บทที่ 281 งานมงคล
ซูเล่อหยุนกลับมาถึงที่ตรวจคนไข้ก็เห็นว่าหมอเหอกำลังพูดกับชายชราท่านหนึ่งด้วยความนอบน้อม
นางรู้สึกเหมือนเคยเห็นชายชราท่านนี้มาก่อนหรือเปล่า?
เมื่ออาจารย์จางมองแวบหนึ่งก็จำซูเล่อหยุนได้ทันที
“เจ้านี่เองคือสาวน้อยที่ที่หมอหวังกล่าวถึง” ไม่คิดว่าจะเป็นนางจริงๆ
“ผู้เฒ่าจาง” ซูเล่อหยุนนึกถึงครั้งก่อนที่นางเคยมาหาซื้อยาที่ร้านโอสถไป่เฉ่าถัง ที่แท้ตอนนั้นนางก็เคยเจอกับเขามาก่อน
ผู้เฒ่าจางถอนหายใจ “ที่แท้ข้าก็มองคนพลาดไปจริงๆ”
เขามองสำรวจซูเล่อหยุนตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้นางรู้สึกขนลุกไม่น้อย
“ผู้เฒ่าจาง…”
“อาจารย์ของเจ้าเป็นสหายเก่าของข้า”
“?”
ซูเล่อหยุนตาเบิกกว้าง ดูเหมือนว่านางจะยังไม่ได้ทันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
“คนที่รู้ว่าเฝิงเหย่าชิงสามารถใช้เป็นยาได้และสอนทักษะการใช้เข็มแบบนั้น คงมีแต่เพียงนางเท่านั้น”
ผู้เฒ่าจางถอนหายใจอีกครั้ง แล้วพาซูเล่อหยุนไปนั่งลงข้างๆ อย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะหันไปมองยังห้องที่คนบาดเจ็บที่พักรักษาตัว
หมอเหอที่อยู่ใกล้ๆ อ่ยเตือน ผู้เฒ่าจางจึงจำใจยอมลุกขึ้น “พวกเจ้าสองคนเรียนกับข้าและหมอหวังมานานขนาดนี้ หากทำงานนี้ไม่ได้ คงจะเรียนไปเปล่าๆ”
แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่ผู้เฒ่าจางก็ยังคงเดินไปยังหลังเรือน
เวลาผ่านไปไม่นาน ผู้เฒ่าจางกลับมาอีกครั้งด้วยสีหน้าสงบ
หมอเหอและหมอหลี่ที่รออยู่แสดงความวิตกอย่างชัดเจน ราวกับศิษย์กำลังรอผลการทดสอบ
ผู้เฒ่าจางมองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “พวกเจ้าทำได้ดีมาก บาดแผลได้รับการดูแลอย่างดี เย็บเรียบร้อยและเรียบเนียน”
ได้ยินดังนั้น หมอเหอและหมอหลี่ต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“แต่อย่าลืมว่าบาดแผลลึกขนาดนี้ ต้องดูแลรักษาความสะอาดให้ดี หากเกิดการติดเชื้อขึ้นมาในภายหลัง ผลลัพธ์อาจเลวร้ายได้”
หลังจากกล่าวชมทั้งสอง ผู้เฒ่าจางก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แท้จริงแล้ว ทักษะการเย็บบาดแผลนั้นแพทย์ส่วนใหญ่ก็ทำได้ สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือการรักษาภายหลัง หากมีการผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตผู้ป่วยได้
“ศิษย์เข้าใจแล้ว” เมื่อหมอเหอกลับมา หมอหลี่ก็พยักหน้าแสดงว่าเข้าใจเช่นกัน
ผู้เฒ่าจางนั่งลงที่ตำแหน่งเดิมแล้วหันไปมองซูเล่อหยุน “คุณหนูซู ข้าอยากทราบว่าเจ้าเจอกับหมอพเนจรท่านนั้นเมื่อไหร่?”
