ตอนที่ 59 : ปราชญ์จอมโจร
.
.
สัตว์เหล็กดุร้ายสีดำกำลังพุ่งผ่านหิมะ
.
ในห้องโดยสารผู้คุมกฎแปดคนนั่งอยู่ในตำแหน่งของตน เป็นการจำลองเหตุการณ์เหมือนตอนที่ทุกคนเพิ่งเข้ามาในรถไฟได้อย่างสมบูรณ์แบบ
"เราเกือบจะถึงท่าเรือวินเทอร์แล้ว" หมายเลข 8 มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดอย่างใจเย็น "แผนขั้นแรกเสร็จสมบูรณ์แล้ว และขั้นตอนต่อไปคือส่วนที่สำคัญที่สุด…"
ผู้ช่วงชิงเปลวไฟหมายเลข 8 ที่สวมรอยเป็นเจียงฉินดูเหมือนจะเป็นผู้นำของทั้งแปดคน ทันทีที่เขาเปิดปาก ทุกคนที่กำลังกินเมล็ดแตงโมและพูดคุยก็พลันเงียบลง
เฉินหลิงผู้แสร้งทำเป็นงีบหลับอยู่เสมอ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
"ท่าเรือวินเทอร์ เราต้องพบกับเจ้าหน้าที่ผู้คุมกฎใหม่จากเขตอื่นๆ ส่วนเมืองออโรร่าเองก็ส่งผู้พิทักษ์มาคุ้มกันอีกสามคน ตามข่าวกรองหนึ่งในสามอยู่ระดับห้าและอีกสองคนอยู่ระดับสี่"
"ช่องว่างระหว่างเรากับพวกเขานั้นใหญ่เกินไป เราไม่สามารถเผชิญหน้ากับพวกเขาได้โดยตรง เพื่อปกปิดตัวตนก่อนที่จะมาที่นี่ฉันเคยให้รายละเอียดคร่าวๆ เกี่ยวกับบุคลิกและประสบการณ์ของคนที่พวกนายสวมรอยแล้ว พวกนายก็ปลอมตัวตามนั้น อย่าสร้างปัญหา เข้าใจมั้ย?"
"ถ้ามีผู้คุมกฎคนอื่น เข้ามาหาเรื่องพวกเราล่ะ?"
จู่ๆ เฉินหลิงก็พูดขึ้น
"...นายก็ต้องอดทน" หมายเลข 8 หยุดครู่หนึ่ง "ภารกิจนี้สำคัญมากจะผิดพลาดไม่ได้"
เมื่อได้ยินแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้ช่วงชิงเปลวไฟอีกหลายรู้สึกไม่พอใจ แต่สุดท้ายพวกเขาก็พยักหน้า...
"หมายเลข 8 เราต้องระวังขนาดนั้นเลยเหรอ?" จงเหยากวงถามด้วยความสับสน "ไม่ใช่บอกว่าคราวนี้ ปราชญ์จอมโจรจะมาปกป้องพวกเราเหรอ?"
"ปราชญ์จอมโจรมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับเจ็ด ในกลุ่มผู้ช่วงชิงเปลวไฟมีจำนวนทั้งหมดแค่ห้าคน...ตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่ ผู้พิทักษ์พวกนั้นจะทำอะไรได้?"
หัวใจของเฉินหลิงจมดิ่ง
ปราชญ์จอมโจร? ระดับเจ็ด?
แม้ว่าเฉินหลิงจะไม่เข้าใจว่าชื่อของ "ปราชญ์จอมโจร" หมายถึงอะไร แต่เขาก็ยังเข้าใจคำว่า "ระดับเจ็ด"...คนบนโลกนี้เคยพูดว่าเส้นทางสู่เทพเจ้ามีบันไดสิบขั้นก้าวสู่ความเป็นเทพเจ้า ดังนั้น สิ่งที่เรียกว่า "ปราชญ์จอมโจร" ซึ่งก็คืออยู่ห่างจากบัลลังก์ของเทพเจ้าเพียงแค่สามก้าว?
