บทที่ 279 การรักษา
ซูเล่ออวิ๋นหาที่นั่งสบายๆให้ฉินฉีซวง เพื่อให้นางได้พิงและพักผ่อนได้อย่างดี
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนแอของฉินฉีซวง ตลอดทางนั้นฉินจื่อเยี่ยนและซูเล่ออวิ๋นก็ไม่ได้พูดอะไรนัก เพราะกลัวจะรบกวนการพักผ่อนของนาง
จนกระทั่งรถม้าจอดที่หน้าประตูตระกูลฉิน
อวี้ถงและเหลียนซินช่วยประคองฉินฉีซวงออกมา หลังจากที่นางได้พักฟื้นอยู่สักครู่ ดูเหมือนว่าพลังของนางจะกลับคืนมาเล็กน้อย สีหน้าก็ดูดีขึ้น
แต่ซูเล่ออวิ๋นรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
เมื่อเห็นอวี้ถงและเหลียนซินช่วยพยุงฉินฉีซวงเข้าไปในจวน ซูเล่ออวิ๋นหันไปมองหมอหวัง แล้วเดินเข้าไปด้วยท่าทางนอบน้อม
“หมอหวัง อาการของท่านป้าพอจะมีทางรักษาไหมเจ้าคะ”
“ถ้าหากอาการหนัก ข้าอาจจะไม่มีวิธีรักษา แต่ครั้งนี้คุณหนูซูช่วยฝังเข็มไว้ให้ท่านหญิงตระกูลเวินแล้ว ทำให้ข้ายังพอมีทางรักษาได้ แต่มีสมุนไพรบางอย่างที่ต้องใช้เวลาเตรียม”
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอรบกวนหมอหวังด้วยนะเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของซูเล่ออวิ๋นแสดงความดีใจ นางมีวิธีหลายอย่างที่จะรักษาชีพจรของฉินฉีซวงไว้ แต่สำหรับการรักษาให้หายขาดนั้นนางยังไม่มีความมั่นใจนัก
อาจเพราะนางมั่นใจเกินไป คิดว่าคนในตระกูลเวินจะไม่กล้าทำร้ายฉินฉีซวงอีก จึงลืมไปว่ายังมีเถาฝุยอยู่
แววตาของนางปรากฏความรู้สึกผิดออกมา
ฉินจื่อเยี่ยนสังเกตเห็นสีหน้าของซูเล่ออวิ๋นแวบหนึ่ง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า
“เล่ออวิ๋น เจ้าได้ทำมามากพอแล้ว เรื่องของฉีซวงไม่น่าจะเป็นภาระของเจ้าด้วยซ้ำ”
“ท่านป้ารอง ท่านพูดเช่นนี้แสดงว่าไม่ถือว่าเล่ออวิ๋นเป็นคนในครอบครัวแล้วหรือเจ้าคะ”
ซูเล่ออวิ๋นก้มหน้ากลบเกลื่อนความรู้สึก แซวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
เมื่อฉินจื่อเยี่ยนได้ยินนางพูดเช่นนั้น ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
“ถ้าข้าไม่เห็นเจ้าเป็นคนในครอบครัว อาจจะต้องเป็นอวี้เซวียนที่กระโดดขึ้นมาแย้งเป็นคนแรก”
ห้องพักเดิมของฉินฉีซวงยังไม่ได้รับการจัดเตรียม จึงให้นางพักที่ห้องของฉินจื่อเยี่ยนชั่วคราว
หมอหวังได้จับชีพจรของฉินฉีซวงและเขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุงร่างกายของ ระหว่างรอให้สมุนไพรครบก่อนจะเริ่มการรักษาอย่างจริงจัง
ก่อนจะออกจากจวน หมอหวังอดสงสัยไม่ได้ จึงเดินไปหาซูเล่ออวิ๋นแล้วพูดเบาๆว่า “คุณหนูซู พอจะขอคุยสักครู่ได้หรือไม่”
ซูเล่ออวิ๋นพยักหน้าและเดินออกจากเรือนพร้อมกับหมอหวังไปหยุดที่ใต้กำแพงเรือน
“หมอหวังมีอะไรหรือเจ้าคะ”
“ครั้งก่อนที่บ้านตระกูลซุน ข้าได้รักษาท่านแม่ทัพซุนเส้า ข้ารู้สึกประหลาดใจมากที่อาการหนักถึงเพียงนั้น ท่านยังสามารถเขาได้ เหมือนกับครั้งนี้ของท่านหญิงฉีซวงเช่นกัน”
ในใจของหมอหวังเต็มไปด้วยความสงสัย จนถึงกับใช้คำพูดสุภาพกับซูเล่ออวิ๋น
เขารู้สึกว่าฝีมือของซูเล่ออวิ๋นในด้านการแพทย์นั้น ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเสียอีก
“หมอหวัง อย่าพูดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ครั้งที่แล้วอาการของท่านตาเป็นเพราะข้าให้เขากินยาสมุนไพรและดูแลเรื่องอาหารการกินจึงดีขึ้น ส่วนครั้งนี้ของท่านป้า ข้าก็แค่เผอิญรักษาถูกจุดเท่านั้น ท่านคงจะสังเกตเห็นว่าในหลายๆ ด้าน ข้ายังเป็นแค่ผู้เริ่มต้นเท่านั้นเองเจ้าค่ะ”
ซูเล่ออวิ๋นพูดอย่างถ่อมตัว เพราะวิชาการแพทย์ที่นางเรียนจากอาจารย์นั้นไม่ได้เป็นไปตามหลักการสอนทั่วๆ ไป อีกทั้งที่วัดหลงเยว่ นางก็แทบจะไม่ได้พบเจอผู้ป่วยจริงๆ วิธีตรวจโรคแบบมอง ฟัง ถาม จับชีพจร นางทำได้เพียงแค่ขั้นฟังและจับชีพจรเท่านั้น
ชีพจรหลายแบบที่นางอธิบายนั้นเป็นการอ้างอิงจากตำรา หากต้องเจอกับชีพจรที่ไม่เหมือนกับในตำรา นางอาจจะรักษาไม่ได้
หมอหวังขมวดคิ้วและคิดอย่างละเอียด ซึ่งก็พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่เพียงแค่ฝีมือการฝังเข็มของนางก็ทำให้เขาทึ่งแล้ว
โดยทั่วไป การเรียนแพทย์นั้นต้องเริ่มจากการมอง ฟัง ถาม และจับชีพจรก่อน การข้ามขั้นตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น หมอหวังนึกถึงความเป็นไปได้หนึ่ง “คุณหนูซู ไม่ทราบว่าทัก๓ษะการแพทย์ของท่านได้เรียนรู้ด้วยตนเองหรือไม่”
หากมีอาจารย์สอน ก็น่าจะไม่ข้ามขั้นตอนสำคัญเหล่านี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูเล่ออวิ๋นก็เม้มปากก่อนตอบว่า “ไม่ได้เรียนรู้เองเจ้าค่ะ ข้ามีอาจารย์”
แม้ว่าในชาตินี้อาจารย์ยังไม่ได้ยอมรับให้นางเป็นศิษย์ แต่ในใจของนาง อาจารย์ก็คืออาจารย์ นางไม่ลังเลในเรื่องนี้เลย
“แล้วทำไม…”
หมอหวังหยุดคำพูด ความสงสัยนี้เขาไม่ควรถามออกมา เพียงแต่เขารู้สึกเสียดายที่คุณหนูซูนั้นดูจะมีพรสวรรค์ แต่ทำไมอาจารย์ของนางถึงไม่ฝึกฝนให้ดี?
“ไม่ทราบว่าอาจารย์ของคุณหนูซูคือใคร ข้าพอจะรู้จักหรือไม่”
“อาจารย์ของข้าออกจากสังคมไปนานแล้ว ท่านแทบไม่เคยปรากฏตัวเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมอหวังก็เข้าใจและได้แต่ถอนหายใจอย่างเสียดาย จากนั้นก็พูดกับซูเล่ออวิ๋นว่า
“คุณหนูซู คุณมีพรสวรรค์ด้านการแพทย์ หากท่านต้องการ สามารถมาฝึกฝนทักษะเพิ่มเติมที่หอร้อยสมุนไพรได้ ถือเป็นการฝึกฝนไปในตัวด้วย”
“ข้าไปได้จริงหรือเจ้าคะ”
ซูเล่ออวิ๋นไม่คาดคิดว่าหมอหวังจะเสนอเช่นนี้ นางถึงกับนิ่งไป การได้ไปนั่งรักษาคนไข้ที่หอร้อยสมุนไพรถือว่าเป็นโอกาสดีสำหรับนาง
ช่วงนี้นางมัวแต่จดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือและไม่ได้มีโอกาสฝึกฝนเลย การไปที่นั่นจึงถือว่าเป็นโอกาสดีไม่น้อย
“หากคุณหนูซูยินดี แน่นอนว่าทำได้”
หมอหวังตอบด้วยความยินดีและเปิดใจต้อนรับ
เมื่อมีโอกาสดีเช่นนี้ ซูเล่ออวิ๋นย่อมไม่ปฏิเสธ นางจึงตกลงทันที
ด้วยเหตุนี้ ในวันต่อมา ซูเล่ออวิ๋นจึงขังตัวเองในห้อง ตั้งใจศึกษาอ่านตำราแพทย์อย่างละเอียด เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด
สามวันต่อมา ซูเล่ออวิ๋นพาเหลียนซินและชุ่ยหลิวมาที่หอร้อยสมุนไพร
“คุณหนู ขอโทษด้วยนะขอรับ ท่านหมอของเรายังไม่มา อาจจะต้องรบกวนคุณหนูรอสักครู่ขอรับ”
เด็กฝึกงานที่กำลังจัดยาอยู่ตรงหน้าตู้ยา เห็นเงาร่างสามคนเดินเข้ามา จึงรีบเดินเข้าไปทักทาย
“หมอหวังเป็นคนบอกให้ข้ามา”
“หมอหวังหรือ ท่านหมายถึงผู้ดูแลร้านของเราใช่หรือไม่ขอรับ” เด็กฝึกงานนึกขึ้นได้บางอย่าง จึงมองสำรวจซูเล่ออวิ๋น เมื่อเห็นกล่องยาอยู่บนไหล่ของเหลียนซินก็เข้าใจขึ้นมา “คุณหนูซูที่ว่ากันว่าจะมานั่งตรวจคนไข้วันนี้ใช่หรือไม่ขอรับ”
ดูท่าว่าหมอหวังได้แจ้งเด็กฝึกงานไว้ก่อนแล้ว
เด็กฝึกงานพาซูเล่ออวิ๋นเข้าไปด้านใน “ผู้ดูแลร้านได้บอกเราไว้ล่วงหน้าแล้วครับ เขาจัดเตรียมตำแหน่งให้คุณหนูเรียบร้อยแล้ว”
ด้านซ้ายของหอ คือชั้นวางยากับตู้เก็บเงิน ส่วนด้านขวาถูกกั้นด้วยฉากเพื่อสร้างพื้นที่ให้หมอประจำที่ใช้ตรวจรักษาคนไข้ที่มาหา
เมื่อพาซูเล่ออวิ๋นไปถึงที่นั่ง เด็กฝึกงานก็จากไป แต่ก่อนจะออกไปก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองอีกครั้ง หญิงสาวอายุน้อยเช่นนี้ จะรักษาโรคได้จริงหรือ
แม้ว่าหมอหวังจะบอกไว้ แต่เด็กฝึกงานก็ยังคงสงสัย
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น ท่านหมอประจำการอีกสองท่านก็มาถึง
หนึ่งในนั้นคือหมอเหอ
ทั้งสองคนเมื่อเห็นซูเล่ออวิ๋นนั่งอยู่ที่ตำแหน่ง ก็อดที่จะอึ้งไม่ได้
นี่เองหรือ หญิงสาวที่หมอหวังบอกว่ามีพรสวรรค์น่ะหรือ
เด็กขนาดนี้ จะไว้ใจได้หรือ?
ที่นั่งของหมอเหออยู่ติดกับซูเล่ออวิ๋น เมื่อเขานั่งลงก็สังเกตเห็นเหลียนซินกับชุ่ยหลิว จึงอดที่จะยิ้มเยาะออกมาไม่ได้
หญิงสาวเช่นนี้ คงมาเล่นๆมากกว่าจะมาทำงานจริงจัง ขอแค่อย่าสร้างปัญหาให้กับหอแพทย์ก็พอแล้ว
ซูเล่ออวิ๋นสังเกตเห็นสีหน้าของหมอเหอ แต่ไม่ได้ใส่ใจ นางเข้าใจดีว่าในฐานะหญิงสาวที่เรียนแพทย์ ย่อมถูกตั้งข้อสงสัยอยู่แล้ว หากต้องอธิบายกับทุกคน นางคงไม่มีวันอธิบายได้หมด
ไม่นานนัก คนไข้คนแรกก็เข้ามา
เขาตรงไปหาหมออีกท่านหนึ่งอย่างคุ้นเคย ชัดเจนว่าเป็นคนไข้ประจำ
เวลาผ่านไปทีละเล็กน้อย คนไข้ก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คนไข้บางคนที่มาใช้บริการครั้งแรกจึงเริ่มมองสำรวจหมอทั้งสามคน เมื่อเห็นซูเล่ออวิ๋น ก็มักจะหยุดชะงัก จากนั้นก็เลือกหมอเหอหรือหมออีกท่านหนึ่ง