บทที่ 113: ลางสังหรณ์
มู่ไป๋ไป่รู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างชายทั้ง 2 เพราะเธอไม่แน่ใจว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่า อวี้เซิ่งพูดเหมือนกับว่าเจ้าสัตว์ประหลาดน่าจะรู้ตัวตนของเธอ
“อืม” เซียวถังอี้พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อพูด “เป็นอย่างไรบ้าง มีข่าวอะไรหรือไม่?”
“ไม่มี” นักฆ่าหนุ่มตอบพลางถอนหายใจ “ไม่นานมานี้คนด้านล่างได้รับการจ้างวานเยอะพอดู แต่ข้อมูลที่ได้รับไม่มีประโยชน์มากนัก”
เมื่อคนตัวเล็กได้ยินคำว่า ‘การจ้างวาน’ และ ‘ข่าว’ เธอก็หูผึ่งจนอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ทั้งคู่เงียบ ๆ
เซียวถังอี้กับอวี้เซิ่งแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเด็กหญิง จากนั้นพวกเขาก็ ‘พูดคุย’ กันต่อไป
การแอบฟังครั้งนี้ทำให้มู่ไป๋ไป่เข้าใจคร่าว ๆ ว่าโรงพนันใต้ดินนี้ประกอบกิจการแบบไหนจากการ ‘พูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ’ ของพวกเขา
ปรากฏว่าสถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่โรงพนันใต้ดิน จริง ๆ แล้วคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นนักฆ่านอกเครื่องแบบ
โดยรวมแล้วพวกเขาทั้งหมดมีฝีมือค่อนข้างสูง
ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่นักฆ่าทั้งหลายมาแลกเปลี่ยนข่าวสารและรับงาน
พอมู่ไป๋ไป่คิดว่าคนที่เธอพบเมื่อตอนนั้นเป็นกลุ่มนักฆ่า ขนทั่วตัวเธอก็ถึงขั้นตั้งชัน
“พวกท่าน…” เด็กหญิงจ้องมองเซียวถังอี้และอวี้เซิ่ง “นี่… พวกท่านคิดจะทำการใหญ่ในเมืองหลวงหรือ?”
“หรือว่าพวกท่านคิดจะกบฏ!?”
“...” ชายทั้ง 2 นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
“กบฏ?” หลัวเซียวเซียวที่ยืนอยู่ด้านข้างตัวสั่นสะท้านหลังจากได้ยินเช่นนั้น นางรีบก้าวไปดึงองค์หญิงมาหลบข้างหลังตนเอง แล้วจ้องไปที่อวี้เซิ่งกับเซียวถังอี้ด้วยสายตาหวาดระแวง
“ฮ่า ๆๆ...” จู่ ๆ เซียวถังอี้ก็หัวเราะออกมาก่อนจะวางจอกสุราในมือลง “ถ้าข้าเป็นกบฏ องค์หญิงหกที่ได้รับการโปรดปรานจากฝ่าบาทจะเป็นคนแรกที่ข้าฆ่า”
“...” มู่ไป๋ไป่ที่ได้ยินดังนี้ก็หมดคำจะพูด
“เลิกล้อองค์หญิงหกเล่นได้แล้ว” อวี้เซิ่งทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากลัวว่าเด็กหญิงจะคิดจริงจังกับเรื่องนี้ เขาจึงกระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “องค์หญิงหก พระองค์ยังอยากตามหาคนอยู่อีกหรือไม่?”
“หาสิ!” คนตัวเล็กตื่นจากภวังค์ทันที จากนั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่างได้อีกครั้ง ก่อนจะกอดอกถามว่า “นี่ท่านไม่ได้คิดอยากจะหลอกใช้พี่จวินเฉาใช่หรือไม่?”
“ข้าบอกพระองค์ไปแล้วว่าข้าไม่ทำอะไรแย่ ๆ เช่นนั้นหรอก” นักฆ่าหนุ่มส่ายหัวตอบ
“จวินเฉา?” ดวงตาของเซียวถังอี้หรี่ลงเล็กน้อย “เจ้ารู้จักจวินเฉาด้วยหรือ?”
“องค์หญิงหกกำลังพูดถึงเสิ่นจวินเฉา คุณชายของตระกูลเสิ่น” อวี้เซิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดเช่นเดียวกับตน เขาจึงอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา
“ท่านรู้จักพี่จวินเฉาด้วยหรือ?” มู่ไป๋ไป่มีท่าทีสงสัย
เซียวถังอี้เลิกคิ้วเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็นความแตกต่าง หลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เขาก็ตอบออกไปนิ่ง ๆ ว่า “ข้าไม่รู้จักเขา”
“...” เด็กหญิงหรี่ตามองอีกฝ่าย
“ออกไปกันเถอะ” อวี้เซิ่งพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเราต้องการตามหาคุณชายของตระกูลเสิ่น ดังนั้นเราจึงควรไปสืบที่จวนของเขาเป็นอันดับแรก”
“ตกลงท่านจะฆ่าข้าปิดปากจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” มู่ไป๋ไป่ดึงเสื้อของนักฆ่าหนุ่มแล้วถามพร้อมกับเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเว้าวอน
“องค์หญิงหก ทำไมข้าต้องฆ่าปิดปากพระองค์ด้วย?” อวี้เซิ่งอุ้มเด็กน้อยขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากโรงพนันใต้ดิน “คุณชายเซียวกับข้าไม่ใช่กบฏ”
มู่ไป๋ไป่ยังคงส่งสายตาหวาดระแวงมองเขา และเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีเหมือนคนกำลังพูดโกหก จากนั้นเธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงได้ตั้งสถานที่เช่นนี้ในเมืองหลวง?”
“คงไม่ใช่เพื่อความสนุกสนานใช่หรือไม่?”
“ข้ายังบอกพระองค์เรื่องนี้ไม่ได้” อวี้เซิ่งหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาปฏิเสธโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ ปรมาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังโรงพนันที่นี่คงไม่พอใจที่เขาบอกองค์หญิงหกเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังออกจากโรงพนันใต้ดินแล้ว มู่ไป๋ไป่และคนอื่น ๆ ก็ออกจากหอคณิกาไปเช่นกัน
ในระหว่างที่เดินออกมาก็มีเสี่ยวเอ้อร์เพียงคนเดียวคอยเฝ้าประตูเอาไว้ ทันทีที่เขาเห็นพวกเธอเดินออกมา เขาก็เดินเข้ามาส่งทุกคนไปที่ประตูอย่างขยันขันแข็ง
ทันทีที่พวกหลัวเซียวเซียวเดินกลับมายังพื้นที่ที่มีชีวิตชีวา พวกนางก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังหลงเหลือความไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย
“พวกเราไม่จำเป็นต้องไปที่จวนตระกูลเสิ่น เพราะเมื่อวานนี้พวกเราไปที่นั่นกันแล้ว” มู่ไป๋ไป่พูดพร้อมกับปรบมือ “และข้าก็ได้สอบถามคุณน้าตรงนั้นด้วยว่าครั้งสุดท้ายที่เด็ก ๆ เหล่านั้นถูกพบเห็นก็คือนอกเมืองระหว่างเดินทางไปยังวัดฮู่กั๋ว”
“เดี๋ยวข้าจะลองถามคนแถวนี้เพิ่มเติมอีกสักหน่อย ลองดูว่าจะมีเบาะแสอะไรเพิ่มเติมหรือไม่”
เมื่อวานนี้พวกเธอได้ขอให้เจ้าเหลืองค้นหารอบเมือง ถึงขั้นเดินทางไปยังจวนตระกูลเสิ่นด้วย แต่ก็ไม่พบเบาะแสใด ๆ ตอนนี้มันเหมือนกับว่าพวกเธอกำลังงมเข็มในมหาสมุทร
“ไม่จำเป็น” เซียวถังอี้ขัดจังหวะเด็กหญิง “คนพวกนั้นยังอยู่ในเมือง”
มู่ไป๋ไป่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อคำพูดจ่ออยู่ตรงริมฝีปาก เธอก็เพิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและมองอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น “ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน?”
