ตอนที่แล้วตอนที่ 114
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 116

ตอนที่ 115


ตอนที่  115

ครึ่งวันให้หลัง...

"หม้อหมื่นวิถี..." ฟางซิงจ้องมองหม้อทองสัมฤทธิ์สามขาตั้งตระหง่านตรงหน้า

นี่คือ 'โอกาสอันยิ่งใหญ่' ที่อาจารย์ว่านฝ่าทิ้งไว้ให้ หม้อวิเศษที่เรียกว่า 'หม้อหมื่นวิถี'  ที่อาจารย์ว่านฝ่าผู้มีจิตวิญญาณพิเศษได้มาโดยบังเอิญจากดินแดนลับ  หม้อนี้สามารถใช้หลอมสร้างรากฐานและปรุงยาอายุวัฒนะได้  อาจารย์ว่านฝ่าใช้มันฝึกฝนจนกระทั่งสำเร็จวิชาปรุงยา!

"หม้อนี้ช่างหายากยิ่ง  มีประโยชน์มากในการเล่นแร่แปรธาตุและหลอมสร้างอาวุธ  ขั้นตอนแรกคือการทำให้วัตถุดิบบริสุทธิ์..."

ไม่ว่าจะเป็นยาอายุวัฒนะหรือเครื่องมือวิเศษ  การกำจัดสิ่งเจือปนในแร่หรือสมุนไพรล้วนเป็นขั้นตอนสำคัญ

แต่ด้วยพลังของหม้อหมื่นวิถี  ขั้นตอนนี้แทบจะไม่จำเป็นมนัช่วยประหยัดเวลาและแรงกายไปได้มาก

ยิ่งไปกว่านั้นการใช้ 'หม้อหมื่นวิถี' ปรุงยาอายุวัฒนะ  จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จและปริมาณยาที่ได้

ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือการใช้ยาอายุวัฒนะนานๆจะทำให้เกิดพิษสะสม แต่หม้อหมื่นวิถีมีคุณสมบัติ 'อุ่นและบำรุง' เพียงแค่เก็บยาอายุวัฒนะไว้ในหม้อ พิษก็จะสลายไปกลายเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศแทน!

"ดูเหมือนว่าอาจารย์ว่านฝ่าจะมีพรสวรรค์ต่ำต้อยแต่ก็ฝึกฝนจนสำเร็จได้...ด้วยการพึ่งยา"

ฟางซิงไม่ได้รังเกียจหากพรสวรรค์ไม่มากพอการใช้ยาก็เป็นอีกหนทางหนึ่ง

แม้แต่วิชาฝีมือที่ว่ากันว่าใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดแต่ในขั้นสูงก็ยังต้องพึ่งยาอยู่ดี

เขาหลับตาและทบทวนความทรงจำของจิตวิญญาณที่เขาดูดกลืนมา

ปรากฏว่าอาจารย์ว่านฝ่าพึ่งพายาอายุวัฒนะเป็นหลักในการทะลวงเเละเสริมพลังปราณ  เขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสี่มีความรู้เรื่องสูตรยาอยู่มากมาย

เมื่อฟางซิงรวบรวมความรู้เหล่านั้น มันก็กลายเป็นตำราเล่นแร่แปรธาตุที่ล้ำค่า  มีสูตรยาที่แม้แต่นิกายใหญ่ๆก็ต้องแย่งชิงกัน!

"ในตำรา 'ว่านฝ่าตันสูตร' นี้  ส่วนใหญ่เป็นยาอายุวัฒนะเสริมพลังปราณและทะลวงขีดจำกัด... มียาที่เหมาะกับขั้นฝึกปราณมากมาย  เช่น 'จิงหยวนตัน', 'เจิงหยวนตัน', 'เป่ยหยวนตัน'  และยังมียาชนิดพิเศษสำหรับทะลวงขั้นฝึกปราณระดับสามไปสี่และระดับหกไปเจ็ดอีกด้วย!"

"แต่ถ้าอยู่ในขั้นสร้างรากฐานหรือขั้นแก่นทองคำร่างกายก็น่าจะแข็งแกร่ง พลังปราณไหลเวียนสะดวกการทะลวงขีดจำกัดในขั้นนี้จำเป็นที่จะต้องใช้ยาเฉพาะทางจริงๆแต่ว่าขั้นฝึกปราณตอนต้นเน้นแค่การฝึกปราณ จำเป็นต้องใช้ยาทะลวงขั้นด้วยเหรอ ?"

ฟางซิงอดบ่นไม่ได้

ก่อนหน้านี้การทะลวงขั้นของเขาง่ายดายเหมือนดื่มน้ำ

แต่เมื่อนึกถึงพรสวรรค์ของอาจารย์ว่านฝ่า  เขาก็เข้าใจขึ้นมาบ้าง

พรสวรรค์ต่ำต้อยเช่นนั้นคงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเสริมพลัง!

"ส่วนผสมหลักของเจิงหยวนตันคือ 'หญ้าเซียนกัดกร่อน'  มีสมุนไพรเสริมหลายอย่างเลยที่เหมาะกับฉันตอนนี้..."

ฟางซิงคิด  ดูเหมือนว่าเขาต้องศึกษาวิชาเล่นแร่แปรธาตุเสียแล้ว

แม้ว่าอาจารย์ว่านฝ่าจะเชี่ยวชาญทั้งยันต์และการหลอมสร้างอาวุธแต่ฟางซิงกลับสนใจวิชาเล่นแร่แปรธาตุมากกว่า

เหตุผลแรกคือเขามี 'หม้อหมื่นวิถี' อยู่ในมือและจะไม่ใช้ปรุงยาอายุวัฒนะก็กระไรอยู่

อย่างที่สองคือทั้งยันต์และอาวุธล้วนไม่เป็นที่นิยมเท่าวิชาเล่นแร่แปรธาตุ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสร้างยันต์!

ฟางซิงใช้ชีวิตอยู่ในเมืองชิงหลินฟางมานานและรู้ดีว่านักฝึกตนส่วนใหญ่มักเลือกเรียนวิชาสร้างยันต์  ทำให้การแข่งขันสูงมาก!

ในโลกแห่งเซียน  ฐานะของนักสร้างยันต์ด้อยกว่านักเล่นแร่แปรธาตุอยู่มาก!

"ถ้าวันข้างหน้ามีใครคิดว่าฉันเป็นแค่นักเล่นแร่แปรธาตุและคิดจะรังแกฉันได้ง่ายๆ... ฉันจะชักดาบออกมาฟาดให้มันรู้ว่าวิชาดาบของฉันก็ไม่ธรรมดา!"

ฟางซิงลูบคาง  จินตนาการถึงภาพนั้นและรู้สึกสะใจขึ้นมาอย่างประหลาด

ส่วนคำถามที่ว่าผู้มีรากวิญญาณทองคำจะปรุงยาได้หรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว  นักฝึกตนมีพลังปราณหลากหลายสามารถร่ายเวทมนตร์ธาตุทั้งห้า  ย่อมปรุงยาอายุวัฒนะได้อยู่แล้ว

"เพียงแต่ผู้ฝึกฝนวิชาธาตุไฟจะมีพรสวรรค์ในการควบคุมเปลวไฟ  ส่วนผู้ฝึกฝนวิชาธาตุไม้จะเชี่ยวชาญการแยกแยะสมุนไพร...  ขอเพียงมีพลังปราณและจิตวิญญาณใครๆก็ปรุงยาได้"

ฟางซิงยื่นมือสัมผัสหม้อหมื่นวิถี  คิดถึงตอนที่มันหายสาบสูญไปและสุดท้ายก็กลับมาอยู่ในมือเขาได้

เขาทบทวนสูตรยาในใจหลายต่อหลายครั้ง  จากนั้นใช้มือขวากดลงบนหม้อถ่ายเทพลังปราณเข้าไป

ฮึ่ม!

ทันใดนั้น  ภายในหม้อก็มีแสงสีเงินส่องสว่าง!

แสงสีเงินหมุนวน  ดูดกลืนพลังงานรอบข้าง...  ในที่สุดก็รวมตัวกันเป็นลูกไฟสีเงินขนาดเท่าไข่ไก่!

"เปลวไฟวิญญาณหมื่นวิถี จุดติดแล้ว!"

ฟางซิงสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิอันน่าสะพรึงกลัวภายในหม้อและพึมพำกับตัวเอง

'เปลวไฟวิญญาณหมื่นวิถี' นี้  คือกุญแจสำคัญที่ทำให้หม้อหมื่นวิถีสามารถชำระล้างวัตถุดิบและกำจัดสิ่งเจือปนได้

แม้จะไม่โด่งดังในโลกแห่งเซียนแต่อาจารย์ว่านฝ่ากลับยกย่องมันไม่แพ้เปลวสุริยันและเปลวไท่หยินอันเลื่องชื่อ

ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะมีพลังปราณระดับสูงส่งแต่อาจารย์ว่านฝ่าก็ไม่สามารถดึง 'เปลวไฟวิญญาณหมื่นวิถี' เข้าสู่ร่างกายได้

"อาจารย์ว่านฝ่าเคยคาดการณ์ไว้ว่าหม้อทองสัมฤทธิ์นี้อาจเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับกักเก็บและใช้งาน 'เปลวไฟวิญญาณหมื่นวิถี'"

ฟางซิงไม่รอช้าหยิบ 'หญ้าเซียนกัดกร่อน' ใส่ลงไปในหม้อที่ร้อนระอุ

ฉึก!

ไม่นานนักเปลวไฟสีเงินก็โหมกระหน่ำเผาผลาญหญ้าเซียนกัดกร่อนจนมอดไหม้

"ไม่ได้ผล!"

จิตวิญญาณของฟางซิงตื่นตระหนก  "ฉันควบคุมไฟพลาดแล้ว..."

แน่นอน หญ้าเซียนกัดกร่อนถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไม่เหลือแม้แต่เศษผง

"ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมนักฝึกตนส่วนใหญ่ถึงรู้ว่าวิชาเล่นแร่แปรธาตุนั้นมีเกียรติเพราะยาอายุวัฒนะนั้นสร้างยากแต่ก็ขายได้ราคาดี...แต่กลับมีน้อยคนนักที่คิดจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ"

เขาพึมพำแล้วลองปรุงยาอีกครั้ง

ทว่า  ในถิ่นรกร้างเช่นนี้การหาสมุนไพรได้ก็ยากยิ่ง!

เขาทำได้เพียงกำหนดจุดหมายแล้วปล่อยให้โดรนออกไปเก็บสมุนไพร

โชคดีที่เมืองชิงหลินฟางกลายเป็นเมืองร้างไม่มีนักฝึกตนอยู่ใกล้ๆแม้แต่นักปรุงยาระดับแก่นทองคำก็หนีไปแล้ว  เขาจึงไม่ต้องเกรงกลัวใคร

หลังจากลองผิดลองถูกและเผา 'หญ้าเซียนกัดกร่อน' ทิ้งไปหลายสิบต้นในที่สุดฟางซิงก็ควบคุมเปลวไฟได้  สมุนไพรค่อยๆละลายกลายเป็นหยดน้ำสีเขียวภายใต้เปลวเพลิงสีเงิน

"หืม?  พลัง 'หลอมละลาย' ของเปลวไฟวิญญาณนี้โคตรน่าทึ่ง"

ฟางซิงรู้สึกพึงพอใจเมื่อเห็นหยดน้ำสมุนไพร

ตามที่บันทึกไว้ใน "ว่านฝ่าตันสูตร"  หากนักเล่นแร่แปรธาตุทั่วไปต้องการสกัดคุณสมบัติยาออกมาเช่นนี้  ต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายปี

แต่เขาเพียงแค่ควบคุมเปลวไฟและเผาสมุนไพรสบายๆก็สามารถสกัดคุณสมบัติยาออกมาได้อย่างง่ายดาย

หากมีฝีมือเช่นนี้เขาสามารถไปสมัครเป็นลูกมือของนักเล่นแร่แปรธาตุได้อย่างสบาย...

คิดได้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่านอกจากฝึกวิชาแล้วจะต้องแบ่งเวลาศึกษาวิชาเล่นแร่แปรธาตุทุกวัน

อย่างไรก็ตาม  ตราบใดที่ไม่กลัวเปลืองสมุนไพรและลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆสักวันก็ต้องสำเร็จอยู่ดี

แม้จะไม่ต้องสนใจคุณภาพมากนักแต่ขอแค่ปรุงเป็นยาเม็ดได้ก็พอ!

เมื่อปรุงยาสำเร็จแม้ยาจะมีคุณภาพต่ำแต่ก็ยังสามารถใช้หม้อหมื่นวิถีช่วยแก้ไขได้

แน่นอนว่าหม้อหมื่นวิถีก็มีขีดจำกัด  หากยาอายุวัฒนะมีพิษมากเกินไป  หม้อก็ช่วยได้เพียงแค่ปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

"สำหรับฉันแล้ว  หากกินยาคุณภาพปานกลาง...  ก็น่าจะพอใช้ฝึกฝนได้"

"แต่ว่าเก็บไว้ขายก็ดีเหมือนกัน...  หรือว่าจะไว้ใช้พิสูจน์ว่าฉันเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุก็ได้"

"เมื่อฝีมือดีขึ้น คุณภาพยาก็จะสูงขึ้น  หม้อหมื่นวิถีก็ช่วยขจัดพิษได้และฉันก็จะกินเอง...  ส่วนการฝึกฝนคงจะเร็วขึ้นอีกมาก"

ฟางซิงครุ่นคิดถึงหนทางการฝึกฝนของตน

หลังจากเข้าสู่ขั้นกลางแห่งการฝึกปราณ  แม้การพัฒนาจะไม่รวดเร็วเท่าช่วงแรกแต่ทุกครั้งที่นั่งสมาธิ  เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณที่เพิ่มพูนขึ้น

นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของรากวิญญาณระดับฟ้า!

"โดยทั่วไป  ผู้ฝึกตนมีคำกล่าวว่าการสร้างรากฐานควรเสร็จสิ้นก่อนอายุหกสิบปี  แต่ในเมืองนี้แม้จะมีผู้ฝึกตนมากมายที่อายุเกินหกสิบปีและส่วนใหญ่ยังคงติดอยู่ในขั้นกลางแห่งการฝึกปราณหรือแม้แต่ขั้นต้น  นั่นคือความเศร้าของผู้มีรากวิญญาณที่ต่ำต้อย..."

"ในโลกแห่งการฝึกตนรากวิญญาณแบ่งออกเป็น  ต่ำ  กลาง  สูง  ดิน  ฟ้า...  ยิ่งมีแค่คุณสมบัติเดียวก็ยิ่งดูดซับพลังวิญญาณได้บริสุทธิ์มากขึ้นแต่คนที่มีรากวิญญาณผสมถือว่าต่ำต้อยที่สุด"

"ส่วนฉันมีรากวิญญาณฟ้าขั้นเดียว...  เป็นคุณสมบัติที่ดีที่สุดและเป็นต้นกำเนิดแห่งวิถีปรุงยาในอนาคต"

"ดูเหมือนว่าหากไม่นับทักษะวิชาเส้นเลือดวิญญาณและยาอายุวัฒนะ  ผู้มีรากวิญญาณต่ำต้อยยากที่จะบรรลุขั้นสูงสุดแห่งการฝึกปราณก่อนอายุหกสิบปี"

"แต่รากวิญญาณระดับกลางก็พอมีความหวังอยู่บ้าง"

"รากวิญญาณระดับสูงมีโอกาสฝึกฝนขั้นพื้นฐานจนสำเร็จได้ในช่วงสามสิบถึงสี่สิบปี  หากใช้ยาอายุวัฒนะและเส้นเลือดวิญญาณช่วยก็จะยิ่งรวดเร็วขึ้น!"

"ส่วนรากวิญญาณดิน...  ฉันก็ไม่รู้"

"แต่ด้วยรากวิญญาณฟ้าของฉัน  แม้ในดินแดนไร้เส้นเลือดวิญญาณเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องกินยาเพียงแค่ดูดซับพลังวิญญาณจากสวรรค์และโลกฉันก็สามารถฝึก 'วิชาแปรเปลี่ยนทองคำ' จนถึงขั้นสูงสุดแห่งการฝึกปราณได้ภายในสามถึงสี่ปี..."

ฟางซิงประเมินความเร็วในการฝึกฝนของตน

"แต่ฉันไม่ใช่ผู้มีรากวิญญาณฟ้าธรรมดาฉันเหนือกว่านั้น  ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังมีวิชาหลอมยาเป็นวิชาที่นักฝึกตนหลายคนไม่อาจพบเจอได้ตลอดชีวิต..."

"หากฉันปรุงยาอายุวัฒนะชั้นเลิศมาช่วยความเร็วในการฝึกฝนก็จะยิ่งทวีคูณ"

"ในแง่ของระดับรากฐานแห่งวิถีเซียนเทียบเท่ากับขั้นพลังพิเศษของวิทยายุทธมั้ง?"

"ดูเหมือนว่าความเร็วในการทะลวงขั้นของฉันจะไม่ต่างกัน..."

อย่างไรก็ตาม  หลังจากเริ่มฝึกฝนวิถีเซียนฟางซิงก็พบว่าพลังต่อสู้ของนักฝึกตนในระดับเดียวกันอาจแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

"ตอนนี้ฉันไม่ต้องรีบร้อนทะลวงขั้น...  ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็พอ"

"อีกไม่นานพวกเราก็จะถึงบลูสตาร์แล้ว"

ฟางซิงมองออกไปนอกหน้าต่าง  ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

-

ภายในห้องโดยสารยานอวกาศ

ฟางซิงนอนหลับสนิท

เขาต้องแสร้งทำเป็นเช่นนี้เพราะหากอยู่ๆหายตัวไปจากยาน คนอื่นๆจะต้องสงสัย!

ดังนั้น  ร่างกายที่แท้จริงของเขาจึงอยู่ที่นี่ตลอดเพียงแต่จิตสำนึกส่วนใหญ่อยู่ที่ร่างแยกเซียน

เมื่อลืมตาขึ้นเขาก็จะถึงโลกภายนอกแล้ว

"ลูกพี่  ในที่สุดก็ออกจากการจำศีลแล้วสินะ!"

ซ่งจิงกังชี้นิ้วออกไปนอกหน้าต่าง  ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น  "ดูสิ นั่นบลูสตาร์!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด