ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 31 มหาอาภามารสุญตาดับสูญ
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 31 มหาอาภามารสุญตาดับสูญ
กระดูกมารสีดำใสดุจหยกหมึก เบื้องหน้าอก ปลดปล่อยแสงที่น่าหวาดหวั่นออกมา
บริสุทธิ์ สุญตา ดับสูญ!
แม้แต่กู้ฉางเซิงก็ยังคงรู้สึกถึงความน่ากลัวนั้น กระดูกอมตะสั่นสะเทือน ภายในใจหวาดหวั่น คิ้วขมวดเล็กน้อย
“ช่างน่าประหลาด ราวกับว่าต้องการกลืนกินชีวิตของข้า แต่กลับดูเหมือนว่าต้องการทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดับสูญ”
กู้ฉางเซิงกล่าวพึมพำ รู้สึกราวกับว่าตนเองยืนอยู่ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว รอบกายว่างเปล่า มิได้มีแม้แต่สิ่งมีชีวิต
พร้อมกันนั้น เขาก็เริ่มต้นควบคุมปราณปฐมโกลาหลภายในร่างกาย พลังเวทมากมายพุ่งทะลักเข้าโจมตีกระดูกอมตะที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
กายาปฐมโกลาหลแต่กำเนิด บรรจุรูปลักษณ์มหามรรคนับไม่ถ้วน หลักธรรมอันยิ่งใหญ่ในเวลานี้ต่างก็ปรากฏขึ้น
ปราณม่วงมากมายพุ่งทะลักออกมาจากตราประทับหงเหมิง ปกคลุมกระดูกมารเอาไว้
ทองม่วงหงเหมิง เป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งเซียน จะปรากฏขึ้นเมื่อโลกใบหนึ่งแตกดับ หรือถือกำเนิด
ท่านปู่บรรพชนเคยกล่าวไว้ว่า ในดินแดนมรรคาสามพันดินแดน มีเพียงบันทึกเมื่อบรรพกาลก่อนเท่านั้นที่กล่าวถึงทองม่วงหงเหมิง นี่คือวัสดุเซียนที่ล้ำค่าที่สุด
ทองม่วงหงเหมิงแต่ละชิ้น ล้วนบรรจุรูปลักษณ์ของโลกเอาไว้ ต้นกำเนิดที่ถูกตราตรึง เมื่อใช้พลัง ก็เหมือนกับว่ากำลังควบคุมโลกใบหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้กู้ฉางเซิงเคยคาดเดาเอาไว้
โลกใบนั้นที่เขาเคยเห็นแวบหนึ่งตอนที่เดินทางข้ามภพ อาจจะกำลังแตกดับและถือกำเนิด
และคำว่า ‘เปิด’ ที่เขากล่าว ก็เหมือนกับบุคคลในตำนานที่กำลังเปิดฟ้าดิน!
เมื่อตราประทับหงเหมิงเริ่มต้นแสดงพลัง พลังที่น่าประหลาดของกระดูกมารก็เริ่มสลายหายไป
ราวกับว่าหิมะกำลังละลายเมื่อพบเจอกับแสงอาทิตย์
วิชากระจกโพธิ์เริ่มต้นทำงานด้วยตนเอง ภายในตำหนักดวงจิต แสงฝนสีทองโปรยปราย วิญญาณก่อกำเนิดสีทองขนาดเล็กนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องล่าง หันฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นฟ้า ราวกับจักรพรรดิเซียนรุ่นเยาว์ กำลังต่อต้านสสารสีดำ
กู้ฉางเซิงขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ
ทั่วทั้งร่างกายของเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
ชั่วขณะหนึ่ง ปรากฏปราณเซียนอันบริสุทธิ์ ราวกับเซียนที่จุติลงมาจากเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า
ชั่วขณะหนึ่ง ปรากฏปราณมารอันน่ากลัว น่าประหลาด น่าหวาดหวั่น ราวกับเทพมารที่ปีนขึ้นมาจากเก้าอเวจี
ปราณเซียนและปราณมารสลับกันปรากฏ ราวกับเซียน ราวกับมาร ทำให้กระดูกอมตะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ไม่อาจปฏิเสธได้ สสารสีดำนั้นช่างน่ากลัวเกินไป
หากเป็นผู้บำเพ็ญธรรมดาสามัญ คงต้องกลายเป็นผุยผง ไม่มีแม้แต่เศษกระดูก
ในที่สุด ครึ่งชั่วยามต่อมา
ตู้ม!
ตราประทับหงเหมิงสั่นสะเทือน
พลังที่น่ากลัวของกระดูกมารก็สลายหายไปโดยสิ้นเชิง
กู้ฉางเซิงดูเหมือนกับถูกดึงขึ้นมาจากใต้น้ำ ชุดคลุมยาวถูกเหงื่อชุ่มโชก
กระบวนการนี้ช่างยากลำบาก หากประมาทเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะตกอยู่ในหายนะ กลายเป็นสิ่งที่เขาไม่รู้จัก
แต่สิ่งที่ทำให้กู้ฉางเซิงรู้สึกกังวลก็คือ สีของกระดูกอมตะยังคงเป็นสีดำดุจหยกหมึก ภายในนั้นแฝงไว้ด้วยความมืดมิด
“ไม่ถูกต้อง……”
ทันใดนั้น กระดูกอมตะก็สั่นสะเทือน ภายในนั้น โลหิตแก่นแท้ที่แฝงไว้ด้วยปราณปฐมโกลาหลเริ่มไหลเวียน แสงมารสีดำขนาดใหญ่ระเบิดออก เจิดจรัสอย่างยิ่ง
พร้อมกันนั้น ข้อมูลมากมายก็ปรากฏขึ้นภายในจิตวิญญาณของกู้ฉางเซิง ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยความรู้สึก
โชคดีและโชคร้ายมักจะมาพร้อมกัน
เจ็ดปีก่อน กระดูกอมตะของเขาได้ตื่นขึ้นเป็นครั้งแรก ปรากฏพลังอิทธิฤทธิ์พรสวรรค์บทแรก วิชาสมบัติวัฏจักร
แสงเทพสีดำและสีขาว สามารถควบคุมพลังแห่งวัฏจักร นึกคิดถึงชีวิต นึกคิดถึงความตาย พลังอำนาจน่ากลัวอย่างยิ่ง
ตอนนี้ กระดูกอมตะถูกสสารสีดำย้อมติด
ทำให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ปรากฏพลังอิทธิฤทธิ์พรสวรรค์บทที่สอง
มหาอาภามารสุญตาดับสูญ!
กู้ฉางเซิงรู้สึกว่ามันควรจะมีชื่อเช่นนี้
ควบคุมพลังแห่งสุญตาและดับสูญ
ภายใต้มหาอาภานี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องดับสูญ กลายเป็นผุยผง
แม้แต่พลังอิทธิฤทธิ์และวิชาสมบัติก็ไม่เว้น!
เมื่อเทียบกับวิชาสมบัติวัฏจักรแล้ว มหาอาภามารสุญตาดับสูญนั้น น่ากลัวและยิ่งใหญ่กว่า
พร้อมกันนั้น กู้ฉางเซิงรู้สึกว่าตนเองสามารถใช้พระสูตรมหาตรีสหัสโลกธาตุควบคุมมหาอาภามารสุญตาดับสูญ เปิดประตูมิติ และเนรเทศศัตรูไปยังโลกอื่น
กล่าวได้ว่า โลกสามพันใบ ทุกใบ ล้วนเป็นกรงขัง
แต่การทำเช่นนี้ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเบื้องหลังโลกเหล่านั้นมีอันใดอยู่
เช่นสสารสีดำเมื่อครู่ เกือบทำให้เขาตาย
ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเก็บกลเม็ดนี้เอาไว้ เป็นไพ่ตาย เมื่อถึงเวลาคับขันจึงจะใช้
“กลเม็ดที่คิดค้นขึ้นมานี้ เรียกว่าวิชาลับเนรเทศตรีสหัส แต่เมื่อใช้พลัง ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกพลังสะท้อนกลับ”
กู้ฉางเซิงตั้งชื่อให้กับกลเม็ดสุดท้าย จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
วิชาลับเนรเทศตรีสหัส!
มหาอาภามารสุญตาดับสูญ!
ในค่ำคืนนี้ พลังอิทธิฤทธิ์พรสวรรค์ที่เขาได้รับมานั้น มีมากมายนับไม่ถ้วน ทุกบท ล้วนน่ากลัวอย่างยิ่ง ไม่ด้อยไปกว่าวิชาระดับจอมสรรพสิ่ง
จากนั้น จิตใจของกู้ฉางเซิงก็สั่นไหว สีดำบนกระดูกอมตะจางหายไป กลายเป็นปราณเซียนอันบริสุทธิ์ ไม่แตกต่างจากในอดีต
“เช่นนั้นเอง เมื่อใช้พลังอิทธิฤทธิ์พรสวรรค์บทที่สอง กระดูกอมตะจึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ปกติก็เหมือนเดิม” ในที่สุดกู้ฉางเซิงก็รู้สึกโล่งใจ
มีกระดูกมารอยู่ที่หน้าอก คงไม่มีผู้ใดรู้สึกสบายใจ
“บุคคลที่หลอมสร้างพระสูตรมหาตรีสหัสโลกธาตุช่างโหดร้ายยิ่งนัก แต่น่าเสียดาย นี่เป็นเพียงเศษหน้ากระดาษ หากเป็นพระสูตรมหาตรีสหัสโลกธาตุฉบับสมบูรณ์ อาจจะสามารถใช้โลกสามพันใบเป็นกรงขัง ผนึกทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ได้”
กู้ฉางเซิงมองดูเศษหน้ากระดาษที่สร้างขึ้นจากทองดำกระดูกศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง จากนั้นก็เก็บมันเข้าไปภายในแหวนสุเมรุ
มีความเป็นไปได้สูง
ทองดำกระดูกศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ มิได้มาจากกระดูกของอริยะ แต่มาจากการสังหาร
เหมือนกับตอนที่เขายังเด็ก ตระกูลได้รวบรวมโลหิตสมบัติให้เขา
เดินทางไปยังเขตหวงห้ามและอาณาเขตลับ นำสัตว์ประหลาดบรรพกาลมาสังหาร และใช้โลหิตของพวกมันหลอมสร้าง
ดังนั้น เศษหน้ากระดาษในมือของเขานี้ ไม่รู้ว่ามีดวงวิญญาณของอริยะกี่คนที่ถูกสังหาร!