ตอนที่แล้วตอนที่ 66 ชายคนนี้น่ากลัวมาก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 68 จะต้องสร้างรายได้มากมายอย่างแน่นอน

ตอนที่ 67 สามนายพลศพ !


ตอนที่ 67 สามนายพลศพ !

 

ฉู่เสวียนมองลงไปที่แม่ซอมบี้แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า "งานของเจ้าคือต้องผลิตซอมบี้ตัวเล็กๆเหล่านั้นที่ไม่กิน ไม่เคลื่อนไหว และไม่มีความสามารถในการคิด เข้าใจหรือไม่”

แม่ซอมบี้พยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวสาร หลังจากที่มันได้เผชิญหน้าต่อสู้กับฉู่เสวียนแล้ว มันก็สูญเสียความคิดที่จะต่อต้านไปจนหมด ตราบใดที่มีชีวิตต่อไปได้ มันก็ยอมทำทุกอย่าง

ไม่นานแม่ซอมบี้ที่ได้รับอาหารเพียงพอก็เริ่มวางไข่ออกมาทีละใบ

ไข่ซอมบี้แต่ละใบก็จะถูกศพหยินนำไปวางลงในหลุม

หลังจากสี่ถึงห้าวัน ไข่ซอมบี้ก็จะฟักออกมาเป็นตัว

ร่างของซอมบี้ตัวน้อยเหล่านี้ก็จะกลายเป็นเหมือนวัสดุปลูกของสมุนไพรวิญญาณ

ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะสามารถปลูกสมุนไพรวิญญาณอย่างต้นไท้ส่วยและต้นเขี้ยวปีศาจโลหิตได้ในจำนวนมาก

จากนั้นไม่นานระดับของศพหยินที่อยู่ภายใต้อำนาจของเขาก็จะพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่ซอมบี้ตัวน้อยตายหลังจากที่พลังงานของมันถูกสมุนไพรวิญญาณกลืนกินไปจนหมด  เขาก็จะยังได้รับผลบุญจากการฆ่าซอมบี้ด้วย

ฉู่เสวียนยืนอยู่บนดาดฟ้ามองดูฟาร์มซอมบี้ของเขาที่เจริญรุ่งเรืองและยิ้มอย่างพอใจ

"ต่อไปคือทำธุระของข้าต่อ!" ในไม่ช้าเขาก็มาถึงค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยิน จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิและเริ่มปรับแต่งเทคนิคหุ่นเชิดปีศาจโลหิต

หัวใจหลักของการปรับแต่งเทคนิคหุ่นเชิดปีศาจโลหิตคือการเพิ่มเทคนิคกังหันน้ำ ซึ่งเทคนิคนี้ จะต้องใช้แก่นโลหิตและวิญญาณชั่วร้ายในการปรับแต่งด้วย ฉู่เสวียนประมาณการว่าเขาอาจจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งปีในการปรับแต่งหุ่นเชิดปีศาจโลหิตให้เสร็จสิ้นทั้ง 3 ตัว

โชคดีที่เขาอยู่บนดาวเคราะห์โลกาวินาศ  ที่กระแสของเวลาไหลเร็วกว่าทวีปชางเสวียนถึง 10 เท่า  แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่สองปีแล้ว แต่ในทวีปชางเสวียนก็ผ่านไปเพียงสองเดือนเท่านั้น

สำหรับผู้บ่มเพาะแล้ว การเก็บตัวเพื่อทำการฝึกฝนเคล็ดลับวิชาเพียงสองเดือนนั้น ถือว่าเป็นเรืองปกติมาก คงไม่เป็นไรหากว่าเขาจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้

เวลาผ่านไปในแต่ละวันกิจวัตรประจำวันของฉู่เสวียนก็ไม่มีอะไรมาก ในระหว่างวัน เขาได้กลั่นหลอมยาไท้ส่วยและยาอายุวัฒนะอื่น ๆ และในตอนกลางคืน เขาก็จะใช้เวลาไปกับการปรับแต่งเทคนิคหุ่นเชิดปีศาจโลหิต

หนึ่งปีต่อมา....

ฉู่เสวียนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินอยู่ที่เดิม เงาของเขาทอดยาวออกไป

ดูเหมือนจะมีวิญญาณชั่วร้ายแปลก ๆ คืบคลานเข้ามา

“หุ่นเชิดปีศาจโลหิตตัวที่สามก็ถูกปรับแต่งเสร็จสิ้นแล้ว ด้วยวิธีนี้ ข้าก็มีหนทางที่จะต้านทานการโจมตีที่ถึงกับชีวิตได้สามครั้ง  อีกทั้งข้ายังสามารถใช้หุ่นเชิดปีศาจโลหิตนี้แลกเปลี่ยนอาการบาดเจ็บระหว่างการต่อสู้เพื่อช่วยชีวิตของตัวข้าอีกด้วย ”ฉู่เสวียนแสดงรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา

ในเวลานี้เขาก็ได้ยินเสียงคำรามของศพทั้งสามอยู่ไม่ไกลซึ่งมันก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากศพหยินทั้งสามของเขาอย่าง เสี่ยวหลง เสี่ยวหู่ และเสี่ยวเป่า เมื่อพวกเขารู้ข่าวที่ว่า ฉู่เสวียนสิ้นสุดการฝึกฝนแล้ว พวกเขาก็มาที่นี่ทันที หลังจากนั้นไม่นาน ศพทั้งสามก็มายืนอยู่ตรงหน้าของฉู่เสวียน

ศพหยินที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งสามตัวล้วนเปล่งออร่าที่ทรงพลังออกมาในเวลานี้

เสี่ยวหลง ชายร่างใหญ่หัวล้านที่มีรูปร่างหน้าตาสง่างาม  ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการต่อสู้หรือการป้องกันตัว เขาก็มีทั้งสองอย่างโดยที่ไม่เป็นสองรองใคร อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัว

เสี่ยวหู่เป็นชายร่างกำยำ ที่มีร่างกายใหญ่กว่าเสี่ยวหลงเสียอีก ร่างกายของเขาไม่ต่างไปจากรถถังที่แข็งแกร่ง

ส่วนเสี่ยวเป้านั้นมีรูปร่างผอมบาง ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีดำจาง ๆ ทุกการเคลื่อนไหวของเขานั้นคมกริบราวกับมีด ร่างกายของเขาถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นนักฆ่าลอบสังหาร

อย่างไรก็ตาม ด้วยนิสัยที่ไม่เอาไหนและเห็นแก่กินของมันที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังคาบหางหูอยู่ในปาก ก็ทำให้มีดคมๆ นี้ดูงี่เง่าเล็กน้อย

"อาหารขยะ ในอนาคตอย่ากินมันอีก"  ฉู่เสวียนดุออกมา

เสี่ยวเป้ารีบคายหางหนูออกและหดคอลงเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ

ฉู่เสวียนเหลือบมองอีกครั้งและพบว่าในเวลานี้ศพหยินทั้งสามได้บุกทะลวงเข้าไปในเขตแดนของนายพลศพได้สำเร็จแล้ว

โดยที่เสี่ยวหลงมีระดับสูงสุด  และเป็นนายพลศพขั้นที่ 2

เสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าก็ตามมาติดๆ ทั้งคู่เป็นนายพลศพขั้นที่ 1

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เห็นศพหยินตัวอื่นๆ เดินเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง

มันเป็นศพหยินชุดแรกที่ฉู่เสวียนทำการกลั่นขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ

ซึ่งเขตแดนของพวกมันตอนนี้ก็มีทั้งสูงและต่ำ

ตัวที่สูงที่สุดคือพลทหารศพขั้นที่ 8  และตัวที่ต่ำที่สุดคือพลทหารศพขั้นที่ 5

ฉู่เสวียนไม่ได้คาดหวังกับเขตแดนการบ่มเพาะของพวกมัน ที่ผ่านมาจึงไม่ได้ให้ยาบำรุงอะไรมากนัก

ตราบใดที่เขาสามารถใช้งานพวกมันได้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงเวลาวิกฤติได้ แค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว

“นายพลศพทั้งสามนี่เท่ากับผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานสามคน”

“ถ้าข้าอยู่ในทวีปชางเสวียนโดยที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากยาไท้ส่วย  ข้าจะสามารถบ่มเพาะศพหยินทั้งสามตัวนี้ให้กลายเป็นนายพลศพอย่างง่ายดายได้อย่างไร”

ฉู่เสวียนยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ทุกครั้งที่เขามาที่ดาวเคราะห์โลกาวินาศ เขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมทุกครั้งและมีไพ่ลับเพิ่มขึ้น

คราวนี้เมื่อเขากลับไปที่ทวีปชางเสวียน เขาก็จะไม่ใช่ผู้บำเพ็ญช่วงสร้างฐานตัวน้อยที่ไม่มีไพ่ลับอีกต่อไป เนื่องจากว่าเขามีนายพลศพสามคนอยู่ในมือ  รวมถึงเชือกยึดวิญญาณและเส้นเลือดโลหิตที่ได้รับการพัฒนาแล้ว

อาวุธวิเศษที่เขาเป็นคนขัดเกลาขึ้นมาอย่างเชือกยึดวิญญาณก็ได้รับการควบคุมโดยวิญญาณของฮุยคง ซึ่งตอนนี้ได้กลายร่างเป็นวิญญาณชั่วร้ายโดยสมบูรณ์

นอกจากนี้ยังมีอาวุธป้องกันอันทรงพลังอย่างระฆังบุญอีกด้วย!

“เพียงแต่ประสิทธิภาพของค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินตอนนี้ค่อนข้างต่ำเกินไป จึงทำให้ปราณปีศาจที่เกิดขึ้นทุกวันไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการฝึกฝนของข้าและวิญญาณชั่วร้ายของฮุยคง”

ทันใดนั้นเขาก็พบว่าปราณปีศาจที่อยู่ในค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินนั้นอ่อนแอลงมากหากเขายังนั่งขัดสมาธิและบ่มเพาะอยู่ในนี้ต่อไปอีกสามเดือน ฉากภายในค่ายกลก็จะเปลี่ยนไป จากบรรยากาศอันน่าสยดสยองก็จะกลายเป็นฉากอันร่มรื่นมีต้นไม้ ดอกไม้ เสียงร้องของนกและมีผีเสื้อนานาพันธ์

หากว่าเป็นแบบนั้นเขาย่อมไม่มีทางยอมรับมันได้

ดังนั้น ฉู่เสวียนจำเป็นต้องขยายและเสริมความแข็งแกร่งของค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินออกไป

แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถในการสร้างค่ายกลของเขาตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะอัพเกรดค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินด้วยตัวเองได้

ดังนั้นทางเลือกเดียวคือต้องทำอันใหม่ขึ้นมาเท่านั้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำเมื่อกลับไปที่ทวีปชางเสวียนในครั้งนี้คือการตามหาค่ายกลรูปแบบใหม่ และทางที่ดีควรจะซื้อตำราคู่มือมาศึกษาด้วยตัวเอง

เรื่องที่สองก็คือตามหาแมลงกู่ตัวที่สอง ซึ่งก็มีอยู่สองทางเลือกในการผสมพันธ์แมลงกู่

แต่ว่าก่อนอื่นเขาจะต้องออกตามหาแมลงกู่ แต่โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก หากต้องออกค้นหาเองก็จะใช้เวลานานหลายสิบปี ดังนั้นการหาซื้อย่อมง่ายกว่า

และด้วยความที่เส้นลวดโลหิตของฉู่เสวียนอยู่ในระยะที่สองแล้ว  หากว่าซื้อแมลงกู่ระยะแรกมา  มันก็จะด้อยกว่าแมลงกู่ที่เขามีโดยธรรมชาติเขาจำเป็นจะต้องซื้อแมลงกู่ระยะที่สองอย่างน้อยหนึ่งตัว รวมถึงศึกษาการให้อาหารและการสืบพันธุ์ของมันด้วย  ซึ่งคาดว่าราคาของมันจะต้องไม่ถูกอย่างแน่นอน

