ตอนที่ 67 สามนายพลศพ !
ตอนที่ 67 สามนายพลศพ !
ฉู่เสวียนมองลงไปที่แม่ซอมบี้แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า "งานของเจ้าคือต้องผลิตซอมบี้ตัวเล็กๆเหล่านั้นที่ไม่กิน ไม่เคลื่อนไหว และไม่มีความสามารถในการคิด เข้าใจหรือไม่”
แม่ซอมบี้พยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวสาร หลังจากที่มันได้เผชิญหน้าต่อสู้กับฉู่เสวียนแล้ว มันก็สูญเสียความคิดที่จะต่อต้านไปจนหมด ตราบใดที่มีชีวิตต่อไปได้ มันก็ยอมทำทุกอย่าง
ไม่นานแม่ซอมบี้ที่ได้รับอาหารเพียงพอก็เริ่มวางไข่ออกมาทีละใบ
ไข่ซอมบี้แต่ละใบก็จะถูกศพหยินนำไปวางลงในหลุม
หลังจากสี่ถึงห้าวัน ไข่ซอมบี้ก็จะฟักออกมาเป็นตัว
ร่างของซอมบี้ตัวน้อยเหล่านี้ก็จะกลายเป็นเหมือนวัสดุปลูกของสมุนไพรวิญญาณ
ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะสามารถปลูกสมุนไพรวิญญาณอย่างต้นไท้ส่วยและต้นเขี้ยวปีศาจโลหิตได้ในจำนวนมาก
จากนั้นไม่นานระดับของศพหยินที่อยู่ภายใต้อำนาจของเขาก็จะพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่ซอมบี้ตัวน้อยตายหลังจากที่พลังงานของมันถูกสมุนไพรวิญญาณกลืนกินไปจนหมด เขาก็จะยังได้รับผลบุญจากการฆ่าซอมบี้ด้วย
ฉู่เสวียนยืนอยู่บนดาดฟ้ามองดูฟาร์มซอมบี้ของเขาที่เจริญรุ่งเรืองและยิ้มอย่างพอใจ
"ต่อไปคือทำธุระของข้าต่อ!" ในไม่ช้าเขาก็มาถึงค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยิน จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิและเริ่มปรับแต่งเทคนิคหุ่นเชิดปีศาจโลหิต
หัวใจหลักของการปรับแต่งเทคนิคหุ่นเชิดปีศาจโลหิตคือการเพิ่มเทคนิคกังหันน้ำ ซึ่งเทคนิคนี้ จะต้องใช้แก่นโลหิตและวิญญาณชั่วร้ายในการปรับแต่งด้วย ฉู่เสวียนประมาณการว่าเขาอาจจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งปีในการปรับแต่งหุ่นเชิดปีศาจโลหิตให้เสร็จสิ้นทั้ง 3 ตัว
โชคดีที่เขาอยู่บนดาวเคราะห์โลกาวินาศ ที่กระแสของเวลาไหลเร็วกว่าทวีปชางเสวียนถึง 10 เท่า แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่สองปีแล้ว แต่ในทวีปชางเสวียนก็ผ่านไปเพียงสองเดือนเท่านั้น
สำหรับผู้บ่มเพาะแล้ว การเก็บตัวเพื่อทำการฝึกฝนเคล็ดลับวิชาเพียงสองเดือนนั้น ถือว่าเป็นเรืองปกติมาก คงไม่เป็นไรหากว่าเขาจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้
เวลาผ่านไปในแต่ละวันกิจวัตรประจำวันของฉู่เสวียนก็ไม่มีอะไรมาก ในระหว่างวัน เขาได้กลั่นหลอมยาไท้ส่วยและยาอายุวัฒนะอื่น ๆ และในตอนกลางคืน เขาก็จะใช้เวลาไปกับการปรับแต่งเทคนิคหุ่นเชิดปีศาจโลหิต
หนึ่งปีต่อมา....
ฉู่เสวียนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินอยู่ที่เดิม เงาของเขาทอดยาวออกไป
ดูเหมือนจะมีวิญญาณชั่วร้ายแปลก ๆ คืบคลานเข้ามา
“หุ่นเชิดปีศาจโลหิตตัวที่สามก็ถูกปรับแต่งเสร็จสิ้นแล้ว ด้วยวิธีนี้ ข้าก็มีหนทางที่จะต้านทานการโจมตีที่ถึงกับชีวิตได้สามครั้ง อีกทั้งข้ายังสามารถใช้หุ่นเชิดปีศาจโลหิตนี้แลกเปลี่ยนอาการบาดเจ็บระหว่างการต่อสู้เพื่อช่วยชีวิตของตัวข้าอีกด้วย ”ฉู่เสวียนแสดงรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา
ในเวลานี้เขาก็ได้ยินเสียงคำรามของศพทั้งสามอยู่ไม่ไกลซึ่งมันก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากศพหยินทั้งสามของเขาอย่าง เสี่ยวหลง เสี่ยวหู่ และเสี่ยวเป่า เมื่อพวกเขารู้ข่าวที่ว่า ฉู่เสวียนสิ้นสุดการฝึกฝนแล้ว พวกเขาก็มาที่นี่ทันที หลังจากนั้นไม่นาน ศพทั้งสามก็มายืนอยู่ตรงหน้าของฉู่เสวียน
ศพหยินที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งสามตัวล้วนเปล่งออร่าที่ทรงพลังออกมาในเวลานี้
เสี่ยวหลง ชายร่างใหญ่หัวล้านที่มีรูปร่างหน้าตาสง่างาม ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการต่อสู้หรือการป้องกันตัว เขาก็มีทั้งสองอย่างโดยที่ไม่เป็นสองรองใคร อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัว
เสี่ยวหู่เป็นชายร่างกำยำ ที่มีร่างกายใหญ่กว่าเสี่ยวหลงเสียอีก ร่างกายของเขาไม่ต่างไปจากรถถังที่แข็งแกร่ง
ส่วนเสี่ยวเป้านั้นมีรูปร่างผอมบาง ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีดำจาง ๆ ทุกการเคลื่อนไหวของเขานั้นคมกริบราวกับมีด ร่างกายของเขาถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นนักฆ่าลอบสังหาร
อย่างไรก็ตาม ด้วยนิสัยที่ไม่เอาไหนและเห็นแก่กินของมันที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังคาบหางหูอยู่ในปาก ก็ทำให้มีดคมๆ นี้ดูงี่เง่าเล็กน้อย
"อาหารขยะ ในอนาคตอย่ากินมันอีก" ฉู่เสวียนดุออกมา
เสี่ยวเป้ารีบคายหางหนูออกและหดคอลงเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ
ฉู่เสวียนเหลือบมองอีกครั้งและพบว่าในเวลานี้ศพหยินทั้งสามได้บุกทะลวงเข้าไปในเขตแดนของนายพลศพได้สำเร็จแล้ว
โดยที่เสี่ยวหลงมีระดับสูงสุด และเป็นนายพลศพขั้นที่ 2
เสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าก็ตามมาติดๆ ทั้งคู่เป็นนายพลศพขั้นที่ 1
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เห็นศพหยินตัวอื่นๆ เดินเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
มันเป็นศพหยินชุดแรกที่ฉู่เสวียนทำการกลั่นขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ
ซึ่งเขตแดนของพวกมันตอนนี้ก็มีทั้งสูงและต่ำ
ตัวที่สูงที่สุดคือพลทหารศพขั้นที่ 8 และตัวที่ต่ำที่สุดคือพลทหารศพขั้นที่ 5
ฉู่เสวียนไม่ได้คาดหวังกับเขตแดนการบ่มเพาะของพวกมัน ที่ผ่านมาจึงไม่ได้ให้ยาบำรุงอะไรมากนัก
ตราบใดที่เขาสามารถใช้งานพวกมันได้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงเวลาวิกฤติได้ แค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว
“นายพลศพทั้งสามนี่เท่ากับผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานสามคน”
“ถ้าข้าอยู่ในทวีปชางเสวียนโดยที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากยาไท้ส่วย ข้าจะสามารถบ่มเพาะศพหยินทั้งสามตัวนี้ให้กลายเป็นนายพลศพอย่างง่ายดายได้อย่างไร”
ฉู่เสวียนยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ทุกครั้งที่เขามาที่ดาวเคราะห์โลกาวินาศ เขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมทุกครั้งและมีไพ่ลับเพิ่มขึ้น
คราวนี้เมื่อเขากลับไปที่ทวีปชางเสวียน เขาก็จะไม่ใช่ผู้บำเพ็ญช่วงสร้างฐานตัวน้อยที่ไม่มีไพ่ลับอีกต่อไป เนื่องจากว่าเขามีนายพลศพสามคนอยู่ในมือ รวมถึงเชือกยึดวิญญาณและเส้นเลือดโลหิตที่ได้รับการพัฒนาแล้ว
อาวุธวิเศษที่เขาเป็นคนขัดเกลาขึ้นมาอย่างเชือกยึดวิญญาณก็ได้รับการควบคุมโดยวิญญาณของฮุยคง ซึ่งตอนนี้ได้กลายร่างเป็นวิญญาณชั่วร้ายโดยสมบูรณ์
นอกจากนี้ยังมีอาวุธป้องกันอันทรงพลังอย่างระฆังบุญอีกด้วย!
“เพียงแต่ประสิทธิภาพของค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินตอนนี้ค่อนข้างต่ำเกินไป จึงทำให้ปราณปีศาจที่เกิดขึ้นทุกวันไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการฝึกฝนของข้าและวิญญาณชั่วร้ายของฮุยคง”
ทันใดนั้นเขาก็พบว่าปราณปีศาจที่อยู่ในค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินนั้นอ่อนแอลงมากหากเขายังนั่งขัดสมาธิและบ่มเพาะอยู่ในนี้ต่อไปอีกสามเดือน ฉากภายในค่ายกลก็จะเปลี่ยนไป จากบรรยากาศอันน่าสยดสยองก็จะกลายเป็นฉากอันร่มรื่นมีต้นไม้ ดอกไม้ เสียงร้องของนกและมีผีเสื้อนานาพันธ์
หากว่าเป็นแบบนั้นเขาย่อมไม่มีทางยอมรับมันได้
ดังนั้น ฉู่เสวียนจำเป็นต้องขยายและเสริมความแข็งแกร่งของค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินออกไป
แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถในการสร้างค่ายกลของเขาตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะอัพเกรดค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินด้วยตัวเองได้
ดังนั้นทางเลือกเดียวคือต้องทำอันใหม่ขึ้นมาเท่านั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำเมื่อกลับไปที่ทวีปชางเสวียนในครั้งนี้คือการตามหาค่ายกลรูปแบบใหม่ และทางที่ดีควรจะซื้อตำราคู่มือมาศึกษาด้วยตัวเอง
เรื่องที่สองก็คือตามหาแมลงกู่ตัวที่สอง ซึ่งก็มีอยู่สองทางเลือกในการผสมพันธ์แมลงกู่
แต่ว่าก่อนอื่นเขาจะต้องออกตามหาแมลงกู่ แต่โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก หากต้องออกค้นหาเองก็จะใช้เวลานานหลายสิบปี ดังนั้นการหาซื้อย่อมง่ายกว่า
และด้วยความที่เส้นลวดโลหิตของฉู่เสวียนอยู่ในระยะที่สองแล้ว หากว่าซื้อแมลงกู่ระยะแรกมา มันก็จะด้อยกว่าแมลงกู่ที่เขามีโดยธรรมชาติเขาจำเป็นจะต้องซื้อแมลงกู่ระยะที่สองอย่างน้อยหนึ่งตัว รวมถึงศึกษาการให้อาหารและการสืบพันธุ์ของมันด้วย ซึ่งคาดว่าราคาของมันจะต้องไม่ถูกอย่างแน่นอน
จากนั้นเขาก็จะต้องมองหาแมลงกู่ที่สามารถเอามาผสมพันธุ์กับเส้นลวดโลหิตเพื่อสืบพันธุ์ได้
หลังจากที่เส้นลวดโลหิตเข้าสู่ระยะที่สองแล้ว คุณสมบัติของมันก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
หากว่ามันสามารถผสมพันธุ์กับแมลงกู่ระดับที่สองหรือแม้แต่แมลงกู่ระดับที่สามได้ แมลงกู่ที่เกิดออกมาก็จะแข็งแกร่งโดยธรรมชาติ
วิธีนี้คือวิธีแรก
อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้เหมือนกับการสุ่ม ไม่มีใครรู้ได้ว่าสุดท้ายแล้วแมลงกู่ที่เกิดมานั้นจะได้พันธุกรรมของพ่อหรือแม่
ฉู่เสวียนจึงได้คิดวิธีที่สองขึ้นมา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสุ่มพันธุกรรม
หลังจากวางแผนการที่จะต้องทำแล้ว ฉู่เสวียนก็พาเสี่ยวหลงและเสี่ยวเป้าไปกับเขา และก็ไม่ลืมที่จะเก็บวิญญาณของงูเหลือมสองหัวออกจากค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยิน จากนั้นก็เปิดใช้งานกระจกโลหิตและหายไปทันที
...
ในถ้ำม่านน้ำ
ตอนนั้นก็มีแสงแปลกๆ ปรากฏออกมา
ไม่นานฉู่เสวียนก็ได้ทะลุมิติ ปรากฏตัวออกมาจากวงแหวนของแสงนั้น
หลังจากปรากฏตัวขึ้นในอีกมิติหนึ่ง เขาก็รีบสงบสติอารมณ์ลงและทำการสำรวจสถานการณ์โดยรอบทันที ก่อนจะพบว่ารอบตัวของเขาไม่มีอะไรผิดปกติ
ค่ายกลที่เขาได้วางเอาไว้ ไม่มีร่องรอยของการถูกทำลายหรือเปิดใช้งาน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขารู้สึกโล่งใจ
ฉู่เสวียนนำวิญญาณของงูเหลือมสองหัวออกมา และเริ่มที่จะปรับแต่งมันให้เข้ากับค่ายกลที่เขาได้ทำไว้ก่อนหน้านี้
เพราะหลังจากเวลาผ่านไปนานเช่นนี้ วิญญาณของงูเหลือมสองหัวก็กลายร่างเป็นวิญญาณที่ชั่วร้าย
นอกจากนี้ ฮุยคงยังได้สั่งสอนมันมาตลอด จนเชื่อฟังแล้ว
ตอนนี้ไม่ว่าฉู่เสวียนอยากจะทำอะไรหรือสั่งการอะไร มันก็เชื่อฟังไปหมด
กระบวนการปรับแต่งวิญญาณหลักของค่ายกลนั้นราบรื่นมาก เขาใช้เวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น
หนึ่งวันต่อมา วิญญาณของงูเหลือมสองหัวก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและส่งเสียงคำรามออกมา กลายเป็นวิญญาณหลักของค่ายกลอย่างเป็นทางการ
นับจากนี้ไป เมื่อฉู่เสวียนไม่ได้อยู่ในถ้ำม่านน้ำแห่งนี้ สถานที่นี้ก็จะมีงูเหลือมสองหัวเฝ้ายามให้เขา
ด้วยความแข็งแกร่งของค่ายกล ควบคู่ไปกับวิญญาณชั่วร้ายที่เขาใส่เข้าไป งูเหลือมสองหัวก็สามารถต้านทานการโจมตีของผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานขั้นที่ 6 ได้อย่างสมบูรณ์
การทำเช่นนี้ก็จะทำให้ฉู่เสวียนสบายใจมากขึ้น
หลังจากฝึกฝนอย่างสันโดษมานาน ก็ถึงเวลาที่จะทดสอบการเปลี่ยนแปลงของเขาแล้ว