บทที่ 31 ความสงสัยของท่านไป๋
บทที่ 31 ความสงสัยของท่านไป๋
บรรดานางในที่ถูกจับตัวมาต่างตกใจจนหัวหมุน ถึงขั้นไม่สนใจจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย รีบยืนเข้าแถวอย่างลนลาน มองเฉินชิงด้วยสายตาน่าสงสาร
พวกนางกลัวว่าบัณฑิตน้อยผู้นี้จะจำผิดคน ทำให้ตนเองถูกฮ่องเต้เผาทั้งเป็น!
เฉินชิงค่อยๆ ก้าวเข้าไป ท่านไป๋ขมวดคิ้วมองเขาอย่างสงสัย
ท่านไป๋ไม่ได้อยู่ฝ่ายนั้นมาตั้งแต่แรก แต่เพราะติดหนี้บุญคุณจิ้งจอกพันหน้า จึงถูกติดต่อลับๆ และด้วยปัจจัยอื่นๆ จึงได้เปลี่ยนใจกะทันหัน
ท่านไป๋รู้ข้อมูลไม่มากนัก แต่เรื่องของเด็กหนุ่มเฉินชิงคนนี้ กลับได้ยินบ่อยที่สุดในช่วงหลัง
เจ้าหนูนี่ไม่หลงกลมายาของอาลี่ จนอาลี่ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน ช่วยหวังเย่ที่เมืองหลิวโจว รู้ทันปรมาจารย์วาดผิวหนัง มาจนถึงตอนนี้ ในตอนที่อาลี่เกือบจะสำเร็จ ก็ขัดขวางขั้นตอนสุดท้ายได้อย่างเฉียดฉิว ราวกับเป็นดาวดับของอาลี่ที่สวรรค์ส่งมา!
แม้จะเป็นเช่นนั้น ท่านไป๋ก็ยังสงสัยว่า เด็กหนุ่มตรงหน้านี้หาอาลี่เจอได้อย่างไร?
จิ้งจอกพันหน้าไม่เพียงแต่ควบคุมความทรงจำได้ แต่ยังเปลี่ยนร่างเป็นคนอื่นได้พันหน้า ทั้งกระดูกและกิริยาไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย แม้แต่ญาติสนิทยังแยกไม่ออก นี่คือที่มาของฉายาจิ้งจอกพันหน้า
แม้เด็กหนุ่มตรงหน้าจะมีพลังลึกลับ แต่ก็เป็นเพียงคนธรรมดา แม้แต่ฮ่องเต้ผู้มีสายเลือดอีกาทองคำบริสุทธิ์ที่สุดในปัจจุบันยังหาอาลี่ไม่เจอ แล้วเด็กคนนี้จะหาเจอได้อย่างไร? อาศัยปรมาจารย์กระจกหรือ?
ท่านไป๋ก็ได้ยินเรื่องของปรมาจารย์กระจกเช่นกัน แต่เขาถูกสะกดด้วยคาถา ไม่สามารถช่วยอะไรได้...
เฉินชิงมองไปยังบรรดานางใน สูดหายใจลึกๆ ครั้งนี้เป็นการสูดลมหายใจลึกๆ ในทางกายภาพ อย่างตรงไปตรงมา เขาพยายามดมกลิ่นบางอย่างต่อหน้านางในคนหนึ่ง
เขาทำเช่นนี้ทีละคน สองคน ทุกครั้งที่หยุดอยู่ต่อหน้านางในคนหนึ่ง ในระยะห่างไม่ถึงครึ่งเมตร เฉินชิงจะสูดดมอย่างพิถีพิถัน ท่าทางดูลามกอนาจารไม่น้อย
ท่านไป๋และฮ่องเต้ต่างรู้สึกแปลกๆ หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ร้ายแรงเกินไป ท่าทางของเด็กหนุ่มคนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการลวนลามนางในเลย
ในที่สุด เมื่อดมนางในคนที่สี่ เฉินชิงก็หยุดฝีเท้า แล้วดมซ้ำอีกครั้งอย่างละเอียดต่อหน้านางในชุดสีฟ้าคนหนึ่ง
สายตาฮ่องเต้เป็นประกาย จ้องมองไปยังนางในชุดสีฟ้าคนนั้น
พระสนมเฟิง หนึ่งในสี่พระสนมเอก ธิดาคนโตของเสนาบดีกรมคลัง เป็นคนอายุน้อยที่สุดในบรรดาสี่พระสนมเอก เมื่อสี่เดือนก่อนได้รับการวินิจฉัยว่าตั้งครรภ์ แต่หมอหลวงผู้เชี่ยวชาญได้จับชีพจรและยืนยันว่าเป็นทารกเพศหญิง!
