บทที่ 69 โรงแรมรุ่ยลี่ ตอนที่ 6
บทที่ 69 โรงแรมรุ่ยลี่ ตอนที่ 6
เฉินหลุนได้ยินเช่นนั้นก็ตอบว่า “พอดีกับที่แผนกบริการลูกค้ามีประชุมทุกสัปดาห์ เดี๋ยวตอนนั้นฉันกับ อวี๋หย่าหนิงจะไปหาหล่อน”
เจียงเหรินพยักหน้า “ก็ดี อีกเดี๋ยวเราคงต้องเริ่มงานแล้ว แต่ภารกิจแบบถอดรหัสมักจะให้โอกาสในการหาข้อมูลเบาะแสอยู่แล้ว ยังไงพวกนายก็ลองสังเกตสิ่งที่เกิดรอบ ๆ ตัวไว้บ้าง แม้แต่คำบ่นของลูกค้าก็อาจมีเบาะแสซ่อนอยู่ก็ได้”
พวกเขาทั้งสองเคยทำภารกิจแบบถอดรหัสในงานระดับต่ำมาก่อน จึงพอจะมีความเข้าใจอยู่บ้าง
เมื่อถึงเวลาเข้างาน คนเริ่มเยอะขึ้น หลังครัวก็ยุ่งกันอยู่ ทั้งสามแยกย้ายกันไปทำงานอย่างรวดเร็ว
อวี๋หย่าหนิงได้รับคำสั่งให้ส่งอาหารเช้าไปยังห้องพักของแขกบนชั้นหก เธอรีบตรวจสอบรายการกับครัวแล้ววางอาหารลงบนรถเข็น ก่อนจะใช้ลิฟต์ไปยังชั้นหก
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก อวี๋หย่าหนิงค่อย ๆ เข็นรถออกมา มองหาหมายเลขห้องจากรายการที่ได้รับ แล้วเลี้ยวไปตามทางเดินด้านซ้าย
ในทางเดินด้านซ้ายมีรถเข็นคันหนึ่งจอดอยู่ แต่ไม่ใช่รถเข็นส่งอาหาร เป็นรถเข็นที่ใช้เปลี่ยนผ้าปูเตียงของฝ่ายทำความสะอาด
เธอเคาะประตูห้องที่สั่งอาหารไว้ ไม่นานนักก็มีคนเปิดประตู พอเห็นว่าเป็นพนักงานส่งอาหารจึงให้เธอเข้ามา
เมื่อเข้ามาในห้อง อวี๋หย่าหนิงก็ได้กลิ่นเหล้าผสมกับกลิ่น.. เกือบจะอาเจียนทันที แต่เนื่องจากเธอเป็นฝ่ายบริการลูกค้า จึงต้องเก็บสีหน้าไม่ให้แสดงความรังเกียจออกไป
“คุณคะ นี่คืออาหารเช้าที่สั่งไว้ค่ะ คุณสามารถตรวจสอบได้”
ชายหนุ่มที่มีผมสีฟ้าหม่นเหลือบมองอาหารบนรถเข็น “ใช่ เธอวางให้เรียบร้อยก็พอ”
อวี๋หย่าหนิงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย ความจริงเธอไม่เคยทำงานบริการลูกค้ามาก่อน ไม่ว่าจะในโลกจริงหรือในภารกิจก่อนหน้านี้ ทำให้ทุกครั้งที่ส่งอาหารในภารกิจนี้เธอมักจะมีอาการเกร็งเล็กน้อย
เมื่อจัดวางอาหารเสร็จ เธอจึงเข็นรถออกมา
เมื่อวานนี้ขณะที่เธอทำงานส่งอาหาร เธอสังเกตว่ามีแขกจำนวนไม่น้อยที่เข้าพักในโรงแรมหลังจากไปเที่ยวเล่นที่บาร์ใกล้ ๆ
เมื่อปิดประตูห้องจากด้านนอกแล้ว เธอก็เห็นหญิงคนหนึ่งออกมาจากห้องที่มีรถเข็นเล็กจอดอยู่ หญิงคนนี้ดูมีอายุพอสมควร ราว ๆ สี่สิบกว่า ๆ
แต่จุดสำคัญไม่ใช่อายุของเธอ เพราะอวี๋หย่าหนิงแค่เพียงเห็นเธอก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ทำภารกิจเหมือนกัน
เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะโดยปกติผู้ทำภารกิจที่เธอเคยพบไม่ค่อยจะมีอายุเกินสี่สิบปี ส่วนใหญ่มักจะอายุราว ๆ สามสิบกว่าปี
อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะมองเห็นตัวตนของอวี๋หย่าหนิงเช่นกัน จึงพยักหน้าให้เธอเล็กน้อยเป็นการทักทาย
