเมืองเมื่อวาน เขาก็แค่นเสียงในลำคอ “จับคนพวกนี้มัดเอาไว้แล้วส่งไปให้ศาลต้าหลี่”
“แล้วบอกพวกเขาแค่ว่านี่เป็นของขวัญจากข้ามอบให้แก่ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่”
ชายชุดดำตอบรับคำสั่งแล้วมัดพวกโจรขโมยเด็กเอาไว้ ก่อนที่จะพาตัวทุกคนออกไปทันที
ในขณะเดียวกัน พอมู่ไป๋ไป่เดินกะโผลกกะเผลกไปถึงตรงจุดเกิดเหตุก็เหลือเพียงกลุ่มเด็กที่ถูกลักพาตัวอยู่เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ก็ไม่เหลืออะไรอีก
“หืม? คนเลวพวกนั้นอยู่ที่ไหน?” เด็กหญิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นลานบ้านที่ว่างเปล่า “เมื่อกี้ท่านไม่ได้บอกหรอกหรือว่าพวกมันหมดสติกัน?”
“หรือพวกเราใช้เวลาคุยกันนานเกินไปจนทำให้คนพวกนั้นฟื้นแล้วหนีไป?”
อวี้เซิ่งเหลือบมองเซียวถังอี้แล้วตอบว่า “พวกมันน่าจะถูกส่งไปที่ศาลต้าหลี่แล้ว ผู้บัญชาการกำลังสืบสวนคดีนี้อยู่ ในเมื่อเขาจับตัวพวกโจรได้ จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องส่งผู้ต้องหาไปที่ศาลต้าหลี่เพื่อปิดคดี”
“แล้วเด็กพวกนี้ล่ะจะทำอย่างไร?”
เหล่าเด็ก ๆ ที่ว่ากำลังมองพวกมู่ไป๋ไป่อย่างสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นเสิ่นจวินเฉากับเสี่ยวฮวายืนรวมกับคนพวกนี้ สีหน้าของพวกเขาจึงสลับซับซ้อนกันไป
“โชคดีแล้วที่ตามหาเด็กพวกนี้พบ” คนตัวเล็กไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก เธอมาที่นี่เพื่อช่วยเสิ่นจวินเฉาโดยเฉพาะ ตอนนี้เธอได้พบกับเขาแล้ว ดังนั้นเธอจึงบรรลุเป้าหมายของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย
ต่อมา เธอสั่งให้อวี้เซิ่งพาเด็ก ๆ พวกนี้ไปที่ศาลต้าหลี่ จากนั้นเธอกับเสิ่นจวินเฉาจะกลับไปที่จวนตระกูลเสิ่น
ในตอนที่เธอกำลังเดินกลับไป เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีเซียวถังอี้อีกคนที่หายตัวไป
ทันทีที่เห็นเสิ่นจวินเฉากลับมา คนในจวนตระกูลเสิ่นก็ดูจะมีความสุขมากจนวิ่งออกมาต้อนรับพวกเขาโดยไม่สงวนท่าทีเช่นเคย
“ทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่?” มู่ไป๋ไป่ที่กำลังกินขนมและดื่มชาอยู่ในห้องโถงด้านข้างค้นพบบางอย่างที่ไม่ควรอยู่ที่นี่
“ทำไม? เจ้าไม่ดีใจหรือที่แมวตัวนี้กลับมาแล้ว?” เจ้าส้มกำลังนั่งเชิดคางอยู่บนโต๊ะ
ปากของเด็กหญิงกระตุกก่อนที่เธอจะพูดโต้กลับไปว่า “เจ้าไม่ไปตามทางของตัวเองแล้วหรืออย่างไร? ทำไมเจ้าไม่ไปอยู่กับเจ้าดำกับแมวตัวอื่น ๆ แล้วล่ะ?”
“มู่ไป๋ไป่ อย่าได้ปากแข็งไปหน่อยเลย!” แมวตัวโตพูดออกมาเสียงดัง “ที่ข้ากลับมาเพราะเจ้าคิดถึงข้า”
“ดูเจ้าสิ พอไม่มีแมวตัวนี้อยู่ด้วย เจ้ามีสภาพเป็นอย่างไร”
“ถึงขั้นไปเอาหมาตัวใหญ่มาเลี้ยง…”
“นั่นคือหมาป่า!” มู่ไป๋ไป่แก้ไขความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม เธอรู้แล้วว่าเจ้าส้มรู้สึกถึงอันตรายเมื่อเห็นหมาป่าสีเทา “เจ้าเรียกหมา ๆๆ อยู่ได้!”
