บทที่ 280 การเย็บแผล
หลังจากช่วงพักเที่ยงผ่านไป ช่วงเวลานั้นก็แทบจะไม่มีคนไข้เข้ามา
เมื่อหมอเหอกลับมาหลังจากพักเที่ยง บรรยากาศภายในไป่เฉ่าถัง (หอสมุนไพร) ก็เปลี่ยนไปแล้ว
หมอลี่กำลังช่วยซูเล่ออวิ๋นตอบคำถามเกี่ยวกับตำราแพทย์ ผู้ช่วยในหอทั้งสามคนก็ไม่ได้เงียบเหมือนเมื่อเช้า และบางครั้งยังถามเหลียนซินและชุ่ยหลิวว่ามีอะไรที่ต้องการให้ช่วยไหม
เมื่อหมอเหอเห็นภาพนี้ สีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก เขาแค่นเสียงเย็นชาแล้วนั่งลงที่ตำแหน่งของตนเอง
“หลาวหลี่ ข้าเพิ่งได้ตำราแพทย์เล่มใหม่มา เจ้าจะดูไหม?”
ได้ยินว่ามีตำราแพทย์ให้ดู หมอลี่กะพริบตาเล็กน้อย เขารู้ความตั้งใจของหมอเหอ แต่เพราะเขาเพิ่งรับมื้ออาหารจากซูเล่ออวิ๋นไป จึงอดทนตอบคำถามซูเล่ออวิ๋นจนเสร็จ แล้วจึงไปหาหมอเหอ
“หลาวเหอ ตำราเล่มไหนล่ะ ขอดูหน่อย”
หมอเหอหยิบตำราโบราณเล่มหนึ่งออกมาจากกล่องยา สภาพภายนอกของมันเสื่อมโทรมอย่างมาก แสดงว่าเป็นตำราแพทย์ที่เก่าแก่
เมื่อหมอลี่เห็นตัวอักษรบนหนังสือ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความยินดี “ตำราเล่มนี้เจ้าได้มาได้อย่างไร”
“เพื่อนที่เพิ่งกลับมานำมาให้ข้า”
สีหน้าของหมอลี่ทำให้หมอเหอโล่งใจ เขามองไปทางซูเล่ออวิ๋น แต่ก็เห็นเพียงอีกฝ่ายนั่งก้มหน้าดูตำราแพทย์อย่างไม่สนใจสถานการณ์ทางนี้เลย
“ข้าขอดูหน่อยได้ไหม”
“ข้าดูเกือบหมดแล้ว เอาไปเถอะ”
หมอเหอหันหน้ากลับไปพร้อมกับคิดในใจ เด็กสาวคนนี้เพิ่งเรียนวิชาแพทย์มาไม่กี่เดือน คงไม่รู้ถึงคุณค่าของตำราเหล่านี้
ยังไม่ทันที่หมอลี่จะรับตำราแพทย์ไว้ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาอย่างเร่งรีบ
ไม่นาน ชายร่างกำยำหลายคนก็หามเปลวิ่งเข้ามาในไป่เฉ่าถัง
“หมอ ช่วยคนด้วย!”
หมอเหอและหมอลี่สบตากัน ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปข้างหน้า
พวกเขาเห็นชายคนหนึ่งนอนอยู่บนเปล มีแผลฉกรรจ์ที่หน้าท้องจนสามารถมองเห็นด้านในได้
“รีบวางคนลง!”
หมอลี่เรียกพนักงานมาช่วยกันค่อยๆ วางตัวผู้บาดเจ็บอย่างระมัดระวัง
ซูเล่ออวิ๋นได้กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรง เดินเข้ามาใกล้ แต่ก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นในลำคอ
ลำไส้ของชายคนนั้นออกมาครึ่งหนึ่ง ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ซูเล่ออวิ๋นเห็นภาพเช่นนี้
เหลียนซินและชุ่ยหลิวมองแค่แวบเดียวก็รีบวิ่งไปมุมหนึ่งแล้วอาเจียนออกมา
แม้แต่หมอเหอและหมอลี่ที่มีประสบการณ์ด้านการแพทย์มานานก็ยังรู้สึกหวาดกลัว
แผลลึกเช่นนี้ จะรักษาอย่างไรดี
“หมอ ช่วยน้องข้าด้วย!”
“ซินผิง เจ้าวิ่งไว ไปเชิญจางเหล่าและหมอหวังมา”
หมอลี่ค่อยๆ สั่งการเด็กที่ดูแลร้านอย่างใจเย็น
หมอเหอก้มลงจับชีพจรของผู้บาดเจ็บพร้อมถาม “ได้รับบาดเจ็บอย่างไร”
“ถูกกิ่งไม้แทงขอรับ ตอนเช้าท่านพี่ข้าขึ้นเขาแล้วโดนหมูป่าไล่ จึงวิ่งหนี ทำให้พุ่งเข้าชนกิ่งไม้จนกลายเป็นแบบนี้” น้องชายของผู้บาดเจ็บแม้จะมีท่าทางกังวล แต่ก็อธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจน
โชคดีที่บาดแผลนั้นลึก แต่ไม่กว้างมาก บางทีอาจเพราะเหตุนี้ ผู้บาดเจ็บจึงยังคงหายใจอยู่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ทันได้ส่งถึงไป่เฉ่าถัง
สำหรับบาดแผลแบบนี้ วิธีห้ามเลือดทั่วไปใช้ไม่ได้ ต้องรีบเย็บแผลเพื่อให้เสียเลือดน้อยที่สุด
แต่เทคนิคการเย็บแผลนี้ หมอลี่และหมอเหอเคยช่วยหมอหวังและจางเหล่าทำ แต่ทั้งคู่ยังไม่เคยลงมือเอง
ก่อนที่จางเหล่าและหมอหวังจะมา พวกเขาทำได้เพียงพยุงชีวิตผู้บาดเจ็บไว้ก่อน
ซินผิงกลับมาอย่างรวดเร็วแต่สีหน้าดูไม่ดีนัก เขาวิ่งไปกระซิบข้างหูหมอลี่สองสามคำ
หมอลี่หันมามองหมอเหอและซูเล่ออวิ๋น จากนั้นพูดเบาๆ “หมอหวังไม่อยู่บ้าน จางเหล่าออกไปเก็บสมุนไพรที่ภูเขาแต่เช้ายังไม่กลับ”
นั่นหมายความว่าตอนนี้ต้องพึ่งพาพวกเขาเอง
หมอเหอสูดลมหายใจลึก “เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เราไม่สามารถปล่อยให้คนไข้นอนเสียเลือดที่นี่ได้”
ซินผิงและพนักงานอีกสองคนรีบจัดเตรียมสถานที่และค่อยๆ หามผู้บาดเจ็บเข้าไปอย่างระมัดระวัง
“เจ้าและสาวใช้มาช่วยเราเถอะ” หมอเหอมองซูเล่ออวิ๋นพลางพูดเสียงเข้ม
ซูเล่ออวิ๋นรับคำแล้วล้างมือสะอาดและเข้าไปพร้อมเหลียนซิน
ใครจะคิดว่าพอพี่ชายของผู้บาดเจ็บเห็นผู้หญิงสองคนเข้าไปในห้อง เขาก็ร้องขึ้น
“หมอ ทำไมให้ผู้หญิงช่วย พวกนางจะทำได้จริงหรือ”
“แล้วเจ้าทำได้ดีกว่าพวกนางหรือ” หมอเหอซึ่งกำลังเครียดกับการรักษา จึงอดไม่ได้ที่จะจ้องเขาด้วยความไม่พอใจ
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบซูเล่ออวิ๋น แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าฝีมือของนางย่อมมีประโยชน์มากกว่าคนอื่น
น้องชายของผู้บาดเจ็บเงียบไป เมื่อได้สติกลับมา ทุกคนก็เข้าห้องกันหมดแล้ว
ในห้อง หมอเหอกับหมอลี่สบตากันแล้วเริ่มลงมือ ซูเล่ออวิ๋นและเหลียนซินก็ไม่ประมาท ช่วยส่งมีดและผ้าดิบอย่างเป็นระเบียบ
ผ้าดิบเปื้อนเลือดถูกโยนลงในอ่างทีละชิ้น กลิ่นเลือดในห้องเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น
หมอเหอและหมอลี่จดจ่อจนไม่กล้ากะพริบตา พวกเขาทำการทำความสะอาดเศษไม้เล็กๆ ที่ติดอยู่บนแผลอย่างละเอียด และตรวจดูลำไส้ของผู้บาดเจ็บ โชคดีที่ลำไส้ไม่ได้รับความเสียหาย
พวกเขาค่อยๆ วางลำไส้กลับเข้าที่ท้อง จากนั้นก็ถึงขั้นตอนสำคัญที่สุด นั่นคือการเย็บแผล ซึ่งต้องใช้ความละเอียดอ่อน หากพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เกิดผลร้ายแรง
แม้ว่าหมอเหอและหมอลี่จะระมัดระวังแค่ไหน แต่ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
หมอเหอเผลอถูกเข็มตำ และเห็นเข็มเกือบจะตกลงไปในท้องของผู้บาดเจ็บ แต่มีมือหนึ่งยื่นมารับเข็มไว้ทัน
หมอเหอเงยหน้ามอง เห็นว่าเป็นซูเล่ออวิ๋น
นางคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของหมอเหอและหมอหลี่ตลอดเวลา เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ นางจึงตอบสนองอย่างรวดเร็ว
หมอเหอล้างแผลเบื้องต้นแล้วจึงเย็บแผลผู้บาดเจ็บต่อไป
โดยไม่รู้ตัว เวลาก็ผ่านไปครึ่งชั่วยาม
มัดด้าย เก็บเข็ม
หมอเหอและหมอลี่ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ในที่สุดก็เสร็จสิ้น
ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของซูเล่ออวิ๋นและเหลียนซินในการจัดการต่อ
ทั้งสองสบตากัน มีแววโล่งใจในดวงตาของพวกนาง
หลังจากนั้นทั้งสองออกจากห้องและแจ้งสถานการณ์แก่ครอบครัวของผู้บาดเจ็บ
แม้แผลจะเย็บเสร็จแล้ว แต่ภายหลังอาจเกิดการอักเสบและมีไข้ จำเป็นต้องพักรักษาตัวที่ไป่เฉ่าถังจนกว่าอาการจะคงที่ก่อนจึงจะพากลับบ้านได้
เมื่อรู้ว่าพี่ชายปลอดภัย น้องชสยของผู้บาดเจ็บก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ กล่าวขอบคุณเพื่อนที่ช่วยนำตัวน้องมาส่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องด้านหลัง
ซูเล่ออวิ๋นและเหลียนซินเพิ่งจัดเก็บของเสร็จและออกมาจากห้องก็ชนเข้ากับเขา
พอเห็นทั้งสอง เขาก็นึกถึงความสงสัยของตนก่อนหน้านี้ จึงรีบโค้งขอโทษ “ขอโทษขอรับ ข้าเข้าใจพวกเจ้าทั้งสองผิดไป!”
“ไม่ต้องใส่ใจหรอก” ซูเล่ออวิ๋นกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน
เมื่อได้ยินเสียงนาง น้องของผู้บาดเจ็บยิ่งรู้สึกเก้อเขิน “...งั้นข้าขอตัวไปดูพี่ชายก่อน”