ตอนที่ 60 : ติดต่อ
.
.
เฉินหลิงเดินไปประมาณสี่สิบห้าสิบเมตร จู่ๆ ก็หันหลังกลับแล้วเลี้ยวเข้าไปในห้องน้ำสาธารณะบริเวณใกล้เคียง
.
เฉินหลิงมองอย่างเป็นธรรมชาติไปยังแผงขายของชำเล็กๆ เพื่อหาวิธี แต่ท่าเรือวินเทอร์มีขนาดใหญ่มาก ภายใต้สายตาของผู้พิทักษ์ทั้งสามกับหมายเลข 8 เขาไม่สามารถเดินไปพูดคุยกับเถ้าแก่แผงขายของชำได้ตรงๆ
หากต้องการติดต่อกับสมาชิกสมาคมสนธยาผู้ลึกลับ เขาจำเป็นต้องใช้วิธีที่ไม่สะดุดตามากกว่านี้
เฉินหลิงเดินตามเด็กชายผู้โชคดีคนหนึ่งไป เมื่อเขาเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่กั้นไว้ เตรียมตัวจะนั่งยองๆ บนโถส้วม ชั่วพริบตาเขาก็ถูกฟาดจนหมดสติ จากนั้นเด็กชายก็ถูกลากไป และก็ประตูก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว...
เมื่อประตูเปิดอีกครั้ง เฉินหลิงก็ได้กลายเป็นเด็กคนนั้นแล้ว
เฉินหลิงจัดคอเสื้อที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยให้เข้าที่ ก่อนก้าวออกจากห้องน้ำเดินตรงไปยังแผงขายของชำ
"หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ของเล่น ไพ่โป๊กเกอร์...รับอะไรมั้ยคะ ฉันจะเลิกงานแล้วนะ~"
"สวัสดีครับ ผมอยากจะเขียนจดหมายถึงแม่…"
ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังหาว จู่ๆ เสียงเด็กคนหนึ่งก็ดังขึ้น
เธอมองลงไปก็เห็นดวงตากลมโตคู่หนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยความไร้เดียงสากำลังจ้องมองเธออย่างน่าเวทนา
"สหายตัวน้อย มีอะไรให้ฉันช่วย..."
"แม่ของผมเป็นโรคหัวใจ ผมอยากให้แม่มีความหวังบ้าง" ไม่รอให้ผู้หญิงคนนั้นพูด เด็กชายก็พูดต่อว่า "บนตัวผมเหลือเงินแค่หกเหรียญ คุณช่วยส่งจดหมายให้หน่อยได้มั้ยครับ?"
หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ความประหลาดใจก็แวบขึ้นมาในดวงตาของผู้หญิงคนนั้น เธอยิ้มทันทีและผลักปากกากับกระดาษให้เด็กชาย
"แน่นอนว่าได้! นายก็เขียนมันที่นี่เลย"
"ขอบคุณครับ"
เด็กชายหยิบปากกาขึ้นมา แล้วเขียนข้อความลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
.
[ผู้ช่วงชิงเปลวไฟแอบเข้ามาในทีม ปราชญ์จอมโจร ไป๋เย่ ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเพื่อสนับสนุน! ]
.
หลังจากเขียนคำสุดท้าย เขาก็พับกระดาษทันทีแล้วยื่นให้ผู้หญิงคนนั้น ในเวลาเดียวกันผู้คุมกฎหลายคนเดินผ่านเขาตรงดิ่งไปยังท่าเรือซึ่งเป็นจุดนัดหมาย
ผู้คุมกฎจากเขตสี่มาถึงแล้ว
เมื่อเด็กชายเห็นดังนั้น ก็มองผู้หญิงคนนั้นอย่างเคร่งขรึมแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมสนธยา แต่เหมือนกับคนที่อยู่ร้านขายของชำเสี่ยวฟางในเขตสาม เธอมีหน้าที่ในการส่งข้อมูลเท่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่เห็นสมาชิกที่มาพบเขาด้วยตนเอง แต่เขาก็รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้จะส่งต่อข้อมูลของเขาไปให้อีกฝ่ายแน่นอน
ด้วยวิธีนี้ทางด้านสมาคมสนธยาก็สามารถเตรียมความพร้อมได้ ไม่ต้องพูดถึงการส่งสมาชิกของสมาคมอีกคนที่สามารถจัดการกับปราชญ์จอมโจร ไป๋เย่มา อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าตัวเขาจะปลอดภัย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเฉินหลิงก็รู้สึกสงบขึ้นไม่น้อย
เขากลับเข้าไปในห้องน้ำ เปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนเอง แล้วเดินอย่างสงบไปยังจุดนัดหมาย...
ในเวลาเดียวกัน
ผู้หญิงที่แผงขายของชำกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง
เธอนำกระดาษลงไปใต้โต๊ะ ก่อนจะค่อยๆ คลี่มันออก... จากนั้นเธอก็ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
บนกระดาษแผ่นใหญ่ มีตัวหนังสือสีเลือดขนาดใหญ่เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น
.
[ไปตายซะ]
.
ผู้หญิงคนนั้น:?
.
.......
.
[ค่าความคาดหวังของผู้ชม +5]
.
.
ทันทีที่เขาเห็นข้อความเหล่านี้ปรากฏขึ้น หัวใจของเฉินหลิงก็เต้นรัว
หากความคาดหวังของผู้ชมพุ่งสูงขึ้นโดยไม่มีเหตุผล มันคงไม่ใช่เรื่องดี...นี่มาจากประสบการณ์ที่เฉินหลิงสั่งสมมาเป็นเวลานาน
เฉินหลิงพยายามค้นหาเบาะแสบางอย่างรอบตัวเขา แต่ก็ไม่พบสิ่งใดเลย ไม่มีอันตรายใดๆ เขาเดินไปรอบๆ ท่าเรืออยู่พักหนึ่งด้วยกลัวว่าจะมีคนแอบทำรูขนาดใหญ่ไว้ที่ก้นเรือ
เมื่อผู้คุมกฎเขตสี่มาถึง ผู้พิทักษ์ทั้งสามคนจึงเรียกให้ทุกคนมารวมตัวกันแล้วขึ้นเรือทีละคน
"คนที่มาจากเมืองออโรร่ามีมากจริงๆ ...เกือบครึ่งหนึ่งแน่ะ" จงเหยากวงอดไม่ได้ที่จะพูดเมื่อเห็นผู้คุมกฎจำนวนมากมารวมตัวกัน
"ปกติ" ผู้ช่วงชิงเปลวไฟอีกคนตอบอย่างใจเย็น "เมืองออโรร่าคือศูนย์กลางของอาณาจักรออโรร่า เป็นเมืองที่ผูกขาดทรัพยากรในอาณาจักรถึง 80% ในการออกแบบเบื้องต้นเขตหลักทั้งเจ็ดเขต ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับโรงงานส่วนปลายของเมืองออโรร่าเท่านั้น"
"ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า พวกเขายังเต็มใจที่จะมอบทรัพยากรให้ทั้งเจ็ดเขต…นี่ก็ไม่เลวแล้ว"
เฉินหลิงมองตามพวกเขาและเห็นผู้คุมกฎกลุ่มใหญ่รออยู่ที่ด้านข้างของเรือพร้อมที่จะขึ้นเรือ เมื่อมองแวบแรกมีคนอยู่บนเรืออย่างน้อยสามสิบคน
พวกเขาพูดคุยกันโดยไม่ได้มองผู้คุมกฎจากเจ็ดเขตที่อยู่รอบตัวพวกเขาด้วยซ้ำ ตรงกันข้ามกับผู้คุมกฎจากเขตอื่นต่างมองพวกเขาด้วยความอิจฉาและชื่นชม
ในความเป็นจริง เพียงแค่ดูจากอุปนิสัยก็สามารถบอกความแตกต่างระหว่างผู้คุมกฎของเมืองออโรร่ากับผู้คุมกฎจากเขตอื่นได้ ลักษณะท่าทางของพวกนั้นมีบรรยากาศของความมั่นใจในทุกการเคลื่อนไหว เมื่อเทียบกับพวกเขาและคนอื่นๆ จากทั้งเจ็ดเขต พวกเขาก็เหมือนคนบ้านนอกที่บังเอิญสวมชุดแบบเดียวกันเท่านั้น
ขณะนี้ ในบรรดาผู้คุมกฎจำนวนมากในเมืองออโรร่า มีอยู่สามคนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ
เหตุผลที่พวกเขาโดดเด่นก็เพราะทั้งสามคนไม่ได้สวมเครื่องแบบสีดำแดง คนหนึ่งสวมเสื้อผ้าสีดำกับกางเกงขายาวสีดำ คนหนึ่งสวมเครื่องประดับมีค่าทั้งตัว และอีกคนถือพัดและกำลังพัดสบายๆ ท่ามกลางลมหนาว
พวกเขาทั้งสามยืนอยู่ด้านหน้า ไม่มีใครกล้าก้าวเข้าไปอยู่บริเวณใกล้ตัวพวกเขา แม้แต่ผู้พิทักษ์สามคนจากเมืองออโรร่าก็ล้วนแต่จงใจปล่อยตำแหน่งของพวกนั้นให้อยู่เหนือกว่าพวกตน
"สามคนนั้นเป็นใคร" ผู้ช่วงชิงเปลวไฟถามอย่างสงสัย
"คนเสื้อดำกางเกงดำน่าจะเป็นหลู่ซวนหมิง พ่อของเขาเป็นหนึ่งในห้าผู้พิทักษ์เจ็ดแถบของเมืองออโรร่าและมีตำแหน่งสูง คนที่ถือพัดคือผูเหวิน ว่ากันว่าครอบครัวของพวกเขาเป็นตระกูลเก่าแก่ของเส้นทางสู่เทพเจ้าวิถีตำราและย้ายมาจากอาณาจักรอื่น..."
"ตระกูลแห่งวิถีตำรา แล้วจะเข้าคลังโบราณวิถีทหารไปทำไม?"
"ฉันก็ไม่รู้..."
"แล้วคนที่สวมเครื่องประดับมีค่าเต็มตัวนั่นล่ะ?"
"เขา..." จงเหยากวงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าเขาค้นพบอะไรบางอย่าง ก่อนจะนำหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งซื้อขึ้นมาแล้วเบิกตากว้าง "ฉันก็ว่าทำไมถึงดูคุ้นๆ เขาก็คือนายน้อยสามแห่งกลุ่มหอการค้าดวงดาว เหยียนซีไฉ"
ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
เฉินหลิงหรี่ตาลง เขาจงใจทำเสียงให้สูงเหมือนคนตกใจ "เขาก็คือคนที่นอนกับป้าใหญ่?!"
"เงียบหน่อย" หมายเลข 8 ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มขมวดคิ้ว "อย่าสร้างปัญหา"
ในเวลาเดียวกันนั้น หลู่ซวนหมิงในชุดสีดำซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุด มองมายังเขตสามแล้วพูดอย่างสบายๆ
"เหยียนซีไฉ การกระทำอันทรงเกียรติของนายแพร่กระจายไปนอกเมืองออโรร่าแล้ว...ในเรื่องความนิยม เราสู้นายไม่ได้จริงๆ "
ใบหน้าของเหยียนซีไฉดูน่าเกลียดอย่างมาก เขาพูดอย่างเดือดดาล จ้องเขม็งไปยังทุกคนในเขตสาม
"แม่มันเถอะ! กลับไปฉันจะทำให้ออโรร่าเดลี่เจ๊งซะ ไอ้สารเลวกลุ่มนี้ชอบโยนหินใส่คนที่ตกลงไปในบ่อ*!"
"ถ้าอย่างนั้นนายควรก้าวเข้าสู่วิถีทหารก่อน ไม่อย่างนั้นนายจะถูกไล่ออกจากประตูบ้านทันทีที่นายกลับไป"
"กลัวอะไร ครั้งนี้น้องผูอยู่ที่นี่ ฉันไม่เชื่อว่าจะเข้าสู่เส้นทางเทพเจ้าไม่ได้หรอก..."
"เอาล่ะ รีบลงเรือซะ"
ขณะที่ผู้คุมกฎของเมืองออโรร่าขึ้นเรือ คนอื่นๆ ก็ตามมา เมื่อเทียบกับจำนวนผู้คนในเขตอื่นแล้ว เขตสาม เขตห้าและเขตหกเมื่อรวมกันแล้วได้แปดคนก็ค่อนข้างดูกระจอกงอกง่อย
หลังจากยืนยันว่าจำนวนคนถูกต้อง ผู้พิทักษ์พยักหน้าเล็กน้อยส่งสัญญาณให้เรือออกเดินทาง ท่ามกลางเสียงนกหวีด เรือแล่นช้าๆ ไปยังใจกลางทะเลน้ำแข็ง
.
ทันทีที่เฉินหลิงก้าวขึ้นไปบนเรือ เขาก็ได้ยินเสียงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ดังมาจากตรงกลางดาดฟ้าเรือ
"เฮ้ นายน่ะ!"
เฉินหลิงหันกลับมาก็เห็นเหยียนซีไฉยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้ามืดครึ้ม
"ใช่ ฉันเพิ่งเรียกนาย...มานี่สิ"
เมื่อเห็นเฉินหลิงถูกเหยียนซีไฉหยุดไว้ คนที่ประหม่าที่สุดไม่ใช่เฉินหลิง แต่เป็นผู้ช่วงชิงเปลวไฟหลายคนที่อยู่ด้านข้าง พวกเขาตกใจและก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี...
เมื่อเห็นฉากนี้ รอยยิ้มที่มองไม่เห็นปรากฏบนดวงตาของเฉินหลิง
ปลาติดเบ็ดแล้ว
.
.
.
落井下石 luòjǐngxiàshí โยนหินใส่คนที่ตกลงไปในบ่อ (ซ้ำเติมคนอื่น/ฉวยโอกาสซ้ำเติมผู้อื่นในยามที่ผู้อื่นตกอยู่ในอันตราย)