บทที่ 114: ข้าไม่รู้
“ดูสิ…พวกมนุษย์โง่เขลา เพียงแค่อาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้คนพวกนั้นยอมจำนน แมวตัวนี้ต่างจากพวกมันนัก ยามที่ข้าอยู่ในวังหลวง แม้แต่ฮ่องเต้…”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นทำให้มู่ไป๋ไป่ตกใจมาก
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงพูดเยาะเย้ยดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้าแมวอ้วนนี่คุยโวอีกแล้ว เรารีบไปกันเถอะ”
“นี่ หยุดนะ! ข้ายังพูดไม่จบ! กลับมาก่อน! ข้าเป็นแมวทรงเลี้ยง หากพวกเจ้ากล้าดูถูกข้าอีก เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะสั่งให้ฝ่าบาทกับองค์หญิงหกขับไล่พวกเจ้าทุกตัวออกจากเมืองหลวง!” เจ้าแมวตัวสีส้มตะโกนเสียงดัง ซึ่งเด็กหญิงสามารถจินตนาการได้เลยว่ามันกำลังโกรธมากเพียงใด แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเหยียดริมฝีปากขึ้น
ไม่สิ!
แมวกลุ่มนั้นเพิ่งพูดกันว่ามีเด็กกลุ่มหนึ่งถูกขังเอาไว้แล้วคนที่เฝ้าพวกเขาก็ดูน่ากลัว…
หรือว่าเด็กที่แมวพวกนั้นพูดถึงคือกลุ่มเด็กหายที่เธอกำลังตามหาอยู่?
มู่ไป๋ไป่ไม่สนใจสิ่งใดอีก เธอรีบดึงกางเกงขึ้นมาใส่ ก่อนจะเปิดประตูแล้วก็วิ่งออกไปทันที
หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างนอกหยิบไม้มาวาดเขียนบนพื้นแก้เบื่อ ในตอนที่พวกเขาสัมผัสได้ถึงลมกระโชกแรงที่พัดมาปะทะผิวกาย ทั้งคู่ก็เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นองค์หญิงหกที่วิ่งผ่านไปแล้วนางก็หายไปจากสายตาของพวกเขา
“อ๊ะ! คุณหนู!”
“พี่อวี้เซิ่ง รีบตามคุณหนูไปเร็วเข้า!”
หลัวเซียวเซียวพยายามขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัว แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นเผชิญกับเจ้าของหน้ากากสีเงิน นางก็ทำได้เพียงบังคับตัวเองให้หันไปตะโกนบอกอวี้เซิ่งที่เฝ้าอยู่ด้านนอกแทน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นักฆ่าหนุ่มจะทันได้ตอบสนอง เซียวถังอี้ก็ได้ก้าวพรวดไปเพียงก้าวเดียวก็ตามเจ้าตัวเล็กทันแล้ว
ทางด้านมู่ไป๋ไป่ไม่ได้กังวลว่าหลัวเซียวเซียวกับคนอื่น ๆ จะตามทันหรือไม่ เพราะในกลุ่มของพวกเธอนั้นมีผู้มีวรยุทธกล้าแกร่งอยู่ถึง 2 คนอย่างอวี้เซิ่งกับเจ้าสัตว์ประหลาด
ตอนนี้สิ่งสำคัญคือเธอต้องตามแมวที่พูดถึงเด็กพวกนั้นให้ทันเสียก่อน
ทว่าขณะที่คนตัวเล็กกำลังวิ่งไปถึงหลังกำแพง จู่ ๆ ตัวเธอก็ลอยขึ้นจากพื้น
ไม่นานเสียงคุ้นเคยก็ดังมาจากด้านหลัง ซึ่งเป็นเสียงที่ฟังดูเย็นชาของเซียวถังอี้
“เจ้าตัวเล็ก มีอะไรเกิดขึ้นในห้องน้ำกัน ทำเช่นนี้เจ้าอยากถูกตีหรืออย่างไร?” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าเด็กน้อยคนนี้ทำไมถึงชอบทำอะไรหุนหันพลันแล่นยิ่งนัก มู่เทียนฉงโปรดปรานเด็กเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
แต่พอเซียวถังอี้คิดถึงแผนการที่เขาเคยได้ยินเมื่อวันก่อน คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันอีกเล็กน้อย
“นี่ ปล่อยข้านะ!” มู่ไป๋ไป่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนผู้นี้ถึงชอบมาขัดขวางเธออยู่เรื่อย มันจึงทำให้เธอรู้สึกโมโหมาก
“ข้าจะปล่อยเจ้าก็ต่อเมื่อเจ้าบอกมาว่าทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงวิ่งออกมาอย่างกะทันหันเช่นนี้?” เด็กหนุ่มกล่าวพลางจ้องหน้าเด็กหญิง
คนตัวเล็กเองก็เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเช่นกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้ง 2 คนจะสงบลงแล้ว ขณะที่ในใจเธอยังคงรู้สึกกระวนกระวาย
ดวงตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากนั้นเรียวยาวเป็นประกาย ช่างดูงดงามในสายตาของเธอ
ยามที่มู่ไป๋ไป่สบตาเขา มันทำให้เธอฟุ้งซ่านไปชั่วครู่ แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าต้องพูดอะไร “นั่นคือเจ้าส้ม! ข้าเพิ่งเห็นเจ้าส้ม ข้าจะไปหามัน!”
ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่เธอจะไปบอกใคร ๆ ว่าตนเข้าใจภาษาสัตว์ อย่างแรกเลยคงไม่มีใครเชื่อ และอย่างที่ 2 คนผู้นั้นจะคิดว่าเธอเป็นบ้าไปเสียก่อน
ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงหาข้อแก้ตัวโดยการหยิบยกเจ้าส้มมาอ้างเท่านั้น
“ท่านจำเจ้าส้มได้หรือไม่?” มู่ไป๋ไป่กลัวว่าเซียวถังอี้จะลืมมัน ดังนั้นเธอจึงรีบทำมือประกอบคำอธิบาย “เจ้าส้มเป็นแมวตัวอ้วน ๆ ที่ข้าเคยให้ท่านช่วยตามหามันครั้งที่แล้ว”
“ข้าจำได้” เด็กหนุ่มเหลือบมองไปยังทิศทางที่คนตัวเล็กกำลังมุ่งหน้าไป “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้บอกว่าจะไม่สนใจมันแล้วหรอกหรือ? ทำไมจู่ ๆ เจ้าจะตามหามันอีก?”
ทันทีที่เด็กหญิงเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตอบว่า “ครั้งที่แล้วก็คือเรื่องของครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ก็คือครั้งนี้”
“...”
ช่างเป็นเด็กที่ไร้เหตุผลจริง ๆ
โชคดีที่มู่ไป๋ไป่หัวเร็วพอ ทันทีที่เซียวถังอี้พาเธอข้ามไปด้านหลังกำแพง แมวทุกตัวก็ยังไม่หายไปจากตรงนั้น
บนกำแพงมีแมวอ้วนตัวหนึ่งนั่งอยู่สูงกว่าตัวอื่นโดยทำท่าเหมือนมันกำลังออกคำสั่ง ส่วนใต้กำแพงมีแมวหลากสี 4-5 ตัวกำลังนอนเอกเขนกอยู่กระจัดกระจาย บางตัวก็งีบหลับ บางตัวก็กำลังแต่งหน้าผลัดขน แต่ทั้งหมดนั้นกลับไม่มีใครสนใจแมวตัวที่อยู่บนกำแพงเลยสักนิด
“พวกเจ้าเป็นเพียงแมวธรรมดา พวกเจ้าคงไม่เคยเห็นมาก่อนว่าวังหลวงหน้าตาเป็นอย่างไร” เจ้าส้มยังคงโอ้อวด แต่เมื่อมันได้กลิ่นที่คุ้นเคยส่งกลิ่นใกล้เข้ามา มันก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียง “แง้ววว!” คล้ายกำลังหวาดกลัวขณะที่ขนของมันตั้งชัน
“มู่ไป๋ไป่! ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่!”
“เจ้าส้ม! ในที่สุดข้าก็หาตัวเจ้าพบ!”
มู่ไป๋ไป่ออกจากอ้อมแขนของเซียวถังอี้และวิ่งตรงไปที่กำแพงก่อนจะตะโกนใส่แมวตัวโตว่า “รีบลงมาเร็วเข้า ข้ามีเรื่องสำคัญให้เจ้าช่วย”
เจ้าส้มรู้สึกสงสัย “เจ้ากำลังคิดจะลักพาตัวข้ากลับวังหลวงอย่างนั้นหรือ? เราตกลงกันอย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งนั้นแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าจะไล่ตามความรักของข้าเอง—”
“ลงมา!!” เนื่องจากเซียวถังอี้ยังคงเฝ้าดูอยู่ มู่ไป๋ไป่จึงไม่กล้าพูดอะไรกับมันมากนัก “นี่เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ”
พอเจ้าส้มเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจริงจังแค่ไหน มันก็ส่งเสียงร้อง “เหมียว” ก่อนจะกระโดดลงจากกำแพงไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายและยืนอยู่บนนั้นอย่างมั่นคง
“โอ๊ย!” มู่ไป๋ไป่ที่ถูกกระโดดใส่กัดฟันพูดว่า “ช่วงนี้เจ้ากินอะไรเข้าไป ทำไมถึงหนักขึ้นกว่าเดิมอีก?”
เธอรู้สึกว่าน้ำหนักของมันมากกว่าตอนที่ออกจากวังหลวงเกือบจะ 2 เท่า
ทางด้านแมวที่นอนอยู่บนพื้นดูเหมือนพวกมันไม่กลัวคนเลย พวกมันไม่ได้พากันแยกย้ายไปทันทีที่เห็นมู่ไป๋ไป่ปรากฏตัว พวกมันทำเพียงแค่ย้ายที่นอนด้วยท่าทางที่สงบ
“เจ้าคิดไปเองมากกว่า” เจ้าส้มกระดิกหางซ้ายทีขวาที “เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าน้ำหนักตัวของข้าลดลงไปตั้งเยอะ”
เด็กหญิงกำลังคิดว่าเจ้าแมวอ้วนจะรู้สึกขัดเขินหรือไม่ถ้าเธอบอกว่าเนื้อที่อยู่รอบเอวของมันนั้นดูเหมือนจะหนาขึ้น?
หลักฐานทนโท่เช่นนี้มันยังมีหน้ามาบอกอีกว่าน้ำหนักลดลง!
“เราเจอเจ้าส้มแล้ว เราควรกลับกันดีหรือไม่?” เซียวถังอี้เห็นมู่ไป๋ไป่พูดคุยกับแมวอ้วนตัวใหญ่ไม่หยุดจึงขัดจังหวะขึ้นมา “เจ้ายังอยากตามหาคนอยู่หรือไม่?”
ทันทีที่คนตัวเล็กได้รับคำเตือนของเด็กหนุ่ม เธอก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้แล้วรีบหันไปมองแมวที่อยู่รอบตัว “เจ้าส้ม ข้าได้ยินที่พวกเจ้าพูดกันว่ามีเด็กกลุ่มหนึ่งถูกขังเอาไว้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเด็กพวกนั้นถูกขังอยู่ที่ไหน?”
“หืม? ข้าไม่รู้” แมวส้มเลียอุ้งเท้าของตัวเองพลางตอบด้วยท่าทางสบายอารมณ์ “เมื่อกี้พวกเราพูดถึงพวกเด็ก ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว!” มู่ไป๋ไป่เหลือบมองเซียวถังอี้ซึ่งอยู่ไม่ไกล ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าได้ยินสิ่งที่พวกเจ้าพูดอย่างชัดเจน”
“อ๋อ… ข้าจำได้แล้วว่าพูดเช่นนั้น” จู่ ๆ เจ้าส้มก็พยักหน้า จากนั้นจึงกระโดดลงจากไหล่เธอและเดินไปหาฝูงแมวอย่างสง่างาม “นี่ เจ้าดำ พวกเจ้าเพิ่งบอกข้าว่าเห็นเด็กถูกขังเอาไว้ใช่หรือไม่ พวกเขาอยู่ที่ไหนหรือ?”
“...” มู่ไป๋ไป่ถึงกับพูดไม่ออก
ทำไมเจ้าส้มถึงเรียกแมวป่าตัวนี้ว่าเจ้าดำ?
“เหมียว?” เจ้าดำหันไปมองเจ้าส้มอย่างเกียจคร้านก่อนจะตอบว่า “เด็กพวกนั้นอยู่ในจวนทางตอนใต้ของเมือง เช้านี้ข้าไปหาอาหารกินแถว ๆ นั้นแล้วบังเอิญเห็นเข้า”
“มนุษย์ที่อาศัยอยู่ทางใต้ของเมืองแปลกมาก”
แปลก? มีอะไรแปลก?
มู่ไป๋ไป่ยังคงอยากจะถามคำถามเพิ่มเติม แต่ตอนนี้เธอเห็นว่าพวกอวี้เซิ่งกำลังตามมาถึง
“เจ้าส้ม!” หลัวเซียวเซียวรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นแมวอ้วนแล้ววิ่งเข้าไปหามันอย่างมีความสุข “เจ้าอยู่ที่นี่นี่เอง เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์หญิงตามหาเจ้านานเพียงใด!”
ตอนที่เจ้าส้มกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ ๆ กลุ่มแมวก็ประสานเสียงกันขู่
“แง้วววว!”
“ฟ่ออออ!”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เจ้าส้มหายไปนานมากกกก พอติดสาวแล้วหายเข้ากลีบเมฆไปเลยนะ!