ทำให้ปัจจุบันไม่ได้รับความสำคัญในหมู่พระสนมเอก
ฮ่องเต้รู้สึกสงสัย อีกฝ่ายเลือกคนนี้หรือ? หากต้องการให้ตนระแวงและลงมือ การแปลงร่างเป็นนางในที่ตั้งครรภ์ทายาทชายไม่ดีกว่าหรือ?
ในขณะที่กำลังสงสัย เฉินชิงก็หยุดยืนนิ่ง จ้องมองอีกฝ่ายครู่ใหญ่ ก่อนจะคำนับกล่าวว่า "ไม่พบกันนานนะ พี่สะใภ้ตระกูลไช่!"
นางในคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นต่างรีบหลบหนีราวกับหนีงูพิษ ส่วนพระสนมในชุดสีฟ้านั้นก็สลัดท่าทางตื่นตระหนกที่แสร้งทำไปก่อนหน้า มองสำรวจเด็กหนุ่มที่จำนางได้ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
"รัชทายาทอยู่ที่ไหน?" ฮ่องเต้กำหมัดแน่น พยายามควบคุมเปลวเพลิงด้านหลัง ไม่ให้โทสะกลืนกินตัวเองจนหมดสิ้น
เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดเปลวเพลิงที่ดูราวกับจะหลอมละลายอากาศ หญิงสาวกลับไม่แม้แต่จะกะพริบตา ยังคงมองเฉินชิงด้วยความสงสัยใคร่รู้
"เจ้าหาข้าเจอได้อย่างไร?"
ความจริงแล้วอาลี่ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเฉินชิง ตลอดสองปีที่อยู่กับสามีภรรยาตระกูลไช่ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีที่เตรียมตัวสอบในเมืองหลวง เด็กหนุ่มคนนี้แทบจะมากินข้าวที่บ้านพวกเขาทุกวัน
นางไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่า คนผู้นี้...มีความสามารถถึงเพียงนี้!
"จิ้งจอกพันหน้า มีกลิ่นจิ้งจอกติดตัว โดยเฉพาะหลังกินตับและหัวใจ กลิ่นจิ้งจอกจะแรงมาก เพื่อไม่ให้จุดอ่อนนี้ถูกเปิดเผย ทุกครั้งที่กินตับและหัวใจ จิ้งจอกพันหน้าจะอาบน้ำด้วยสมุนไพรพิเศษ ทำให้มีกลิ่นยาติดตัว..."
หญิงสาวชะงัก มองเฉินชิงด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เรื่องลับเช่นนี้ ที่ตระกูลจิ้งจอกพันหน้าปกปิดมาหลายชั่วอายุคน เขารู้ได้อย่างไร?
ทำไมเขาถึง...รู้ไปเสียทุกเรื่อง?
ดวงตาของเฉินชิงเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน เขารู้แน่นอน ตอนที่ออกแบบจิ้งจอกพันหน้า เขาคิดจนหัวโล้นกว่าจะหาจุดอ่อนได้ คิดทั้งวันทั้งคืน สุดท้ายจึงตัดสินใจลงมือที่พฤติกรรมบางอย่าง
"เจ้า...เป็นใครกันแน่?"
จิ้งจอกพันหน้าอดใจไม่ไหว เข้าไปใกล้และยื่นมือคว้าตัวเฉินชิง "ทำไมถึงรู้เรื่องวัฏ..."
แต่ก่อนที่มือจะแตะถูกตัว แสงสีทองวาบผ่าน แขนของปีศาจจิ้งจอกถูกตัดขาดพร้อมเลือดสีชมพูกระเซ็นขึ้นฟ้า!