ทั้งสองต่างรู้กันโดยไม่ต้องพูด แต่เพราะต่างมีงานในมือจึงแยกย้ายกันไปทำงานต่อ
เมื่ออวี๋หย่าหนิงส่งอาหารเสร็จก็รีบกลับไปที่ครัว เพื่อเตรียมตัวแจ้งข่าวนี้ให้เฉินหลุนรู้
โรงแรมรุ่ยลี่คิดค่าห้องค่อนข้างแพง โดยเฉพาะที่ตั้งอยู่ในย่านการค้าเช่นนี้ ตอนเช้าจึงมีการสั่งอาหารไปยังห้องพักมากมาย
เมื่อเธอกลับมา ก็พบว่าเฉินหลุนไม่อยู่ และตัวเธอก็มีคำสั่งส่งอาหารอีก
เจียงเหรินยังคงหั่นผักอยู่ที่ครัวดี ๆ ก็ยังดีที่ระบบจัดให้เขามีทักษะการหั่นที่คล่องแคล่วเมื่อได้รับบทนี้
หากไม่มีทักษะนี้ การที่เขาไม่ได้เข้าครัวมาหลายปี และฝีมือหั่นผักที่ค่อนข้างงุ่มง่ามอาจจะทำให้เชฟใหญ่ดุเขาจนตายไปแล้ว
ช่วงนี้เชฟในครัวเกือบจะทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว จึงเริ่มพูดคุยกัน
“เฮ้ วันนี้ก็วันที่ 12 แล้ว อีกไม่กี่วันก็ถึงวันที่ 16 จะได้หยุดกันทั้งหมดเสียที”
“พูดถึงเรื่องนี้ฉันเพิ่งจะนึกได้ ไม่ได้พูดก็คงจะลืมกันไป นายว่าทำไมเจ้านายต้องมาจัดวันหยุดในวันนี้ด้วย”
“ใครจะไปรู้ ยังไงเราก็ได้หยุดแบบมีเงินเดือน แถมเหมือนจะมีแค่สาขาหลักนี้ที่หยุดวันเดียว สาขาอื่นยังทำงานปกติ”
เชฟใหญ่ได้ยินก็แค่มองตาปริบ ๆ “เจ้านายคงกลัวว่าเหตุการณ์ปีที่แล้วจะเกิดขึ้นซ้ำอีก แต่ทำไมถึงต้องเลือกหยุดวันนี้ วันอื่นให้หยุดก็ดูแลสุขภาพพนักงานได้เหมือนกัน”
“ใครจะไปรู้ คงเป็นเพราะกังวลใจล่ะมั้ง”
เจียงเหรินแอบฟังเงียบ ๆ เนื่องจากตัวเองเป็นเพียงผู้ช่วยเชฟจึงไม่กล้าถามถึงเหตุการณ์ในปีก่อน
แต่ถึงเขาไม่กล้าถาม ก็มีคนอื่นกล้าถาม
“ปีที่แล้วมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ” คนที่ถามเป็นเชฟที่เพิ่งมาทำงานไม่นาน ฝีมือดี แถมมีนิสัยร่าเริง ทุกคนในครัวจึงเข้ากับเขาได้ดี
“ก็ไม่ใช่เรื่องอื่น โรงแรมเรามีเชฟที่ต้องทำงานตอนกลางคืน แต่เช้าถัดมากลับมีคนพบว่าเขาเสียชีวิตแล้ว”
“หา? นั่นเขาก็ไม่ได้ทำงานคนเดียวไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคนอื่นถึงไม่สังเกตเห็น”
เชฟผู้เล่าเรื่องมองรอบ ๆ เพื่อดูว่าผู้จัดการไม่อยู่แถวนั้น เห็นว่าในครัวมีแต่พนักงานหลังครัวจึงไม่ได้ปิดบังและเล่าให้ฟังต่อไป
“ตรงนี้แหละที่มันดูแปลก คนที่ทำงานกะเดียวกันอีกสองคนไม่ได้นึกถึงเขาเลยในคืนนั้น แถมคืนนั้นก็ไม่มีลูกค้าสั่งอาหารอะไร แต่พวกเขาสองคนกลับไม่รู้สึกเอะใจที่อีกคนหายไป ถ้าพวกเขาใส่ใจสักนิด ก็อาจจะพอช่วยเขาได้ทัน”
ทุกคนได้ฟังแล้วก็รู้สึกเสียดาย และมีความรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล
“เวลาฉันเข้าเวร ถ้าใครหายไปนานเกินไปฉันก็มักจะตามหานะ ทำไมสองคนนั้นถึงได้ละเลย ไม่แน่ว่าคงหลับกันอยู่ล่ะมั้ง”
เชฟที่เล่าเรื่องส่ายหน้า “ไม่รู้สิ แต่สุดท้ายแล้วเจ้านายก็ไม่ให้พวกเขารับผิดชอบอะไร แค่ปลดออกจากงานเท่านั้น”
"ว่าแต่ตอนนี้ยุคสมัยไหนกันแล้ว ทำไมคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่สั่งแต่บริการเดลิเวอรี่ มีน้อยคนจะสั่งอาหารจากครัวหลัง แต่เราก็ยังต้องเข้าเวรกะกลางคืนอยู่ดี”
หากไม่ใช่เพราะค่ากะกลางคืนดี พวกเขาคงเลิกทำไปแล้ว
“เฮ้อ ใครจะรู้ ก็ถือว่าคิดซะว่าเป็นการนอนที่อื่นแทนบ้านก็แล้วกัน”
เมื่อมาถึงจุดนี้ทุกคนก็หยุดพูดคุยกันต่อ เจียงเหรินเองก็ได้ข้อมูลที่เขาต้องการแล้ว
ผู้เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้วเสียชีวิตในครัวหลัง เอกสารลับเกี่ยวกับผู้ตายที่มีการกล่าวถึงในภารกิจนี้ อาจเป็นเอกสารที่พนักงานคนนั้นทิ้งไว้ก็ได้? สำหรับเรื่องการหยุดงานในวันที่ 16 เจียงเหรินรู้สึกว่าอาจไม่ได้เป็นเพียงการหยุดงานธรรมดาเท่านั้น ยังไม่แน่ชัดว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันนั้น
...
ทางด้านเสิ่นชงหราน เมื่อกลับถึงบ้านคราวนี้เขาอาบน้ำและก็เข้านอน ความฝัน
ในมุมมืดมิด ไฟแช็กกะพริบขึ้นส่องให้เห็นเคราสีเขียวอ่อนบนคางของชายหนุ่ม
เขาจุดไฟแช็กให้ติดที่ก้นบุหรี่ พอสูบเข้าไปหนึ่งครั้ง ไฟติดตรงก้นบุหรี่ เขาปล่อยมือจากไฟแช็กและพ่นควันออกมา
“บ้าจริง ไม่มีใครสั่งอาหารแท้ ๆ แต่ให้เข้าเวรกะดึกทุกวัน มันเรื่องบ้าอะไรกัน…”
ชายหนุ่มสูบบุหรี่และบ่นอุบอิบไปด้วย ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้อง เปิดไฟแล้วนั่งลงบนเก้าอี้
เขาทำงานที่โรงแรมรุ่ยลี่ครบหนึ่งปีพอดี จะว่าไปแล้วค่าตอบแทนที่นี่ก็ดีอยู่หรอก เพียงแต่ว่ามีเรื่องเดียวที่ทำให้เขาไม่พอใจคือเรื่องกะกลางคืน
โรงแรมดี ๆ ที่ไหนเขามีคนในครัวเข้าเวรกะดึกกันบ้าง
แต่ก็ยังดีที่ค่ากะกลางคืนค่อนข้างดี มิเช่นนั้นเขาคงไม่ยอมทำ
เขาสูบบุหรี่เข้าไปลึก ๆ อีกครั้ง ให้สารนิโคตินไหลลงสู่ปอดผ่านลำคอ แล้วพ่นควันออกจากปาก ช่วยระงับความหงุดหงิดในใจ
ครัวหลังมีพนักงานเข้าเวรสามคน เขาเองก็ไม่มีอะไรทำ เปิดมือถือดูก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ เลยออกมาสูบบุหรี่
ที่นี่เป็นที่พักชั่วคราวของพนักงานหลังครัว มีเตียงอยู่ไม่กี่เตียงและต้องเป็นพนักงานที่อยู่มานานถึงจะได้ใช้ หากเตียงไม่พอ พวกเขาก็แค่หาที่นอนพักชั่วคราวไปก่อน
กลิ่นบุหรี่เริ่มกระจายไปทั่วห้อง ในเมื่อเขาอยู่คนเดียว ก็สบายใจได้เต็มที่
ชายหนุ่มสูบบุหรี่ไปครึ่งมวน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เวลาผ่านไปเที่ยงคืนแล้ว ตอนนี้เป็นวันที่ 16 พอดี
เขาพ่นควันออกมาอีกครั้ง คิดว่าเหลือเวลาอีกแปดชั่วโมงก่อนจะเลิกงาน สูบบุหรี่เพื่อสงบจิตใจต่อไป
เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ตั้งใจสูบให้หมดมวนนี้แล้วจะกลับไปที่ครัวหลัง ถึงจะออกมาที่นี่ก็ไม่ควรอยู่นานเกินไป เดี๋ยวเพื่อนร่วมเวรอีกสองคนจะมีปัญหา
..........