จากนั้นเขาก็จะต้องมองหาแมลงกู่ที่สามารถเอามาผสมพันธุ์กับเส้นลวดโลหิตเพื่อสืบพันธุ์ได้

หลังจากที่เส้นลวดโลหิตเข้าสู่ระยะที่สองแล้ว คุณสมบัติของมันก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก

หากว่ามันสามารถผสมพันธุ์กับแมลงกู่ระดับที่สองหรือแม้แต่แมลงกู่ระดับที่สามได้ แมลงกู่ที่เกิดออกมาก็จะแข็งแกร่งโดยธรรมชาติ

วิธีนี้คือวิธีแรก

อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้เหมือนกับการสุ่ม ไม่มีใครรู้ได้ว่าสุดท้ายแล้วแมลงกู่ที่เกิดมานั้นจะได้พันธุกรรมของพ่อหรือแม่

ฉู่เสวียนจึงได้คิดวิธีที่สองขึ้นมา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสุ่มพันธุกรรม

หลังจากวางแผนการที่จะต้องทำแล้ว ฉู่เสวียนก็พาเสี่ยวหลงและเสี่ยวเป้าไปกับเขา และก็ไม่ลืมที่จะเก็บวิญญาณของงูเหลือมสองหัวออกจากค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยิน จากนั้นก็เปิดใช้งานกระจกโลหิตและหายไปทันที

...

ในถ้ำม่านน้ำ

ตอนนั้นก็มีแสงแปลกๆ ปรากฏออกมา

ไม่นานฉู่เสวียนก็ได้ทะลุมิติ ปรากฏตัวออกมาจากวงแหวนของแสงนั้น

หลังจากปรากฏตัวขึ้นในอีกมิติหนึ่ง เขาก็รีบสงบสติอารมณ์ลงและทำการสำรวจสถานการณ์โดยรอบทันที ก่อนจะพบว่ารอบตัวของเขาไม่มีอะไรผิดปกติ

ค่ายกลที่เขาได้วางเอาไว้ ไม่มีร่องรอยของการถูกทำลายหรือเปิดใช้งาน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขารู้สึกโล่งใจ

ฉู่เสวียนนำวิญญาณของงูเหลือมสองหัวออกมา  และเริ่มที่จะปรับแต่งมันให้เข้ากับค่ายกลที่เขาได้ทำไว้ก่อนหน้านี้

เพราะหลังจากเวลาผ่านไปนานเช่นนี้ วิญญาณของงูเหลือมสองหัวก็กลายร่างเป็นวิญญาณที่ชั่วร้าย

นอกจากนี้ ฮุยคงยังได้สั่งสอนมันมาตลอด จนเชื่อฟังแล้ว

ตอนนี้ไม่ว่าฉู่เสวียนอยากจะทำอะไรหรือสั่งการอะไร  มันก็เชื่อฟังไปหมด

กระบวนการปรับแต่งวิญญาณหลักของค่ายกลนั้นราบรื่นมาก เขาใช้เวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น

หนึ่งวันต่อมา วิญญาณของงูเหลือมสองหัวก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและส่งเสียงคำรามออกมา กลายเป็นวิญญาณหลักของค่ายกลอย่างเป็นทางการ

นับจากนี้ไป เมื่อฉู่เสวียนไม่ได้อยู่ในถ้ำม่านน้ำแห่งนี้ สถานที่นี้ก็จะมีงูเหลือมสองหัวเฝ้ายามให้เขา

ด้วยความแข็งแกร่งของค่ายกล ควบคู่ไปกับวิญญาณชั่วร้ายที่เขาใส่เข้าไป งูเหลือมสองหัวก็สามารถต้านทานการโจมตีของผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานขั้นที่ 6 ได้อย่างสมบูรณ์

การทำเช่นนี้ก็จะทำให้ฉู่เสวียนสบายใจมากขึ้น

หลังจากฝึกฝนอย่างสันโดษมานาน ก็ถึงเวลาที่จะทดสอบการเปลี่ยนแปลงของเขาแล้ว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด