บทที่ 67 โรงแรมรุ่ยลี่ ตอนที่ 4
บทที่ 67 โรงแรมรุ่ยลี่ ตอนที่ 4
เสิ่นชงหรานฟังซินเหอระบายความรู้สึกอย่างเงียบ ๆ เมื่อเธอพูดถึงการเห็น “เท้าคู่นั้น” เสิ่นชงหรานก็แน่ใจว่าสิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่ภาพหลอน แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังพยายามปลอบโยน "ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะรายงานเรื่องนี้แน่นอน แต่เธอพอจะจำได้ไหมว่ามันเป็นเท้าของผู้ชายหรือผู้หญิง?"
ซินเหออึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมพนักงานโรงแรมถึงถามเรื่องนี้ “ฉันจำไม่ได้ ฉันจำได้แค่ว่าเห็นเท้าคู่นั้นเท่านั้น”
เสิ่นชงหรานพยักหน้ารับรู้ เข้าใจว่าความตกใจในตอนนั้นอาจทำให้ซินเหอไม่ทันสังเกตเห็นรายละเอียด
เสิ่นชงหรานพาซินเหอไปนั่งที่เคาน์เตอร์ และหยิบผ้าเช็ดเครื่องสำอางออกมาจากลิ้นชักเพื่อช่วยเช็ดหน้าให้ซินเหอให้ดูเรียบร้อยขึ้น
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นสภาพนี้ก็รีบเข้ามาถาม “เกิดอะไรขึ้นเหรอ ร้องไห้ขนาดนี้เลยเหรอ”
ก่อนหน้านี้เขาเห็นเธอพูดเสียงดังในล็อบบี้ เหมือนจะทะเลาะกับใครอยู่ จึงไม่คิดอะไรมากเมื่อเห็นเธอเดินเข้าไปทางห้องน้ำของพนักงาน คิดว่าเธออาจจะอารมณ์ไม่ดี
เสิ่นชงหรานบอกให้ซินเหอเช็ดหน้าเอง “คุณผู้หญิงคนนี้บังเอิญเดินไปตรงห้องเก็บของแล้วไฟดับ เธอเลยตกใจ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยักหน้าเข้าใจ “อย่างนี้นี่เอง มันน่าตกใจจริง ๆ เดี๋ยวผมจะไปตรวจดูให้”
เสิ่นชงหรานกล่าวขอบคุณ แล้วไปหยิบน้ำอุ่นมาให้ซินเหอ
ซินเหอนั่งร้องไห้อยู่พักหนึ่งจนเริ่มใจเย็นลง ร่างกายที่เย็นเฉียบก็เริ่มอบอุ่นขึ้นเมื่อได้จิบน้ำอุ่นจากแก้วกระดาษ
“ขอบคุณนะ” ซินเหอเอ่ยขอบคุณในที่สุด
เสิ่นชงหรานโบกมือให้ “ไม่เป็นไร คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม”
เพราะซินเหอเกิดเรื่องไม่สบายใจในโรงแรม เสิ่นชงหรานต้องคอยให้บริการตามมาตรฐานโรงแรมเพื่อให้เธอรู้สึกสบายใจ
ซินเหอส่ายหน้า “ตอนนั้นฉันตกใจจริง ๆ พอมาคิดดูอีกที ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นมันเป็นภาพหลอนหรือเปล่า”
แม้ว่าเธอจะหวาดกลัว แต่เมื่อหายตกใจแล้วก็อยากอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในมุมมองที่ใช้หลักเหตุผล
เสิ่นชงหรานก็เลยเออออตาม “อาจเป็นเพราะคุณกังวลมากเกินไป เวลาที่เรากลัวอะไรอยู่ ทุกอย่างรอบตัวอาจดูน่าสงสัยไปหมด”
ซินเหอคิดแล้วก็เห็นด้วย “จริงสิ ตอนที่ฉันส่องไฟ ฉันก็กลัวว่าจะเห็นอะไรน่าขนลุก”
อาจเป็นเพราะความกังวลเกินไป แต่เท้าคู่นั้นเธอเห็นชัดจริง ๆ
แต่ใครจะเชื่อเรื่องนี้ล่ะ สุดท้ายก็โทษว่าเป็นแค่ความประสาทหลอนไปดีกว่า
เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซินเหอจึงเลิกคิดเรื่องนี้ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็โทรออกไปหาใครสักคน
เสิ่นชงหรานเห็นชายหนุ่มที่ดูดีคนหนึ่งเดินเข้ามา ซินเหอเดินไปหาเขาทั้งน้ำตา ทั้งสองจึงออกจากโรงแรมไปในที่สุด
ก็ดีแล้วล่ะ ที่นี่อันตราย เธอออกไปก่อนก็ถูกแล้ว
ซินเหอมาโรงแรมพร้อมกระเป๋าใบเดียวโดยไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน พอออกจากโรงแรมก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แฟนหนุ่มฟัง ยืนยันว่าเธอเห็นจริง ๆ แฟนหนุ่มไม่ได้พูดอะไรมาก แค่บอกว่าอย่ามาพักที่โรงแรมรุ่ยลี่อีก
หลังเที่ยงคืนเข้าไปวันที่ 12 เสิ่นชงหรานนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าโรงแรม คิดถึงเรื่องอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น หรืออาจเป็นวันที่ 16?
แต่เรื่องวันนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอันตรายยังอยู่ เพียงแต่ไม่ได้รุนแรงมากนัก
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอภารกิจระดับกลาง อุปกรณ์ยันต์ขาวที่มีก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้มากแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่รู้เลยว่าใครคือผู้ทำภารกิจคนอื่น ๆ
ภารกิจครั้งนี้เป็นการไขปริศนาเหมือนกับที่เคยเจอในโรงแรมหย่งอัน การหาคำตอบคนเดียวก็ยากไปหน่อย
คิดถึงปัญหามากมายจนถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
“สาวสวย ถอนหายใจทำไมกัน”
เสิ่นชงหรานเงยหน้าขึ้นมอง เห็นชายหนุ่มผมสีฟ้าหม่นยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ โดยมีเพื่อนอีกสองสามคนพยุงคนเมาเดินตามมาข้างหลัง
ดูท่าว่าจะมาจากบาร์ใกล้ๆ พอดื่มมากไปจนเดินไม่ไหว เลยต้องพามาพักที่นี่ค้างคืน
เสิ่นชงหรานไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่เพียงถามอย่างนุ่มนวลว่า “จะเช็คอินใช่ไหมคะ?”
ชายหนุ่มไม่ใส่ใจมากนัก พยักหน้าแล้วบอก “ใช่ครับ ขอห้องสวีทสำหรับค้างคืนหนึ่งห้อง”
พูดจบเขาก็ส่งบัตรประชาชนของกลุ่มให้ เสิ่นชงหรานรับไว้และจัดการเช็คอินให้เรียบร้อย
เมื่อยื่นกุญแจห้องให้ ชายหนุ่มยกคิ้วขึ้นพลางแหย่เล่นว่า “ขอบคุณนะครับ พี่สาวสวย”
เสิ่นชงหรานยิ้มอย่างเงียบ ๆ คิดในใจว่า ใครจะรู้ คุณอาจจะอายุมากกว่าฉันก็ได้
กลุ่มชายหนุ่มเดินผ่านล็อบบี้ไปขึ้นลิฟต์ พวกเขายังคงล้อเลียนชายหนุ่มผมสีฟ้าหม่นคนนั้นต่อ
“คนนี้สวยดีนะ เดี๋ยวนายจะลองขอไอดีเพื่อนไหมล่ะ”
“อย่าฝันเลย สาวสวยคนนั้นไม่น่าจะเพิ่มคนแบบพวกเราเป็นเพื่อนหรอก”
“นายรู้ได้ยังไง”
ชายหนุ่มผมฟ้าหม่นเพียงแต่ยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร
บาร์แถวนี้มักมีลูกค้ามาเช็คอินช่วงดึก คนที่เมาเดินไม่ไหวมักจะถูกเพื่อนพามาพักที่นี่เป็นประจำ เพราะขี้เกียจพากลับบ้าน
ช่วงนี้มีลูกค้ามาคู่กันบ้าง หากชายหนุ่มมองเสิ่นชงหรานนานเกินไปก็มักจะโดนแฟนสาวบิดหยิกไปหนึ่งที
โชคดีที่เสิ่นชงหรานมีลักษณะนิ่งขรึม และไม่จ้องหน้าผู้ใด ทำให้สาว ๆ ไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองอะไร
เสิ่นชงหรานทำงานต่อจนถึงเกือบตีสามกว่าที่จะได้พัก
เธอได้จิบน้ำอุ่น เพราะแม้เพิ่งเข้าฤดูใบไม้ร่วง แต่ตอนกลางคืนก็ยังหนาว โดยเฉพาะเมื่อต้องนั่งนิ่ง ๆ ร่างกายจะเสียความร้อนเร็ว
ก่อนหน้านี้ ลุงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปตรวจห้องเก็บของ เสิ่นชงหรานกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นเขากลับมาโดยปลอดภัยก็ค่อยโล่งใจ
เธอไม่อยากให้ลุงที่อัธยาศัยดีคนนี้เจอเรื่องไม่ดี
มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่สองคน คนหนึ่งท่าทางอ่อนโยนและขยันขันแข็ง ส่วนอีกคนพอเดินตรวจเวรก็กลับไปนั่งที่ห้องเล็ก
เมื่อตอนเกิดเรื่องซินเหอ ลุงรักษาความปลอดภัยออกมาคุยกับเธอเพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เจ้าหน้าที่ที่มีรูปร่างท้วมนั่งบนเก้าอี้ข้างเคาน์เตอร์ “เสี่ยวหรานนะ ยัยสาวที่ตกใจกลัวคนนั้นน่ะ ฉันเห็นเธอคุยโทรศัพท์ทะเลาะกับแฟนหนุ่มในล็อบบี้ แล้วตอนที่เธอเดินไปทางทางเดินพนักงาน ฉันเลยไม่กล้าพูดอะไรเพราะเธออารมณ์ไม่ดี”
เขากลัวว่าถ้าเรื่องนี้รายงานขึ้นไป เจ้านายจะว่าเขาไม่ระวัง ไม่ยับยั้งไม่ให้แขกเดินไปตรงนั้น
เสิ่นชงหรานเข้าใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ปกติก็มีคนผ่านไปมาเข้าห้องน้ำบ้าง ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่”
ที่โรงแรมรุ่ยลี่เน้นบริการดี แม้ไม่ใช่ลูกค้าพักค้างคืน ขอแค่ไม่เกินเลยก็มักจะได้รับความช่วยเหลือเสมอ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลุงเจ้าหน้าที่ก็โล่งใจขึ้นมาก เพราะอย่างน้อยก็มีคนเข้าใจเขา
“แต่เธอทะเลาะกับแฟน แล้วถึงกับร้องไห้ขนาดนั้นเนี่ยนะ เฮ้อ เป็นสาว ๆ นี่ต้องดูแลตัวเองให้ดี ฉันก็มีลูกสาวนะ กำลังเรียนมัธยมปลาย ถ้าวันไหนเห็นเธอร้องไห้หนักแบบนี้ คงทำใจลำบากแน่”
เสิ่นชงหรานยิ้มเล็กน้อยพลางนึกถึงภารกิจคราวก่อน หากพ่อแม่ของเด็กสาวสองคนนั้นมีใครสักคนที่รักและห่วงใยพวกเธอเช่นนี้ บางทีพวกเธอคงไม่ต้องพบจุดจบที่เลวร้าย
“หญิงสาวที่ร้องไห้หนักขนาดนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทะเลาะกับแฟน อีกส่วนหนึ่งก็คือ เธอตกใจ ไม่ใช่แค่เพราะไฟดับเท่านั้น”
เมื่อพูดถึงช่วงท้าย เสิ่นชงหรานก็ลดเสียงลงเรื่อย ๆ
..........