ดวงตาของอาลี่เลื่อนลอย ใบหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามรอยตัด วินาถถัดมา ใบหน้างดงามเกินบรรยายปรากฏขึ้น ทำให้แม้แต่อากาศยังหอมหวาน
แม้จะยืนอยู่จุดสูงสุดของผู้มีสายเลือดแกร่งกล้า แม้จะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจากการสูญเสียคนรัก ฮ่องเต้ก็ยังชะงักไปหนึ่งวินาที!
ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น บริเวณรอบข้างพลันมืดลง เสียงม้าร้องดังมาจากด้านหลัง ตามมาด้วยดาบใหญ่ที่เคลือบด้วยเปลวไฟสีดำ
"มาได้ดี!" อาการชะงักของฮ่องเต้หายไปในพริบตา พระองค์ยิ้มอย่างดุร้าย ใช้มือเปล่าคว้าดาบดำที่มีรัศมีเกือบสิบเมตร!
การปะทะเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา เปลวไฟสีดำถูกกลืนกินโดยเปลวเพลิงสีทอง ดาบใหญ่ละลายราวกับสัมผัสผิวดวงอาทิตย์!
ชายร่างใหญ่ในชุดเกราะดำที่ขี่ม้าอสูรบินมาครางเบาๆ ไม่ลังเลที่จะใช้มือซ้ายตัดแขนขวาที่กำลังจะละลาย จากนั้นกระโดดข้ามร่างน่ากลัวที่ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีทอง อุ้มปีศาจจิ้งจอกที่แขนขาดเช่นกัน ม้าอสูรร้องคำราม วิถีแห่งหยินหยางถูกเปิดอีกครั้ง!
"หลิวอวี๋!!"
ฮ่องเต้คำราม แสงสีขาวสว่างวาบ อักขระซับซ้อนนับไม่ถ้วนล้อมรอบต้องพระโรง พร้อมด้วยพลังบิดเบือนพื้นที่ ฝืนยื้อวิถีแห่งหยินหยางที่กำลังจะปิดไว้!
"ฝ่าบาท เสด็จ!!" ร่างชุดขาววูบผ่าน หลิวอวี๋นำหน้าพุ่งเข้าสู่วิถีแห่งหยินหยางที่บิดเบี้ยว ฮ่องเต้ไม่ลังเล พาเปลวเพลิงสว่างจ้าบินตามเข้าไป!
เมื่อทั้งสองหายไปในความบิดเบี้ยว ผลของคาถาอันงดงามและเปลวเพลิงสีทองก็หายไปด้วย ทิ้งให้เฉินชิงยืนอึ้งอยู่กับที่
หลิวอวี๋ไม่ได้เข้ามา เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องไม่ได้อยู่เฉยๆ แน่ ที่แท้ก็รอให้แม่ทัพปีศาจที่ควบคุมม้าอสูรออกมาช่วยคน
แม่ทัพปีศาจคนนั้นดูจากรูปลักษณ์แล้วเขาก็จำได้ ผีภูเขา หนึ่งในสี่แม่ทัพปีศาจ เหมือนกับทารกปีศาจ สามารถควบคุมม้าอสูร ท่องไปมาระหว่างหยินหยาง...
เขาเข้าใจการวางแผนของทั้งสอง มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะมีโอกาสช่วยรัชทายาทได้
แม้ว่ารัชทายาทจะถูกชิงพลังหยางไป แต่ก็สืบทอดสายเลือดสำเร็จแล้ว การฟื้นฟูก็ไม่ใช่ไม่มีทางเป็นไปได้ เมื่อเทียบกับเด็กๆ ที่ยังไม่เกิดเหล่านั้น ก็ดูน่าเชื่อถือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่า...
เฉินชิงกลืนน้ำลาย มองปรมาจารย์พับกระดาษที่กำลังมองเขาเช่นกัน เฉินชิงรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง!
พวกเจ้า...อย่างน้อยก็ทิ้งแผนสำรองไว้ปกป้องข้าบ้างสิ...
ท่านไป๋ก็มองเฉินชิงเหม่อลอย ทั้งสองจ้องมองกันอย่างแปลกประหลาด เงียบกริบอยู่เช่นนั้นเกือบครึ่งชั่วยาม...
ในที่สุด อีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายขยับก่อน
มองดูชายหน้าขาวประหลาดที่ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากของเฉินชิง เขาถอยหลังติดๆ กัน
ห้าปรมาจารย์ปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดประเภทเทคนิค พลังต่อสู้ไม่แข็งแกร่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีพลังต่อสู้ การจัดการกับคนธรรมดาอย่างเขาที่แม้แต่ไก่ยังไม่เคยฆ่า ก็เป็นเรื่องง่ายดาย
"ท่าน...ท่านขอรับ..." เฉินชิงอดทนไม่ไหว ยอมอ่อนข้อ "ศิษย์ก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น..."
ท่านไป๋ไม่หยุดฝีเท้า ค่อยๆ บีบให้เฉินชิงถอยไปจนชิดมุม สังเกตเฉินชิงอย่างละเอียด ดวงตาไม่กะพริบ ราวกับมองสิ่งแปลกประหลาด
"ท่านขอรับ...ท่าน...จะทำอะไร?"
"เจ้ารู้เรื่องวัฏจักรหรือ?"
เฉินชิง: "..."
เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องอยากถามเรื่องนี้!
ในโลกนี้มีปีศาจพิเศษบางประเภทที่ไม่ตายไม่สูญ จิ้งจอกพันหน้า ห้าปรมาจารย์ปีศาจ ล้วนอยู่ในประเภทนี้ พวกมันก่อกำเนิดมาอย่างพิเศษ เป็นวัตถุวิเศษของสวรรค์และพื้นพิภพที่เกิดจากความปรารถนาของสรรพชีวิตในโลกมนุษย์
แม้จะตาย ในอีกหลายสิบปีหรือหลายร้อยปี ก็จะเกิดใหม่อีกครั้ง ตราบใดที่ความปรารถนาประเภทนั้นในโลกไม่สูญสิ้น พวกมันก็จะคงอยู่ตลอดไป
จิ้งจอกพันหน้าเป็นตัวแทนของราคะในโลกมนุษย์ สืบทอดมาหลายรุ่น ดังนั้นปรมาจารย์พับกระดาษจึงยินดีช่วยเหลือ เพราะโดยแก่นแท้แล้ว จิ้งจอกพันหน้ารุ่นก่อนและรุ่นนี้ก็คือการดำรงอยู่อย่างเดียวกัน
และเพราะความพิเศษนี้ พวกมันจึงระมัดระวังอย่างยิ่งในการปกปิดความลับที่ตนสามารถเวียนว่ายตายเกิดได้ ทุกตนรู้กันดีโดยไม่ต้องพูด ไม่เคยเปิดเผยต่อภายนอก โดยเฉพาะหลังจากมนุษย์มีการบันทึกด้วยตัวอักษร พวกมันยิ่งระมัดระวังมากขึ้น พยายามทุกวิถีทางที่จะหลีกเลี่ยงการบันทึกของมนุษย์ และทำลายบันทึกที่เกี่ยวข้องกับตนเอง
"ข้ามั่นใจ..." ท่านไป๋มองเฉินชิงอย่างลึกลับ "พวกเราประเภทนี้จะไม่มีวันเปิดเผยความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตัวเอง ตลอดกาลนานมาเป็นเช่นนี้ แต่ความลับนี้กลับรั่วไหลออกไป!"
เฉินชิงหดตัวชิดมุม ในใจสาปแช่งบรรพบุรุษของหลิวอวี๋ไปหลายรอบ ทำท่าฉลาดนักหนา คิดอะไรก็ไม่คิดถึงข้าบ้างหรือ? ข้าไร้ความสำคัญถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
คนผู้นี้มีแนวโน้มสูงที่จะปิดปากเขา เพราะสำหรับพวกมันแล้ว วัฏจักรคือความลับที่ไม่อยากให้ถูกเปิดเผยที่สุด!
แต่คำพูดต่อมาของอีกฝ่าย ทำให้เขาประหลาดใจอย่างที่สุด!
"เจ้าคนหนึ่ง องค์ชายแห่งแคว้นฉินอีกคน ข้าอยากรู้จริงๆ ... พวกเจ้า... รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?"
เฉินชิง: "..."
องค์ชายแห่งแคว้นฉิน??
(จบบท)