ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 39 ก้าวไปข้างหน้า
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 39 ก้าวไปข้างหน้า
“นี่เป็นเพียงคลื่นสัตว์อสูรระลอกแรก ตบะระดับเบิกฟ้าก็ถือว่าแข็งแกร่งแล้ว เมื่อคลื่นสัตว์อสูรระลอกต่อไปปรากฏขึ้น อาจจะมีสัตว์อสูรระดับหวนเอกา”
“ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือสุสานอริยะ ปราณต้นกำเนิดที่หลงเหลืออยู่ได้หล่อเลี้ยงสรรพสิ่งโดยรอบ ทำให้สัตว์อสูรโดยรอบแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
กู้ฉางเซิงครุ่นคิด เดินทางลึกเข้าไป เรือเหาะราวกับกระบี่เล่มหนึ่ง ทะลวงผ่านคลื่นสัตว์อสูร เปิดเส้นทาง
เขาเดินทางเพียงลำพัง มิได้ให้ผู้ใดติดตาม
เพราะเขาต้องการเดินทางลึกเข้าไปภายในสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง ภายในนั้นเต็มไปด้วยอาคมต้องห้ามและอันตรายมากมาย หากพาคนอื่นไปด้วย คงต้องกลายเป็นภาระ
สัตว์อสูรที่เผชิญหน้ากับเขา ไม่อาจต้านทานได้ แปรเปลี่ยนเป็นหมอกโลหิต จิตวิญญาณแตกสลาย ตายในทันที
ผ่านคันฉ่องเบิกฟ้าดิน ผู้บำเพ็ญมากมายภายในเมืองเป่ยหวงได้เห็นเหตุการณ์นี้ ต่างก็ตกตะลึง
“บุตรเทพตระกูลกู้สามารถเดินทางลึกเข้าไปภายในสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงเพียงลำพัง ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วของเขายังรวดเร็วยิ่งนัก ทำให้คนอื่น ๆ ตามไม่ทัน” มหาปราชญ์อาวุโสคนหนึ่งกล่าวด้วยความตกใจ
ระดับหวนเอกา หมายถึง การกลับคืนสู่ต้นกำเนิด ผู้บำเพ็ญที่บรรลุถึงระดับนี้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นมหาปราชญ์ มีอายุขัยหนึ่งหมื่นปี!
สัตว์อสูรแต่ละตัวล้วนแข็งแกร่งยิ่งนัก ยากที่จะต่อกร แต่เบื้องหน้าพลังอำนาจอันไร้ขอบเขตกลับไม่ต่างจากกระดาษ
ภายในภาพเหตุการณ์ เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ต่างก็ต่อสู้กับสัตว์อสูรเสื่อมทรามที่ตกอยู่ในความมืด ฆ่าฟันไปมาภายในคลื่นสัตว์อสูร ทั่วทั้งร่างกายอาบย้อมไปด้วยโลหิต
เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของพวกเขาก็คือสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง พวกเขาต้องการเดินทางเข้าไปภายในนั้น เพื่อที่จะได้รับวาสนา
พร้อมกันนั้น พวกเขายังต้องการสังหารสัตว์อสูรให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้รับตำแหน่งที่ดีในงานชุมนุมล่าสัตว์
“ผู้นำของโถงมรรคาสวรรค์แข็งแกร่งยิ่งนัก ดูเหมือนว่าเขาจะมีกายาพิเศษ ภายในทุกการเคลื่อนไหวสามารถดึงดูดปราณเส้นชีพจรปฐพีมาใช้ สังหารสัตว์อสูรระดับเบิกฟ้าสี่วัฏ” ชายชราคนหนึ่งมองดูเหตุการณ์ภายในนั้น กล่าวด้วยความตกใจ
“หรือว่าจะเป็นกายาเทพธรณีที่เคยปรากฏในตำนาน?”
“จอมสรรพสิ่งรุ่นเยาว์แห่งทะเลสาบผู้วายชนม์ก็มีวิธีการที่น่ากลัวเช่นกัน ด้วยตบะระดับแยกปฐพีระยะสูงสุด สามารถฉีกกระชากวานรหกแขนตาทองที่ตบะระดับเบิกฟ้าสามวัฏได้อย่างง่ายดาย นั่นคือสายพันธุ์บรรพกาล!”
“ชายหนุ่มชุดยาวสีฟ้าแห่งตระกูลอมตะหยิง ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยสำเนียงมรรค แม้แต่สัตว์อสูรระดับเบิกฟ้าห้าวัฏก็ยังคงมิอาจต้านทานการโจมตีเพียงนิ้วเดียวของเขาได้”
“น่าเสียดายที่ธิดาเทพแห่งตระกูลอมตะฉินมิได้ปรากฏตัว”
“ทายาทของสำนักศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันและนิกายหัวใจศักดิ์สิทธิ์ แม้จะด้อยกว่าคนเหล่านั้น แต่พลังอำนาจของพวกเขาก็ยังคงแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าคิดว่าไม่เกินสิบปี พวกเขาก็สามารถต่อกรกับพวกเราได้แล้ว”
“ช่างเป็นยุคสมัยที่รุ่งเรือง ยุคแห่งการต่อสู้ ดวงดาวมากมายเปล่งประกายเจิดจรัส”
ในขณะที่มหาปราชญ์ระดับหวนเอกาภายในเมืองต่างก็กล่าววิพากษ์วิจารณ์ ณ ความว่างเปล่าแห่งหนึ่ง โต๊ะหินกำลังลอยอยู่ รอบ ๆ นั้นมีเงาร่างอันน่ากลัวยิ่งนักนั่งอยู่ พวกเขากำลังดื่มชาอย่างสบายใจ
กลิ่นอายของแต่ละคน ล้วนแข็งแกร่งยิ่งนัก สามารถทำลายอาคมต้องห้าม และลวดลายค่ายกลภายในสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม พวกเขามิได้ลงมือ เพียงแค่เฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“บุตรเทพแห่งตระกูลกู้ แม้แต่ข้าก็ยังคงมองไม่เห็น อายุยังน้อยแต่กลับมีพลังอำนาจเช่นนี้ พรสวรรค์ช่างหาได้ยากยิ่งนัก” เห็นกู้ฉางเซิงสังหารสัตว์อสูรระดับเบิกฟ้าแปดวัฏอย่างง่ายดาย หญิงชราชุดทองก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้น
“คิดผิดไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าตระกูลกู้จะส่งบุคคลเช่นนี้ออกมา หากไม่มีเรื่องไม่คาดฝัน ในงานชุมนุมล่าสัตว์ครั้งนี้ เขาต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน” ชายชราที่ผมขาวดุจหิมะ ใบหน้าเหี่ยวย่น กล่าวด้วยความสิ้นหวัง
เขาคือบุคคลสำคัญจากทะเลสาบผู้วายชนม์ ระดับตบะไม่อาจหยั่งถึง
มิใช่ว่าพวกเขาไม่มั่นใจในอัจฉริยะฟ้าประทานของตนเอง แต่เป็นเพราะความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นมากมายเกินไป
อย่างน้อยที่สุด ในบรรดาคนที่พวกเขาส่งมา ก็ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับบุรุษผู้นั้นได้
พวกเขาเคยพบเจออัจฉริยะฟ้าประทานมามากมาย
แต่บุคคลที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอ
พรสวรรค์ของบุรุษผู้นั้น ยากที่จะบรรยาย
ตั้งแต่กำเนิด เขาก็เป็นตัวตนที่ทำให้คนรุ่นเดียวกันรู้สึกสิ้นหวังแล้ว
“เรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น ณ ตระกูลกู้เมื่อสิบสามปีก่อน เกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่?” ทันใดนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งโถงมรรคาสวรรค์ก็เอ่ยถามขึ้น สายตาของเขาดูจริงจัง ภายในดวงตาราวกับมีดวงดาวมากมายกำลังแตกดับ
“แท้จริงแล้ว บรรพชนเป็นผู้สั่งให้บุตรเทพออกเดินทางท่องเที่ยวโลกกว้าง ระดับตบะและพลังอำนาจของเขาเพียงพอแล้ว สิ่งที่เขาขาดก็คือประสบการณ์” ชายชราแห่งตระกูลกู้ดื่มชาอย่างสบายใจ กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บรรยากาศในสถานที่แห่งนี้ก็พลันเงียบสงัด
บรรพชนแห่งตระกูลกู้! พวกเขาย่อมรู้ดีว่าบุคคลผู้นั้นแข็งแกร่งเพียงใด
การตัดสินใจของบุคคลผู้นั้น ย่อมถูกต้อง
“พลังอำนาจที่พวกเจ้าเห็น ก็เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของบุรุษผู้นั้น หากข้ากล่าวว่าบุตรเทพผู้นี้เกิดมาเป็นอริยะ พวกเจ้าเชื่อหรือไม่?” ชายชราแห่งตระกูลกู้กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม ราวกับไม่สนใจที่จะเปิดเผยเรื่องราวนี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความว่างเปล่าก็พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เห็นได้ชัดว่า ข่าวสารนี้ทำให้พวกเขาตกใจ
เกิดมาเป็นอริยะ? จนถึงตอนนี้ พวกเขายังคงต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อที่จะก้าวสู่ระดับนั้น!
พวกเขามองหน้ากัน ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ
สายตาที่พวกเขามองกู้ฉางเซิง ก็เปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ตระกูลกู้……………พวกเจ้ากำลังวางแผนอันใดกันแน่?”
อย่างไรก็ตาม ยอดฝีมือจากตระกูลอมตะหยิงกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย เขายังคงมั่นใจในอัจฉริยะฟ้าประทานของตระกูลตนเอง
ชายชราแห่งตระกูลกู้สังเกตเห็น สีหน้าของเขาดูแปลกประหลาด
การเปิดเผยเรื่องราวนี้ ย่อมต้องมีเหตุผล
เมื่อกู้ฉางเซิงเริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยวโลกกว้าง ย่อมต้องมีขุมอำนาจมากมายให้ความสนใจ
ดังนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด
นี่คือพรสวรรค์ของบุตรเทพตระกูลกู้!
นี่คือรากฐานที่ทำให้ตระกูลอมตะสามารถอยู่ยืนยง คงอยู่ตลอดกาล!
แต่ท่าทีของตระกูลอมตะหยิง ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
หรือว่า ทายาทตระกูลหยิงจะสามารถต่อกรกับบุตรเทพได้?