ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 35 เจ้าเป็นหญิงงาม เหตุใดจึงเป็นโจร
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 35 เจ้าเป็นหญิงงาม เหตุใดจึงเป็นโจร
เหล่าสมาชิกตระกูลกู้ลุกขึ้นยืนทีละคน แต่ก็ยังคงมีผู้คนมากมายที่มองดูกู้ฉางเซิงด้วยความสนใจและความคลั่งไคล้
บุตรเทพในตำนาน ในที่สุดพวกเขาก็มีโอกาสได้พบเจอ
ส่วนทั่วป๋าซืออวี่และซูเสี่ยวเซวียน ผู้ติดตามทั้งสองของกู้ฉางเซิงก็ได้รับความสนใจจากเหล่าสมาชิกตระกูลกู้เช่นกัน พวกเขามิกล้าดูถูก
ผู้ติดตามของบุตรเทพ ฐานะเช่นนี้ทำให้พวกเขาต้องอิจฉา
สายตาของกู้ฉางเซิงส่วนใหญ่มองไปยังกู้หมิงหวงและกู้กวงหมิง
ผู้อาวุโสเคยกล่าวไว้ว่า ในวันที่กู้หมิงหวงถือกำเนิด ปรากฏเงาหงส์เทพจากเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า
วิหคมากมายต่างคำนับ แสงเมฆาพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในร่างกายของนางยังมีไฟสุริยันแท้ สามารถเผาผลาญสรรพสิ่ง
พรสวรรค์อันน่ากลัวยิ่งนัก!
มีข่าวลือกล่าวว่า เมื่อนางเติบโตขึ้น ได้ออกเดินทางไปทั่วใต้หล้า และได้รับโลหิตแก่นแท้หงส์เทพ รวมไปถึงมรดกของหงส์เทพ!
แต่ในสายตาของกู้ฉางเซิงในตอนนี้ นางยังคงได้รับมรดกอื่น ๆ อีก
แน่นอน อัจฉริยะฟ้าประทานทุกคน ล้วนมีโชคชะตาและวาสนาอันยิ่งใหญ่
ส่วนกู้กวงหมิง เขามีรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดเกราะที่สร้างขึ้นจากทองคำเซียนประกายแสง รอบกายมีวงแหวนศักดิ์สิทธิ์หลายร้อยวงปกคลุม กลิ่นอายน่าเกรงขามยิ่งนัก!
ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับบุตรแห่งสุริยัน!
กายาเทพประกายแสง สามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพประกายแสง ตราบใดที่แสงสว่างไม่ดับสูญ พลังอำนาจก็จะไร้ขอบเขต!
นอกจากนี้ เขายังสามารถหลอมร่างประกายแสง ตราบใดที่แสงสว่างไม่ดับสูญ ร่างกายก็จะมิแตกดับ!
ในยุคบรรพกาล กายาเทพประกายแสงที่ยังไม่บรรลุถึงระดับสูงสุด ก็ยังคงสามารถต่อกรกับจอมสรรพสิ่งได้
แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาทั้งสองฉลาดกว่ากู้เจินเซวียน และรู้จักกาลเทศะ
“เล่าเรื่องงานชุมนุมล่าสัตว์ให้ข้าฟังหน่อย เกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ ยิ่งละเอียดเท่าไหร่ยิ่งดี” กู้ฉางเซิงกล่าวอย่างสบาย ๆ ก่อนที่เขาจะเดินทางมา เขาไม่ได้ตั้งใจศึกษาเรื่องราวเหล่านี้
เพราะสำหรับเขาแล้ว นี่ก็ไม่ต่างจากการพาผู้บำเพ็ญรุ่นเยาว์ออกไปฝึกฝน
“เจ้าค่ะ บุตรเทพ”
กู้หมิงหวงลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินเช่นนั้น
นางมีรูปร่างงดงาม ดวงตาราวกับความฝัน ใบหน้างดงามเลิศเลอ ระหว่างคิ้วมีตราประทับหงส์ ทำให้ดูน่าเกรงขามและสูงส่ง
