ตอนที่ 115
ตอนที่ 115
ครึ่งวันให้หลัง...
"หม้อหมื่นวิถี..." ฟางซิงจ้องมองหม้อทองสัมฤทธิ์สามขาตั้งตระหง่านตรงหน้า
นี่คือ 'โอกาสอันยิ่งใหญ่' ที่อาจารย์ว่านฝ่าทิ้งไว้ให้ หม้อวิเศษที่เรียกว่า 'หม้อหมื่นวิถี' ที่อาจารย์ว่านฝ่าผู้มีจิตวิญญาณพิเศษได้มาโดยบังเอิญจากดินแดนลับ หม้อนี้สามารถใช้หลอมสร้างรากฐานและปรุงยาอายุวัฒนะได้ อาจารย์ว่านฝ่าใช้มันฝึกฝนจนกระทั่งสำเร็จวิชาปรุงยา!
"หม้อนี้ช่างหายากยิ่ง มีประโยชน์มากในการเล่นแร่แปรธาตุและหลอมสร้างอาวุธ ขั้นตอนแรกคือการทำให้วัตถุดิบบริสุทธิ์..."
ไม่ว่าจะเป็นยาอายุวัฒนะหรือเครื่องมือวิเศษ การกำจัดสิ่งเจือปนในแร่หรือสมุนไพรล้วนเป็นขั้นตอนสำคัญ
แต่ด้วยพลังของหม้อหมื่นวิถี ขั้นตอนนี้แทบจะไม่จำเป็นมนัช่วยประหยัดเวลาและแรงกายไปได้มาก
ยิ่งไปกว่านั้นการใช้ 'หม้อหมื่นวิถี' ปรุงยาอายุวัฒนะ จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จและปริมาณยาที่ได้
ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือการใช้ยาอายุวัฒนะนานๆจะทำให้เกิดพิษสะสม แต่หม้อหมื่นวิถีมีคุณสมบัติ 'อุ่นและบำรุง' เพียงแค่เก็บยาอายุวัฒนะไว้ในหม้อ พิษก็จะสลายไปกลายเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศแทน!
"ดูเหมือนว่าอาจารย์ว่านฝ่าจะมีพรสวรรค์ต่ำต้อยแต่ก็ฝึกฝนจนสำเร็จได้...ด้วยการพึ่งยา"
ฟางซิงไม่ได้รังเกียจหากพรสวรรค์ไม่มากพอการใช้ยาก็เป็นอีกหนทางหนึ่ง
แม้แต่วิชาฝีมือที่ว่ากันว่าใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดแต่ในขั้นสูงก็ยังต้องพึ่งยาอยู่ดี
เขาหลับตาและทบทวนความทรงจำของจิตวิญญาณที่เขาดูดกลืนมา
ปรากฏว่าอาจารย์ว่านฝ่าพึ่งพายาอายุวัฒนะเป็นหลักในการทะลวงเเละเสริมพลังปราณ เขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสี่มีความรู้เรื่องสูตรยาอยู่มากมาย
เมื่อฟางซิงรวบรวมความรู้เหล่านั้น มันก็กลายเป็นตำราเล่นแร่แปรธาตุที่ล้ำค่า มีสูตรยาที่แม้แต่นิกายใหญ่ๆก็ต้องแย่งชิงกัน!
"ในตำรา 'ว่านฝ่าตันสูตร' นี้ ส่วนใหญ่เป็นยาอายุวัฒนะเสริมพลังปราณและทะลวงขีดจำกัด... มียาที่เหมาะกับขั้นฝึกปราณมากมาย เช่น 'จิงหยวนตัน', 'เจิงหยวนตัน', 'เป่ยหยวนตัน' และยังมียาชนิดพิเศษสำหรับทะลวงขั้นฝึกปราณระดับสามไปสี่และระดับหกไปเจ็ดอีกด้วย!"
"แต่ถ้าอยู่ในขั้นสร้างรากฐานหรือขั้นแก่นทองคำร่างกายก็น่าจะแข็งแกร่ง พลังปราณไหลเวียนสะดวกการทะลวงขีดจำกัดในขั้นนี้จำเป็นที่จะต้องใช้ยาเฉพาะทางจริงๆแต่ว่าขั้นฝึกปราณตอนต้นเน้นแค่การฝึกปราณ จำเป็นต้องใช้ยาทะลวงขั้นด้วยเหรอ ?"
ฟางซิงอดบ่นไม่ได้
ก่อนหน้านี้การทะลวงขั้นของเขาง่ายดายเหมือนดื่มน้ำ
แต่เมื่อนึกถึงพรสวรรค์ของอาจารย์ว่านฝ่า เขาก็เข้าใจขึ้นมาบ้าง
พรสวรรค์ต่ำต้อยเช่นนั้นคงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเสริมพลัง!