จนถึงตอนนี้เส้นทางสู่เทพเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุดที่เฉินหลิงเคยเห็นคือหานเหมิงซึ่งอยู่ระดับสี่เท่านั้น
"ปราชญ์จอมโจรจริงดิ!" ดวงตาของผู้ช่วงชิงเปลวไฟอีกคนเป็นประกาย
"แดง เหลือง น้ำเงิน ขาว ดำ ใครที่มาที่นี่?"
"[สีขาว]" หมายเลข 8 ตอบอย่างใจเย็น "ปราชญ์จอมโจร ไป๋เย่"
เฉินหลิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนหายใจแรงขึ้นและดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อนี้!
เฉินหลิงไม่เข้าใจ แต่ดวงตาเขาก็ปรากฏความปรารถนาเหมือนกับคนอื่นๆ
"ถึงใครจะอยู่ที่นั่นก็ช่างแม่งสิ! เรายังจะกลัวอะไร ไม่ดีกว่าเหรอถ้าเราสร้างความวุ่นวายที่นั่น" มีคนในกลุ่มพูดขึ้น
"สร้างความวุ่นวายในคลังโบราณวิถีทหาร? นายคิดว่าคลังโบราณวิถีทหารเป็นอะไร?" หมายเลข 8 เหลือบมองเขา "ในบรรดาสิบสี่เส้นทางสู่เทพเจ้า คลังโบราณของเส้นทางสู่เทพเจ้าวิถีทหารเป็นตัวแทนของการเข่นฆ่า แล้วนายคิดว่าสามารถบุกเข้าไปได้ด้วยปราชญ์จอมโจรแค่คนเดียวงั้นเหรอ?"
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
"ไม่มีใครในโลกนี้ สามารถบุกเข้าไปในคลังโบราณวิถีทหารได้ หากนายต้องการชิ้นส่วนของรากฐานวิถีทหาร มีแค่ต้องเข้าทดสอบวิถีศักดิ์สิทธิ์ที่คลังโบราณเท่านั้น...ไม่อย่างนั้น เราก็ทำอะไรได้"
"เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นก่อนที่จะเข้าสู่คลังโบราณ เช่น หากเกิดอะไรขึ้นกับผู้พิทักษ์ทั้งสามคน เมืองออโรร่าก็จะปิดพื้นที่คลังโบราณทันที ใครในพวกเราก็ไม่สามารถเข้าไปได้"
"ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่คลังโบราณ พวกนายควรทำตัวเป็นคนซ่อนหางให้ฉันซะ*"
"...เข้าใจแล้ว"
"ช่วงชิงวิถีแห่งสวรรค์ ยึดครองฟ้าดิน ในนามของเทพแห่งโจรสูงสุด [ราชาแห่งเงินตรา]...หวังว่าภารกิจครั้งนี้จะราบรื่น"หมายเลข 8 ยืนอยู่กลางรถไฟ ใช้ปลายนิ้วมือขวาวางอยู่ระหว่างคิ้วของตนเองและพูดอย่างเคร่งขรึม
ในขณะนี้ สีหน้าของทุกคนเริ่มจริงจังราวกับว่าพวกเขากำลังทำพิธีกรรมทางศาสนาบางประการอยู่ พวกเขาต่างวางมือขวาไว้ระหว่างคิ้ว
"ในนามของเทพเจ้าแห่งโจรสูงสุด [ราชาแห่งเงินตรา]...หวังว่าภารกิจครั้งนี้จะราบรื่น"
ท้ายที่สุดแล้ว เทพเจ้าแห่งโจร [ราชาแห่งเงินตรา] คือใคร?
เฉินหลิงเลียนแบบทุกคน และจดชื่อนี้ไว้ในใจของเขา
ฟังดูเหมือนเทพเจ้าผู้ชี้แนะของวิถีจอมโจร และดูเหมือนว่าจะเป็นความเชื่อของ ผู้ช่วงชิงเปลวไฟ
เฉินหลิงนั่งอยู่ในที่นั่งของเขา มองออกไปนอกหน้าต่างสายตามองไปยังท่าเรือซึ่งกำลังจะถึง และก็จมดิ่งอยู่ในความคิด...
ทั้งผู้พิทักษ์ของเมืองออโรร่า ทั้งปราชญ์จอมโจรของผู้ช่วงชิงเปลวไฟ ไม่รู้ว่าสมาชิกของสมาคมสนธยาที่ถูกส่งมาพบเขาจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน
.
...........
.
รถไฟหยุดลงช้าๆ ในป่าห่างจากท่าเรือวินเทอร์กว่าสิบกิโลเมตร
.
รถไฟขบวนนี้ไม่ได้รับการบันทึก และแน่นอนว่าจะต้องไม่จอดที่สถานี หมายเลข 8 ใช้โกดังโรงงานร้างแห่งหนึ่งเพื่อซ่อนมันไว้ จากนั้นพวกเขาก็เดินเท้าไปที่ท่าเรือ
ขณะที่ทุกคนเข้าใกล้ท่าเรือวินเทอร์ บริเวณข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าและคนเดินถนนมากขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศมีชีวิตชีวิตชีวา
"แป้งทอดร้อนๆ ไข่ใบชา มันเทศอบ~"
"เต้าฮวยจ้า เต้าฮวยสดใหม่! "
"ฉบับพิเศษ 'ออโรร่าเดลี่' ข่าวล่าสุด: เขตห้ากับเขตหกได้รับความเสียหายสาหัสหลังภัยพิบัติปรากฏ บางทีทั้งสองเขตอาจรวมกันเป็นหนึ่งจากเจ็ดเขตหลักของออโรร่าจะกลายเป็นหกเขตหลัก"
"และเรื่องอื้อฉาวอันดับหนึ่ง! นายน้อยคนที่สามของกลุ่มหอการค้าดวงดาวแห่งเมืองออโรร่าแต่งงานกับโสเภณีชื่อดัง แต่หลังจากหลับนอนกัน เขาก็ค้นพบว่าแท้จริงแล้วเธอคือป้าของเขาที่หายตัวไปเมื่อนานมาแล้ว!"
"นี่น้องชาย เอาหนังสือพิมพ์เล่มที่นายน้อยสามนอนกับป้าใหญ่มาให้ฉันสักฉบับสิ"
"ได้ครับ! "
"...."
เสียงที่ชัดเจนของเด็กชายดังก้องไปทั่วถนน ดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้ซื้อหนังสือพิมพ์ เฉินหลิงมองหูของผู้ช่วงชิงเปลวไฟคนอื่นที่ยื่นออกมา ดูเหมือนว่าคงอดไม่ได้ จะต้องไปซื้อมาสักฉบับ
"อย่าให้มีปัญหาใหม่แทรกเข้ามา" หมายเลข 8 เหลือบมองพวกเขา
ทุกคนยักไหล่ด้วยอารมณ์สนุกสนาน
"หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ของเล่น ไพ่โป๊กเกอร์" เสียงเกียจคร้านดังมาจากด้านข้าง
เฉินหลิงหันกลับมามองก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอย่างเกียจคร้านในร้านขายของชำโทรมๆ เธอตะโกนและเล่นกับกล่องไพ่
บนหน้าปกของกล่องมี [ 6 ออฟ ฮาร์ท] หัวใจหกดวงปรากฏอย่างชัดเจน
หัวใจของเฉินหลิงเต้น จากนั้นก็เหลือบมองกลุ่มคนที่กำลังเดินไปยังท่าเรือ เขาไม่ได้หยุดเดินแต่สายตามองผ่านๆ ก่อนเดินไปยังท่าเรือพร้อมกลุ่ม
เขาตรงไปที่ท่าเรือ คนหลายคนในเครื่องแบบผู้คุมกฎรวมตัวกัน โดยมีผู้พิทักษ์สามคนสวมเสื้อโค้ตถูกล้อมอยู่ตรงกลาง
ตามที่หมายเลข 8 พูดไว้ เมื่อมองจากแถบที่ประดับบนเสื้อโค้ตสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าชายสวมเสื้อโค้ตคนหนึ่งอยู่ที่ระดับห้า ส่วนอีกสองคนอยู่ที่ระดับสี่
"สวัสดีครับท่าน ผมเจียงฉินเป็นหัวหน้าทีมผู้คุมกฎจากเขตสาม"
หมายเลข 8 ก้าวไปข้างหน้า กล่าวแสดงความเคารพต่อผู้พิทักษ์ทั้งสามนาย และยื่นเอกสารหลายฉบับพร้อมกัน "มีเจ้าหน้าที่ผู้คุมกฎทั้งหมด 8 นาย จากเขตสาม เขตห้าและเขตหกเข้าร่วมในการทดสอบที่คลังโบราณในครั้งนี้ ทุกคนอยู่ที่นี่ครบแล้วครับ"
ผู้พิทักษ์ที่มีสี่แถบเหลือบมองทุกคน เขาหยิบเอกสารแล้วตรวจดูอย่างละเอียดทีละคน
เมื่อเข้าร่วมเป็นผู้คุมกฎพวกเขาทุกคนต้องทิ้งรูปไว้ที่สำนักงานใหญ่ ขณะที่ผู้พิทักษ์กำลังถามคำถามและเปรียบเทียบภาพถ่ายอดีตกับปัจจุบัน ดวงตาอันแหลมคมราวกับมีดจ้องมองไปที่ใบหน้าของทุกคน
ในที่สุดเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเช็กชื่อทุกคนในรายงาน
"ใช่แล้ว พวกคุณมากันยังไง คนจากเขตสี่นั่งรถไฟมายังไม่มาถึงเลย ทำไมคุณถึงมาถึงก่อน?" จู่ๆ ผู้พิทักษ์ก็ถามขึ้น
"เรานั่งรถมาเองตั้งแต่เมื่อวานครับ" หมายเลข 8 ยิ้มเล็กน้อย "พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่เคยไปท่าเรือวินเทอร์ ดังนั้นเราจึงมาล่วงหน้าหนึ่งวันเพื่อดูและบังเอิญได้พบกับเพื่อนจากเขตห้า และเขตหกระหว่างทาง"
"ใช่ บังเอิญจริงๆ ครับ" ผู้คุมกฎอีกคนจากเขตห้าพยักหน้า
"เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็เดินชมรอบๆ ได้เลย รอให้คนจากเขตสี่มาถึงก็ขึ้นเรือได้…อย่าไปไกลเกินไป ขอให้อยู่ในระยะสองร้อยเมตรล่ะ"
"ได้ครับ"
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้ช่วงชิงเปลวไฟคนอื่นๆ ก็มองหน้ากันและถามอย่างระมัดระวัง
"หัวหน้าเจียงฉิน เรา...ไปซื้อหนังสือพิมพ์ได้มั้ย?"
"...ไปเถอะ"
มีไม่กี่คนที่หันหลังเดินกลับไป
ส่วนเฉินหลิงก็เอามือล้วงกระเป๋า แล้วเดินตามพวกเขาไปอย่างเงียบ ๆ
..........
.
.
夹着尾巴做人
ทำตัวเป็นคนซ่อนหาง* เปรียบเทียบคนที่ทำความผิดต้องเจียมเนื้อเจียมตัว เพื่อแสดงออกว่าสำนึกผิด,ไม่กล้าทำ