แต่ตอนนี้ นางกลับมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพ กล่าวว่า “บุตรเทพ งานชุมนุมล่าสัตว์ในครั้งนี้ มีสมาชิกตระกูลกู้เข้าร่วมหนึ่งร้อยคน ในบรรดานั้น เจ็ดสิบสองคนมีตบะระดับแยกปฐพีหกวัฏ ส่วนอีกสามสิบคนมีตบะระดับแยกปฐพีระยะสูงสุด และอีกหกคนมีตบะระดับเบิกฟ้า”
กู้ฉางเซิงพยักหน้า
หากข่าวสารนี้แพร่กระจายออกไป ย่อมต้องทำให้ผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนรู้สึกตกใจและหวาดกลัว
ระดับแยกปฐพี ในโลกภายนอกสามารถเรียกได้ว่า ขุนนาง ปกครองดินแดนนับหมื่นลี้
ระดับเบิกฟ้า เรียกว่า ผู้ทรงฤทธิ์ พลังเวทกว้างใหญ่ไพศาล ย้ายภูเขา ปราบสมุทร ในขุมอำนาจต่าง ๆ พวกเขาคือกำลังสำคัญ เป็นถึงขุนนาง ขุนพล และผู้อาวุโส
แต่ในตระกูลอมตะ พวกเขากลับเป็นเพียงพลังอำนาจของคนรุ่นใหม่
“ในขุมอำนาจทั่วไป คนเหล่านี้สามารถทำลายคนรุ่นใหม่ได้อย่างง่ายดาย กระทั่งต่อกรกับผู้บำเพ็ญรุ่นเก่า”
ทั่วป๋าซืออวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจกับพลังอำนาจของตระกูลอมตะอีกครั้ง มองดูเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเห็นภาพรวมได้
แม้ว่าซูเสี่ยวเซวียนจะดู ‘โง่งม’ เล็กน้อย แต่นางก็รู้ดีว่า สำนักกระบี่ฮ่วนเหยียนต้องใช้ทรัพยากรมากมายเพียงใด เพื่อที่จะฝึกฝนนาง
ส่วนตบะของนางในตอนนี้ เพิ่งจะบรรลุระดับแยกปฐพีสองวัฏ เป็นเพราะได้รับคำชี้แนะจากคุณชายเมื่อไม่กี่วันก่อน
แต่ผู้คนที่อยู่เบื้องหน้า ล้วนแข็งแกร่งกว่านาง
“โชคของข้าในตอนนั้นดียิ่งนัก ตอนนี้ก็ได้เพียงแค่ปอกผลไม้วิญญาณให้คุณชาย” ทันใดนั้นนางก็เข้าใจสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาของผู้คนในตอนนั้น
แน่นอน นางไม่รู้ว่ากู้ฉางเซิงให้ความสำคัญกับนาง เป็นเพราะนางคือการกลับชาติมาเกิดของยอดฝีมือมรรคกระบี่
“จุดประสงค์ของงานชุมนุมล่าสัตว์ก็คือการสังหารสัตว์อสูรที่ตกอยู่ในความมืด จัดขึ้นโดยขุมอำนาจอมตะต่าง ๆ พวกเขาจะจัดอันดับตามจำนวนสัตว์อสูรที่สังหารได้ และมอบรางวัลเป็นพลังอิทธิฤทธิ์ สมบัติลับ อาวุธวิญญาณ และโอสถเทพ” กู้หมิงหวงกล่าวต่อ
“เช่นนั้นเอง สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว รางวัลเหล่านี้นับว่ามากมายยิ่งนัก” กู้ฉางเซิงเข้าใจ พยักหน้าเบา ๆ
รางวัลที่ขุมอำนาจอมตะต่าง ๆ ร่วมมือกันมอบให้ ไม่เพียงแต่ผู้บำเพ็ญคนอื่น ๆ แม้แต่เขาก็ยังคงรู้สึกสนใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์ตระกูลกู้ไม่เหมือนกับเขา พวกเขาไม่สามารถเข้าไปในศาลาพระสูตร และศึกษาพลังอิทธิฤทธิ์ สมบัติลับ และวิชาเวทได้อย่างง่ายดาย
พวกเขาต้องทำคุณประโยชน์ จึงจะสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของเหล่านั้นได้
“ทุกครั้งที่มีงานชุมนุมล่าสัตว์ จะมีขุมอำนาจมากมายเข้าร่วม พวกเรากินเนื้อ ส่วนน้ำแกงที่เหลือ ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาแย่งชิงกัน”
เรื่องนี้ กู้ฉางเซิงเห็นด้วย
ขุมอำนาจอมตะเพียงแค่นำวิชาเวทออกมาเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะทำให้โลกภายนอกเกิดความโกลาหล และการแย่งชิง
จากนั้น กู้ฉางเซิงจึงกล่าวถึงแผนการของตนเองกับพวกเขาอีกครั้ง ก่อนจะโบกมือให้ทุกคนแยกย้ายกันไป พักผ่อน
หลายวันต่อมา
เมืองเป่ยหวงยังคงไม่สงบสุข
บนท้องฟ้ามักจะปรากฏเสียงอันน่ากลัวยิ่งนัก เป็นรถศึกโบราณจากขุมอำนาจต่าง ๆ ที่กำลังเดินทางมา
กระทั่งตระกูลอมตะหยิงก็ยังคงปรากฏตัว
ผู้นำของพวกเขาคือชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมลายหยินหยาง ขี่วัวเขียว เดินทางมา ทุกที่ที่เขาผ่าน ปรากฏปราณม่วงแผ่ขยายออกไปหลายพันลี้ กว้างใหญ่ไพศาล
หยิงเอ๋อร์ กล่าวขานว่าเขามีกายาที่ใกล้เคียงกับมหามรรคที่สุด มีผู้คนมากมายเคยเห็นเขาลงมือ เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถสังหารสัตว์อสูรระดับเบิกฟ้าเจ็ดวัฏได้ น่ากลัวยิ่งนัก
นิกายสวรรค์ธยานะ สำนักสวรรค์ขั้วโลกใต้ ทะเลสาบผู้วายชนม์...... ขุมอำนาจเก่าแก่และแข็งแกร่งต่างก็ปรากฏตัวขึ้น แต่ละแห่งล้วนเป็นนิกายใหญ่ มีมรดกอมตะ
ผ่านไปอีกหลายวัน ตระกูลอมตะฉินก็ปรากฏตัวขึ้น ผู้นำของพวกเขากล่าวขานว่าเป็นหญิงสาวลึกลับ แต่ไม่มีผู้ใดเคยเห็นรูปโฉมที่แท้จริง และการเคลื่อนไหวของนาง
“กายาสุญตาอย่างนั้นหรือ?”
ยามค่ำคืน ภายในโถงตำหนัก
กู้ฉางเซิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนอยู่ ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้น ภายในดวงตาที่เงียบสงบและลึกลับ ปรากฏแสงสว่างเจิดจรัสแวบหนึ่ง จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่เทพสองเล่มที่สร้างจากจิตเทวะ พุ่งเข้าโจมตีความว่างเปล่าแห่งหนึ่ง
“นี่!”
เสียงของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจดังขึ้น ราวกับว่านางไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะถูกเปิดเผย
“เจ้าคือหญิงงาม เหตุใดจึงเป็นโจร มาแล้วเหตุใดจึงไม่ปรากฏตัว?”
กู้ฉางเซิงกล่าวอย่างแผ่วเบา การเคลื่อนไหวในมือของเขาไม่ได้หยุดลง แสงเทพส่องประกาย จากนั้น ฝ่ามือข้างหนึ่งก็แปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บมังกรทองคำ ผนึกสี่ทิศแปดทาง กวาดต้อนไปยังที่แห่งนั้น!
หมื่นลักษณ์เทพจำแลง ร่างวิชามังกรแท้
“ฮึ่ม......ไม่คิดเลยว่าบุตรเทพตระกูลกู้จะเป็นคนกะล่อน!” เสียงเย็นชาที่แฝงไว้ด้วยความโกรธเล็กน้อยดังขึ้น
จากนั้น ความผันผวนในความว่างเปล่าก็หายไป
นางหนีไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
กู้ฉางเซิงมองดูสิ่งที่อยู่ในมือ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เสื้อชั้นในสีขาวบริสุทธิ์ ปรากฏรูปอักขระมากมาย สร้างขึ้นจากใยแมงมุมโลหิตเงินหมื่นปี นุ่มนวลราวกับหยก
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มันยังคงอบอุ่น และมีกลิ่นหอมจาง ๆ