"ส่วนผสมหลักของเจิงหยวนตันคือ 'หญ้าเซียนกัดกร่อน' มีสมุนไพรเสริมหลายอย่างเลยที่เหมาะกับฉันตอนนี้..."
ฟางซิงคิด ดูเหมือนว่าเขาต้องศึกษาวิชาเล่นแร่แปรธาตุเสียแล้ว
แม้ว่าอาจารย์ว่านฝ่าจะเชี่ยวชาญทั้งยันต์และการหลอมสร้างอาวุธแต่ฟางซิงกลับสนใจวิชาเล่นแร่แปรธาตุมากกว่า
เหตุผลแรกคือเขามี 'หม้อหมื่นวิถี' อยู่ในมือและจะไม่ใช้ปรุงยาอายุวัฒนะก็กระไรอยู่
อย่างที่สองคือทั้งยันต์และอาวุธล้วนไม่เป็นที่นิยมเท่าวิชาเล่นแร่แปรธาตุ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสร้างยันต์!
ฟางซิงใช้ชีวิตอยู่ในเมืองชิงหลินฟางมานานและรู้ดีว่านักฝึกตนส่วนใหญ่มักเลือกเรียนวิชาสร้างยันต์ ทำให้การแข่งขันสูงมาก!
ในโลกแห่งเซียน ฐานะของนักสร้างยันต์ด้อยกว่านักเล่นแร่แปรธาตุอยู่มาก!
"ถ้าวันข้างหน้ามีใครคิดว่าฉันเป็นแค่นักเล่นแร่แปรธาตุและคิดจะรังแกฉันได้ง่ายๆ... ฉันจะชักดาบออกมาฟาดให้มันรู้ว่าวิชาดาบของฉันก็ไม่ธรรมดา!"
ฟางซิงลูบคาง จินตนาการถึงภาพนั้นและรู้สึกสะใจขึ้นมาอย่างประหลาด
ส่วนคำถามที่ว่าผู้มีรากวิญญาณทองคำจะปรุงยาได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว นักฝึกตนมีพลังปราณหลากหลายสามารถร่ายเวทมนตร์ธาตุทั้งห้า ย่อมปรุงยาอายุวัฒนะได้อยู่แล้ว
"เพียงแต่ผู้ฝึกฝนวิชาธาตุไฟจะมีพรสวรรค์ในการควบคุมเปลวไฟ ส่วนผู้ฝึกฝนวิชาธาตุไม้จะเชี่ยวชาญการแยกแยะสมุนไพร... ขอเพียงมีพลังปราณและจิตวิญญาณใครๆก็ปรุงยาได้"
ฟางซิงยื่นมือสัมผัสหม้อหมื่นวิถี คิดถึงตอนที่มันหายสาบสูญไปและสุดท้ายก็กลับมาอยู่ในมือเขาได้
เขาทบทวนสูตรยาในใจหลายต่อหลายครั้ง จากนั้นใช้มือขวากดลงบนหม้อถ่ายเทพลังปราณเข้าไป
ฮึ่ม!
ทันใดนั้น ภายในหม้อก็มีแสงสีเงินส่องสว่าง!
แสงสีเงินหมุนวน ดูดกลืนพลังงานรอบข้าง... ในที่สุดก็รวมตัวกันเป็นลูกไฟสีเงินขนาดเท่าไข่ไก่!
"เปลวไฟวิญญาณหมื่นวิถี จุดติดแล้ว!"
ฟางซิงสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิอันน่าสะพรึงกลัวภายในหม้อและพึมพำกับตัวเอง
'เปลวไฟวิญญาณหมื่นวิถี' นี้ คือกุญแจสำคัญที่ทำให้หม้อหมื่นวิถีสามารถชำระล้างวัตถุดิบและกำจัดสิ่งเจือปนได้
แม้จะไม่โด่งดังในโลกแห่งเซียนแต่อาจารย์ว่านฝ่ากลับยกย่องมันไม่แพ้เปลวสุริยันและเปลวไท่หยินอันเลื่องชื่อ
ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะมีพลังปราณระดับสูงส่งแต่อาจารย์ว่านฝ่าก็ไม่สามารถดึง 'เปลวไฟวิญญาณหมื่นวิถี' เข้าสู่ร่างกายได้
"อาจารย์ว่านฝ่าเคยคาดการณ์ไว้ว่าหม้อทองสัมฤทธิ์นี้อาจเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับกักเก็บและใช้งาน 'เปลวไฟวิญญาณหมื่นวิถี'"
ฟางซิงไม่รอช้าหยิบ 'หญ้าเซียนกัดกร่อน' ใส่ลงไปในหม้อที่ร้อนระอุ
ฉึก!
ไม่นานนักเปลวไฟสีเงินก็โหมกระหน่ำเผาผลาญหญ้าเซียนกัดกร่อนจนมอดไหม้
"ไม่ได้ผล!"
จิตวิญญาณของฟางซิงตื่นตระหนก "ฉันควบคุมไฟพลาดแล้ว..."
แน่นอน หญ้าเซียนกัดกร่อนถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไม่เหลือแม้แต่เศษผง
"ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมนักฝึกตนส่วนใหญ่ถึงรู้ว่าวิชาเล่นแร่แปรธาตุนั้นมีเกียรติเพราะยาอายุวัฒนะนั้นสร้างยากแต่ก็ขายได้ราคาดี...แต่กลับมีน้อยคนนักที่คิดจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ"
เขาพึมพำแล้วลองปรุงยาอีกครั้ง
ทว่า ในถิ่นรกร้างเช่นนี้การหาสมุนไพรได้ก็ยากยิ่ง!
เขาทำได้เพียงกำหนดจุดหมายแล้วปล่อยให้โดรนออกไปเก็บสมุนไพร
โชคดีที่เมืองชิงหลินฟางกลายเป็นเมืองร้างไม่มีนักฝึกตนอยู่ใกล้ๆแม้แต่นักปรุงยาระดับแก่นทองคำก็หนีไปแล้ว เขาจึงไม่ต้องเกรงกลัวใคร
หลังจากลองผิดลองถูกและเผา 'หญ้าเซียนกัดกร่อน' ทิ้งไปหลายสิบต้นในที่สุดฟางซิงก็ควบคุมเปลวไฟได้ สมุนไพรค่อยๆละลายกลายเป็นหยดน้ำสีเขียวภายใต้เปลวเพลิงสีเงิน
"หืม? พลัง 'หลอมละลาย' ของเปลวไฟวิญญาณนี้โคตรน่าทึ่ง"
ฟางซิงรู้สึกพึงพอใจเมื่อเห็นหยดน้ำสมุนไพร
ตามที่บันทึกไว้ใน "ว่านฝ่าตันสูตร" หากนักเล่นแร่แปรธาตุทั่วไปต้องการสกัดคุณสมบัติยาออกมาเช่นนี้ ต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายปี
แต่เขาเพียงแค่ควบคุมเปลวไฟและเผาสมุนไพรสบายๆก็สามารถสกัดคุณสมบัติยาออกมาได้อย่างง่ายดาย
หากมีฝีมือเช่นนี้เขาสามารถไปสมัครเป็นลูกมือของนักเล่นแร่แปรธาตุได้อย่างสบาย...
คิดได้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่านอกจากฝึกวิชาแล้วจะต้องแบ่งเวลาศึกษาวิชาเล่นแร่แปรธาตุทุกวัน
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ไม่กลัวเปลืองสมุนไพรและลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆสักวันก็ต้องสำเร็จอยู่ดี
แม้จะไม่ต้องสนใจคุณภาพมากนักแต่ขอแค่ปรุงเป็นยาเม็ดได้ก็พอ!
เมื่อปรุงยาสำเร็จแม้ยาจะมีคุณภาพต่ำแต่ก็ยังสามารถใช้หม้อหมื่นวิถีช่วยแก้ไขได้
แน่นอนว่าหม้อหมื่นวิถีก็มีขีดจำกัด หากยาอายุวัฒนะมีพิษมากเกินไป หม้อก็ช่วยได้เพียงแค่ปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
"สำหรับฉันแล้ว หากกินยาคุณภาพปานกลาง... ก็น่าจะพอใช้ฝึกฝนได้"
"แต่ว่าเก็บไว้ขายก็ดีเหมือนกัน... หรือว่าจะไว้ใช้พิสูจน์ว่าฉันเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุก็ได้"
"เมื่อฝีมือดีขึ้น คุณภาพยาก็จะสูงขึ้น หม้อหมื่นวิถีก็ช่วยขจัดพิษได้และฉันก็จะกินเอง... ส่วนการฝึกฝนคงจะเร็วขึ้นอีกมาก"
ฟางซิงครุ่นคิดถึงหนทางการฝึกฝนของตน
หลังจากเข้าสู่ขั้นกลางแห่งการฝึกปราณ แม้การพัฒนาจะไม่รวดเร็วเท่าช่วงแรกแต่ทุกครั้งที่นั่งสมาธิ เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณที่เพิ่มพูนขึ้น
นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของรากวิญญาณระดับฟ้า!
"โดยทั่วไป ผู้ฝึกตนมีคำกล่าวว่าการสร้างรากฐานควรเสร็จสิ้นก่อนอายุหกสิบปี แต่ในเมืองนี้แม้จะมีผู้ฝึกตนมากมายที่อายุเกินหกสิบปีและส่วนใหญ่ยังคงติดอยู่ในขั้นกลางแห่งการฝึกปราณหรือแม้แต่ขั้นต้น นั่นคือความเศร้าของผู้มีรากวิญญาณที่ต่ำต้อย..."
"ในโลกแห่งการฝึกตนรากวิญญาณแบ่งออกเป็น ต่ำ กลาง สูง ดิน ฟ้า... ยิ่งมีแค่คุณสมบัติเดียวก็ยิ่งดูดซับพลังวิญญาณได้บริสุทธิ์มากขึ้นแต่คนที่มีรากวิญญาณผสมถือว่าต่ำต้อยที่สุด"
"ส่วนฉันมีรากวิญญาณฟ้าขั้นเดียว... เป็นคุณสมบัติที่ดีที่สุดและเป็นต้นกำเนิดแห่งวิถีปรุงยาในอนาคต"
"ดูเหมือนว่าหากไม่นับทักษะวิชาเส้นเลือดวิญญาณและยาอายุวัฒนะ ผู้มีรากวิญญาณต่ำต้อยยากที่จะบรรลุขั้นสูงสุดแห่งการฝึกปราณก่อนอายุหกสิบปี"
"แต่รากวิญญาณระดับกลางก็พอมีความหวังอยู่บ้าง"
"รากวิญญาณระดับสูงมีโอกาสฝึกฝนขั้นพื้นฐานจนสำเร็จได้ในช่วงสามสิบถึงสี่สิบปี หากใช้ยาอายุวัฒนะและเส้นเลือดวิญญาณช่วยก็จะยิ่งรวดเร็วขึ้น!"
"ส่วนรากวิญญาณดิน... ฉันก็ไม่รู้"
"แต่ด้วยรากวิญญาณฟ้าของฉัน แม้ในดินแดนไร้เส้นเลือดวิญญาณเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องกินยาเพียงแค่ดูดซับพลังวิญญาณจากสวรรค์และโลกฉันก็สามารถฝึก 'วิชาแปรเปลี่ยนทองคำ' จนถึงขั้นสูงสุดแห่งการฝึกปราณได้ภายในสามถึงสี่ปี..."
ฟางซิงประเมินความเร็วในการฝึกฝนของตน
"แต่ฉันไม่ใช่ผู้มีรากวิญญาณฟ้าธรรมดาฉันเหนือกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังมีวิชาหลอมยาเป็นวิชาที่นักฝึกตนหลายคนไม่อาจพบเจอได้ตลอดชีวิต..."
"หากฉันปรุงยาอายุวัฒนะชั้นเลิศมาช่วยความเร็วในการฝึกฝนก็จะยิ่งทวีคูณ"
"ในแง่ของระดับรากฐานแห่งวิถีเซียนเทียบเท่ากับขั้นพลังพิเศษของวิทยายุทธมั้ง?"
"ดูเหมือนว่าความเร็วในการทะลวงขั้นของฉันจะไม่ต่างกัน..."
อย่างไรก็ตาม หลังจากเริ่มฝึกฝนวิถีเซียนฟางซิงก็พบว่าพลังต่อสู้ของนักฝึกตนในระดับเดียวกันอาจแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
"ตอนนี้ฉันไม่ต้องรีบร้อนทะลวงขั้น... ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็พอ"
"อีกไม่นานพวกเราก็จะถึงบลูสตาร์แล้ว"
ฟางซิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
-
ภายในห้องโดยสารยานอวกาศ
ฟางซิงนอนหลับสนิท
เขาต้องแสร้งทำเป็นเช่นนี้เพราะหากอยู่ๆหายตัวไปจากยาน คนอื่นๆจะต้องสงสัย!
ดังนั้น ร่างกายที่แท้จริงของเขาจึงอยู่ที่นี่ตลอดเพียงแต่จิตสำนึกส่วนใหญ่อยู่ที่ร่างแยกเซียน
เมื่อลืมตาขึ้นเขาก็จะถึงโลกภายนอกแล้ว
"ลูกพี่ ในที่สุดก็ออกจากการจำศีลแล้วสินะ!"
ซ่งจิงกังชี้นิ้วออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น "ดูสิ นั่นบลูสตาร์!"