หลังจากรู้ว่าอาจารย์ของตัวเองเป็นสหายเก่าของผู้เฒ่าจาง ซูเล่อหยุนก็ตอบไม่ถูกเลยทีเดียว
ทว่าหญิงสาวเข้าใจว่า ในเมื่อแม้แต่สหายเก่าก็ไม่รู้ที่อยู่ของอาจารย์ แสดงว่าอาจารย์ของนางไม่ต้องการให้ใครรู้ที่อยู่
ซูเล่อหยุนลังเลเล็กน้อยก่อนตอบ “ผู้เฒ่าจาง ข้ารู้จักกับอาจารย์ตั้งแต่ยังอยู่ที่จิงโจวค่ะ พบอาจารย์ที่นั่น”
“จิงโจว…”
ผู้เฒ่าจางคิดลึกซึ้ง แต่ก็ไม่ได้ซักถามต่อไป
เห็นเป็นศิษย์ของสหายเก่า ผู้เฒ่าจางจึงเอ็นดูซูเล่อหยุนและทดสอบวิชาของนางเป็นครั้งคราว
เมื่อเห็นซูเล่อหยุนตอบคำถามได้คล่องแคล่ว แสดงว่าศึกษามาอย่างดี ผู้เฒ่าจางก็ยิ้มพึงพอใจ
เวลาในยามบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เหลียนซินและชุ่ยหลิวจัดเก็บกล่องยาเรียบร้อย
ซูเล่อหยุนลุกขึ้นกล่าวลาแพทย์ในหอสมุนไพร แล้วออกจากที่นั่น
บ้านเรือนรอบๆ เริ่มมีควันไฟลอยออกมา
เมื่อกลับถึงจวนตระกูลซุน ดวงจันทร์ก็ขึ้นมาบนท้องฟ้าแล้ว
คืนนี้ที่จวนตระกูลซุนจัดงานเลี้ยงครอบครัว
อาหารวางเรียงรายบนโต๊ะ พร้อมให้ทุกคนร่วมโต๊ะ
ซุนเส้าไอเบาๆ “จางผิง เจ้าคงมีเรื่องจะบอกกระมัง”
เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา ซุนจางผิงจึงละสายตาจากจางซูซู แล้วหน้าแดงขึ้นก่อนจะเอ่ยปาก
จางซูซูเองก็หน้าแดงก้มหน้างุดเช่นกัน
“วันนี้ข้ามีข่าวดีจะบอกกับทุกคน ข้ากับซูซูจะแต่งงานกันวันที่ 15 เดือนหน้า”
แม้ข่าวดีนี้ทุกคนจะทราบกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงต้องทำตามธรรมเนียม ยืนยันอย่างเป็นทางการ
“ว้าว ดีจังเลย!” ไม่มีใครดีใจเท่าซุนอวี้เซวียน
ทันทีที่ซุนจางผิงพูดจบ ก็ได้ยินเสียงปรบมือและตะโกนดีใจของเขา
ฉินจื่อเยี่ยนยิ้มขำ ลูบศีรษะลูกชาย “เจ้าดูจะดีใจกว่าลุงใหญ่เสียอีกนะ”
“ท่านแม่ ข้ายังไม่เคยเห็นงานแต่งงานเลย งานจะเหมือนกับที่ท่านลุงอู่บอกไว้รึเปล่าขอรับ”
ซุนอวี้เซวียนที่เอ่ยถึงลุงอู่นั้น เป็นหนึ่งในแม่ทัพมือขวาของซุนเม้าหลาง
เมื่อปีก่อน ลุงอู่กลับมาที่เมืองหลวงเพื่อจัดงานแต่งงาน และหลังจากนั้นก็ถูกซุนอวี้เซวียนตามติดเพื่อเล่าเรื่องราวในงานแต่งงานให้ฟังอยู่เสมอ
ฉินจื่อเยี่ยนพยักหน้า "ใช่แล้ว เหมือนกับที่ลุงอู่เล่าเลยล่ะ"
“เยี่ยมไปเลย!” ซุนอวี้เซวียนยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิม
หลังจากเรื่องมงคลนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งต้องจัดการ นั่นคือเรื่องการเรียนของซุนอวี้เซวียน
ในที่สุด ฝั่งตระกูลฉินก็จัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อย และซุนอวี้เซวียนจะได้ไปเรียนที่สำนักหลวงแล้ว
ทันทีที่ได้ยินคำว่า “เรียน” ท่าทางตื่นเต้นของซุนอวี้เซวียนก็เปลี่ยนเป็นหน้าหงอย
“ท่านแม่ เซวียนไม่อยากไปเรียน!”
คงเหมือนเด็กๆ วัยนี้ทั่วไป ที่มักจะไม่ชอบเรื่องเรียน
ยิ่งโดยเฉพาะซุนอวี้เซวียนที่เติบโตมาจากการเล่นซุกซนกลางแจ้ง แม้ว่าตอนอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ฉินจื่อเยี่ยนจะคอยสอนเขาบ้าง แต่ส่วนใหญ่เขาก็เล่นกับพวกทหารเสียมากกว่า เรื่องเรียนจึงไม่ค่อยดึงดูดใจเขานัก
แต่สำหรับเรื่องการเรียนนี้ ซุนอวี้เซวียนไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
เมื่อเห็นท่าทางไม่พอใจของเขา ซูเล่อหยุนเอ่ยขึ้นว่า “เซวียนไม่เคยบ่นว่าหาเพื่อนไม่ได้เหรอ ที่สำนักหลวงน่ะ มีเพื่อนมากมายที่จะมาเล่นด้วยกันเลยนะ”
“จริงหรือขอรับ” ซุนอวี้เซวียนแอบสงสัย จะมีเพื่อนที่สำนักศึกษาให้เล่นด้วยหรือ
ซูเล่อหยุนยิ้มและกระซิบเบาๆ “พี่สาวเคยหลอกเจ้าตอนไหนล่ะ”
“...ไม่เคยขอรับ”
ซุนอวี้เซวียนคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ถ้าอย่างนั้น เซวียนจะลองไปดูก็ได้ขอรับ”
เมื่อเห็นเขาไม่ขัดขืนอีก ฉินจื่อเยี่ยนก็ถอนหายใจโล่งอก
ถึงแม้ว่าจะต้องบังคับให้ลูกไปเรียน แต่ถ้าลูกไปเองอย่างสมัครใจก็จะเบาแรงไปมาก
นางยกนิ้วให้ซูเล่อหยุนเป็นการขอบคุณ
ซูเล่อหยุนไม่ได้ไปประจำที่ไป๋เฉ่าถังทุกวัน แต่จะไปวันเว้นวัน บางครั้งเจออาจารย์จาง บางครั้งก็เจอหมอหวัง
วันนี้ซูเล่อหยุนไม่ได้รักษาคนไข้ แต่ไปยืนที่หน้าโต๊ะยาเป็นลูกมือจ่ายยา
ซินผิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงแม้วันนี้จะไม่ต้องทำงาน แต่กลับตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม เพราะต้องคอยเฝ้ามองการจับยาของซูเล่อหยุนด้วยความกลัวว่านางจะหยิบยาผิด
โชคดีที่ครึ่งวันผ่านไป ก็ไม่มีความผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น
“คุณหนูซู”
ฉินซิ่วมองซูเล่อหยุนที่ยืนอยู่หลังโต๊ะจ่ายยาด้วยความประหลาดใจ ท้องของนางเริ่มใหญ่ขึ้นแล้ว ใบหน้าดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่านางสบายดีในช่วงที่ผ่านมา
“ท่านมาที่ไป๋เฉ่าถังได้ยังไงเจ้าคะ”
ฉินซิ่วมารับยาบำรุงครรภ์ ซึ่งจะมารับทุกๆ ครึ่งเดือน และวันนี้ก็ได้พบกับซูเล่อหยุนโดยบังเอิญ
ข้างหลังนางยังมีสาวใช้ในชุดธรรมดายืนอยู่ด้วย ดูเหมือนจะเป็นสาวใช้ส่วนตัว
จริงๆ แล้วฉินซิ่วสามารถให้สาวใช้มารับยาแทนได้ แต่นางรู้สึกอุดอู้จากการอยู่แต่ในจวน จึงอาศัยโอกาสนี้ออกมาเดินเล่น
ซินผิงส่งถุงยาที่เตรียมไว้อยู่แล้วให้สาวใช้ของฉินซิ่ว