“ก็ข้าบอกว่ามันคือหมา ดังนั้นมันก็ต้องเป็นหมา” เจ้าแมวอ้วนพูดพลางเหลือบมองสุนัขตัวโตที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“...ท่านจ้าวอสูร แมวอ้วนตัวนี้มาจากที่ใดกัน?” หมาป่าสีเทาเปิดปากถาม
“อะแฮ่ม นี่คือสัตว์เลี้ยงของพ่อข้า” มู่ไป๋ไป่แนะนำเจ้าส้มให้หมาป่ารู้จัก “เจ้าตัวโต ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเข้ากันได้ดี”
หมาป่าสีเทาเหลือบมองแมวตัวสีส้มและตัดสินใจที่จะเลิกใส่ใจคำพูดของอีกฝ่ายเพื่อเป็นการไว้หน้าท่านจ้าวอสูร
“ไป๋ไป่ ข้าปล่อยให้เจ้ารอนานเลย” เสิ่นจวินเฉาที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาในห้องโถงอย่างรวดเร็ว
“ไม่หรอก ข้ารอไม่นานเลย” มู่ไป๋ไป่ยิ้มสดใสให้เขา “ขนมของพี่จวินเฉาอร่อยมาก ถ้ามีขนมเช่นนี้ให้ข้ากิน ข้ารอนานแค่ไหนก็ได้”
ทันทีที่เด็กชายเห็นรอยยิ้มของคนตัวเล็ก เขาก็รู้สึกมีความสุขและอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มของนางเบา ๆ
แล้วมันก็รู้สึกดีอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้
“ถ้าเจ้าชอบ ข้าจะให้ห้องครัวทำมาเพิ่มให้เจ้าเอากลับบ้าน”
ดวงตาของมู่ไป๋ไป่สว่างขึ้นทันทีและเธอก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันเธอแทบจะอ้วกออกมาเป็นกะหล่ำปลีต้มที่เธอกินทุกวันตอนอยู่ที่วัดฮู่กั๋ว
สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดมากที่สุดก็คือขนมที่ห้องครัวของวัดฮู่กั๋วทำนั้นไม่อร่อยเลยเช่นกัน
“ข้าเกือบลืมไปเลย พี่จวินเฉา ท่านถูกคนจับตัวไปได้อย่างไรกัน?” มู่ไป๋ไป่กินขนมชิ้นสุดท้ายเสร็จจนท้องป่องก่อนจะเริ่มคิดถึงธุระที่ตนมาที่นี่
“เอ่อ… มันเป็นเรื่องบังเอิญน่ะ” เสิ่นจวินเฉาเล่าให้เด็กหญิงฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เขาไปช่วยเสี่ยวฮวา “ตอนที่ข้าตื่นขึ้นมา ข้าก็อยู่ในจวนหลังนั้นแล้ว”
“แต่น่าแปลกที่ว่าคนพวกนั้นลักพาตัวเด็กไปแล้วไม่ได้ทำร้ายพวกเด็ก ๆ เลย”
“พวกมันนำอาหารแสนอร่อยมามอบให้กับพวกเด็ก ๆ มอบเสื้อผ้าสะอาดให้พวกเขาใส่ ทำให้เด็กหลาย ๆ คนรู้สึกสบายใจและยังมีความคิดที่จะอยู่ที่นั่นให้นานที่สุดอีกด้วย”
มู่ไป๋ไป่จำตอนที่เห็นเด็กพวกนั้นได้ มันเป็นอย่างที่เสิ่นจวินเฉาพูดจริง ๆ “มันแปลกมากจริง ๆ…”
“ใช่ แต่เรื่องพวกนี้คงไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างเราจะเข้าใจ” เด็กชายหยิบยกหัวข้ออื่นขึ้นมาพูด “ในเมื่อเรื่องนี้ส่งต่อให้ศาลต้าหลี่ดูแลแล้ว ข้าเชื่อว่าเราจะค้นพบจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนกลุ่มนั้นได้ในไม่ช้า”
“เป็นข้าที่ไร้ความสามารถ ครั้งนี้ข้าอยากจะขอบคุณเจ้าจากใจจริง”
เสิ่นจวินเฉายืนขึ้นและโค้งคำนับให้กับมู่ไป๋ไป่อย่างเป็นทางการ ทำให้พ่อบ้านที่รออยู่ด้านข้างรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
“พี่จวินเฉา ท่านอย่าได้สุภาพกับข้าเลย” คนตัวเล็กรู้สึกขัดเขิน “ข้าเพียงแค่บังเอิญผ่านไปเท่านั้น”