“ข้าไม่รู้” เด็กหนุ่มกล่าวขณะเดินไปข้างหน้า “แต่ข้ามั่นใจว่าพวกเขายังอยู่ในเมืองหลวง”
สายลับของเขาในเมืองไม่เห็นใครออกจากเมืองหลวงพร้อมกับเด็ก ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะรอบคอบเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถหลบหนีจากสายตาของเขาและสายลับของมู่เทียนฉงในเมืองหลวงไปได้
ดังนั้นเขาจึงแน่ใจว่าเด็กเหล่านั้นยังอยู่ในเมืองหลวง
ยิ่งไปกว่านั้น ลางสังหรณ์ของเขาร้องเตือนรุนแรงว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแคว้นหนานซวน
ดวงตาของเซียวถังอี้มืดลงในขณะที่เขานึกถึงจวนร้างซึ่งเป็นแหล่งกบดานของสายลับหนานซวนที่เขาไปบังเอิญค้นพบเมื่อวานนี้
มู่ไป๋ไป่สามารถเข้าใจได้ทันที เธอเดาว่าเจ้าสัตว์ประหลาดมีวิธียืนยันข่าวบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงรู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าเด็กที่หายไปยังคงอยู่ในเมืองหลวง
ขอเพียงแค่คนพวกนั้นไม่ได้ออกจากเมืองหลวงไป อีกไม่นานพวกเธอก็จะตามหาพวกเขาพบ
ทันใดนั้นอาการมวนท้องก็แทรกเข้ามา
เด็กหญิงจึงกุมท้องของตัวเองพร้อมกับทำสีหน้าเหยเก
“เกิดอะไรขึ้น?” อวี้เซิ่งสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ จึงขมวดคิ้วถาม “องค์หญิงหกรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
“ไม่ใช่...” มู่ไป๋ไป่ขยับก้นด้วยความเขินอายขณะพูดเสียงแผ่วเบา “ข้า… เมื่อเช้านี้ข้ากินเยอะเกินไปหน่อย...”
“อะไรนะ?” นักฆ่าหนุ่มยังคงไม่เข้าใจ
เด็กหญิงหน้าแดงทันที เธอจะกล้าพูดต่อหน้าพี่ชายสุดหล่อได้อย่างไรว่าเธอปวดขี้!?
เซียวถังอี้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างมองมู่ไป๋ไป่ที่มีท่าทีอึดอัดแบบอธิบายไม่ได้อยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะกระชากคนตัวเล็กออกจากอ้อมแขนของอวี้เซิ่ง
“โอ๊ย! เจ้าสัตว์ประหลาด ท่านคิดจะทำอะไร!” เท้าของมู่ไป๋ไป่ห้อยอยู่กลางอากาศ บัดนี้ร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ในขณะที่ท้องก็ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ “วางข้าลงนะ!”
“เจ้ารีบไม่ใช่หรือ?” เด็กหนุ่มเหลือบมองเจ้าตัวเล็ก แล้วหิ้วนางไปที่ห้องน้ำ
“เอ๊ะ?” เด็กหญิงมองเขาด้วยความตกใจ แล้วใบหน้าเล็ก ๆ ก็เห่อร้อนยิ่งกว่าเดิม “ท่านพูดเบา ๆ หน่อยสิ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศบอกคนอื่นหรอก”
“อีกอย่าง เรื่องนี้ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกตินี่?”
“คนเราย่อมมีความต้องการเร่งด่วน 3 ประการ— โอ๊ย! ท่านกล้าดีอย่างไรถึงโยนข้าทิ้ง!”
เซียวถังอี้โยนร่างเล็กเข้าไปในห้องน้ำด้วยใบหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็ปิดประตูโครมใหญ่ก่อนจะเดินหนีไป
มู่ไป๋ไป่ที่ถูกโยนลงบนพื้นลูบก้นของตนเองเบา ๆ แล้วลุกขึ้นยืน ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เธอก็แทบเป็นลมล้มตึงไปเพราะกลิ่นห้องน้ำ
ทางด้านหลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงที่วิ่งไล่ตามทั้ง 2 คนมาก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าสถานที่ที่เซียวถังอี้พาองค์หญิงหกไปคือห้องน้ำ
มู่ไป๋ไป่ยกมือขึ้นปิดจมูกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับที่ปากพึมพำสาปแช่งเจ้าสัตว์ประหลาดไม่หยุด
ในตอนที่เธอกำลังบ่นอยู่นั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากผนังด้านหลังห้องน้ำ
“มนุษย์พวกนั้นทำให้ข้าตกใจแทบตาย... ข้าเกือบเสียเหยื่อไปเพราะพวกมันแล้ว”
“ใช่แล้ว มนุษย์เด็กพวกนั้นก็โง่เหมือนกัน พวกเขาวิ่งหนีไม่เป็นหรืออย่างไร?”
“เจ้าไม่เข้าใจ ขอเพียงมีอาหารเลี้ยงปากท้อง แมวอย่างเราก็คงไม่หนีไปไหน”
“!!!”
ดูเหมือนเธอจะได้ยินบางสิ่งที่พิเศษเข้าแล้ว!