บทที่ 33 จินเป่า จินเป่าเอ๋อ?
เมื่อเสียงร้องดังขึ้น! ท่ามกลางกองดาบวิญญาณ พลันปรากฏแสงสีเงินวาบขึ้น ดาบยาวสีเงินบริสุทธิ์พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว จินเป่าเอ๋อร์ยื่นมือไปรับอย่างคล่องแคล่ว คนกับดาบดูราวกับคุ้นเคยกันมานาน ประสานงานอย่างลงตัว พุ่งทะยานออกจากกลุ่มดาบที่ล้อมรอบอยู่ทันที"
ในวินาทีถัดมา...
ที่กำแพงปลายทางเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งถ้ำ ในขณะเดียวกัน ดาบวิญญาณที่ลอยอยู่ทั้งหมดต่างพุ่งไปทางกำแพงพร้อมกัน หมุนวนด้วยความเร็วสูงจนเกิดพายุหมุน! แรงสั่นสะเทือนของถ้ำทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ!
จนกระทั่งดาบวิญญาณเล่มสุดท้ายเข้าสู่พายุหมุนนั้น จินเป่าเอ๋อร์ก็ได้ยินเสียงของหลงหลีซิงเป็นครั้งแรกที่แฝงไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย!
“พิธีค่ายกลบูชาดาบหรือ”
เมื่อได้ยินคำนี้ จินเป่าเอ๋อรู้สึกตาพร่าทันที พิธีค่ายกลบูชาดาบบ? ตามที่เล่าลือกันว่าเป็นการเผาดาบวิญญาณหลายเล่มเพื่อรวมพลังทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว?
ยังไม่ทันที่นางจะคิดอะไรมาก มือที่ถือดาบสังหารจิตวิญญาณก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ ปล่อยให้ลมพายุและพลังดาบค่อยๆ ไหลเข้าไปในดาบ!
“เจ้าโชคดีจริงๆ หากดาบนี้สามารถรับการรวมพลังได้ มันจะกลายเป็นเครื่องมือระดับเซียนได้เลย!”
จินเป่าเอ๋อรู้สึกเข้าใจ ว่าทำไมในอดีตสังหารจิตวิญญาณจึงต้องไม่ผ่านสิ่งเหล่านี้ หรือเพราะนางถูกไล่ล่า ทำให้สังหารจิตวิญญาณต้องเสียโอกาสในการเป็นเครื่องมือระดับเซียนไปหรือ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางเกร็งมือในแขนเสื้อแน่นขึ้น ภายในใจเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร สังหารจิตวิญญาณเริ่มมีรอยแตกบนใบมีด ดูเหมือนจะไม่สามารถทนได้ เสียงร้องอย่างเศร้าสร้อยดังขึ้นเบาๆ!
จินเป่าเอ๋อมองด้วยความกังวลใจ แต่ไม่สามารถทำอะไรไม่ได้เลย
“เจ้ากังวลทำไม ต่อให้มันล้มเหลว มันก็ไม่มีผลต่อเจ้า หรอกแค่หาดาบวิญญาณใหม่มาเท่านั้น!”
เสียงที่แสดงความไม่ใส่ใจนั้นเข้าหู พร้อมด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยและดูถูก
จินเป่าเอ๋อมองดาบสังหารจิตวิญญาณอย่างตั้งใจ ดวงตาของนางมีความมั่นใจและเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น เสียงของนางเริ่มมีน้ำหนักและสั่นเครือ
“มันไม่ใช่อาวุธ! แต่มันเป็นเพื่อนของข้า!”
ตั้งแต่ช่วงที่นางได้ทำสัญญากับมัน มันถูกกำหนดไว้แล้ว! นี่คือเส้นทางที่สังหารจิตวิญญาณเลือกเอง แม้จิตวิญญาณจะไม่ฉลาดพอ แต่มันคือเพื่อนที่อยู่เคียงข้างนางมาสองชาติ!
ไม่รู้ว่าทำไม จิตวิญญาณภายในคฟหาสน์เซียนของหลงหลีซิงถึงรู้สึกประทับใจกับจิตวิญญาณของนาง ผ่านดวงตาของจินเป่าเอ๋อมองไปยังดาบวิญญาณที่แขวนอยู่ในอากาศ
ผ่านไปครู่หนึ่ง พลังมังกรที่แข็งแกร่งหลั่งไหลออกจากร่างนางอย่างรุนแรง ล้อมรอบตัวดาบไว้และบีบให้พลังดาบที่หมุนอยู่ภายในลมพายุทั้งหมดถูกดูดซึมไปยังสังหารจิตวิญญาณ ดาบวิญญาณธรรมดาอาจพังไปแล้ว แต่สังหารจิตวิญญาณกลับเกิดใหม่จากการแตกสลาย!
“นี่คือเส้นทางของข้า! ทำลายแล้วเกิดใหม่!”
หากร่างกายแตกสลาย พลังอ่อนแอลง เขาจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ปล่อยให้ตัวเองพังทลาย แล้วฟื้นคืนชีพด้วยจิตวิญญาณที่ทรงพลังที่สุดอีกครั้ง! จนกระทั่งบดขยี้ทุกอย่าง!
จินเป่าเอ๋อรู้สึกสั่นสะเทือนทั้งตัว จากนั้น… นางก็เกิดความเข้าใจในทันที!
นางไม่ใช่เช่นนั้นหรือ ทำลายตัวเอง แล้วจิตวิญญาณก็ฟื้นคืนชีพ! ทุกอย่างในอดีตเป็นฝันร้ายคือฐานที่แข็งแกร่งของนาง การทำลายแล้วเริ่มใหม่!
ในทันใดนั้น พลังวิญญาณรอบตัวนางพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของนางเต็มไปด้วยพลังอีกครั้ง ทักษะของนางค่อยๆ สูงขึ้น จนถึงระดับหลอมปราณสูงสุดอย่างเต็มที่ แค่ขาดอีกนิดเดียวก็จะสามารถทะลวงไปสู่ระดับจินตันได้ แต่นางกลับบังคับไม่ให้พลังทะลุขึ้นไป
ในขณะเดียวกัน สังหารจิตวิญญาณก็เสร็จสิ้นการปรับโฉมครั้งสุดท้าย เหมือนดาบที่ถูกฝุ่นคลุมถูกทำความสะอาด ดาบยาวสีเงินมีพลังอย่างมาก คมและเฉียบขาด บนตัวดาบมีรูปมังกรดำที่เกลียวกลายเป็นรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขาม!
มังกรดำ?
เมื่อนึกถึงพลังในครั้งแรกที่หลงหลีซิงถูกนางปลุกให้ตื่น จินเป่าเอ๋อเริ่มมีลางสังหรณ์…
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าสำหรับคำชี้แนะ!”
หากไม่ใช่เพราะเขา นางคงไม่สามารถก้าวหน้าได้เร็วขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะลืมทุกอย่างในอดีต แต่จินเป่าเอ๋อก็ยังรู้สึกขอบคุณอย่างมาก
“ฮึ! ข้าไม่ต้องการคำขอบคุณจากเจ้าหรอก อย่าลืมว่าเจ้าสัญญากับข้าไว้ว่าจะค้นหาพลังของข้ากลับมา! ก่อนหน้านั้น… ให้ดูพลังของเจ้าก่อน!”
น้ำเสียงที่แสดงถึงการไม่ใส่ใจและความหยิ่งผยองทำให้จินเป่าเอ๋อรู้สึกหมดหนทาง จึงพยักหน้าอย่างยอมรับ
“ท่านผู้เฒ่าพูดถูก! ข้าจะพยายามฝึกฝน!”
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นบุคคลที่ย้อนเวลามา หลงหลีซิงจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ? พลังนี้เขาสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต แม้แต่ตอนที่ถูกออกแบบและถูกปิดผนึกทิ้งในโลกการฝึกตน เขาก็ไม่เคยใช้พลังนี้เลย แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะใช้พลังกับนางล่ะ
นี่คือสิ่งที่เขาคิดไม่ตก แต่เมื่อมองดูตอนนี้ ถึงแม้ว่านางจะอ่อนแออย่างไม่น่าเชื่อ แต่กลับมีหัวใจที่เข้มแข็งในฐานะนักสู้
ในอนาคต… มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
ขณะเดียวกัน ที่ยอดเขาฮวาเหมิงแห่งสำนักเมี่ยวชิง เฉียนฟูจื่อเดินตรงเข้ามาอย่างร่าเริง เมื่อได้พบกับสหายเก่าเขาก็ตื่นเต้นมาก
“พี่ฮวา ไม่เจอกันเป็นสิบปี ท่านยังคงดูดีเหมือนเดิม!”
เมื่อเฉียนฟูจื่อนึกถึงศิษย์ที่โดดเด่นของเพื่อนคนนี้ เขาก็อยากจะขอแลกเปลี่ยนวิธีการสอนกันในทันที
อย่างไรก็ตาม…
“อะไรนะ? อะไรจินเป่า…อะไรนะ? ลิ้นท่านเป็นอะไรรึ? พูดจาแปลกๆ ข้าเริ่มสงสัยว่าท่านคงเกิดไฟเข้าตัวแล้ว?”
ฮวาเฟิงจู่มองสหายด้วยสีหน้าฉงน ราวกับไม่เข้าใจคำพูดของเขาเลยสักนิด
เฉียนฟูจื่อคิดว่าเขากำลังถ่อมตัว จึงโบกมือใหญ่ไปมา
“เฮ้อ ท่านอย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย ศิษย์ที่ดีเช่นนี้ท่านยังกลัวว่าข้าจะแย่งไปหรือ เจ้าจินเป่าเอ๋อคนนั้นน่ะ ยอดเยี่ยมจริงๆ ความคิด จิตใจ และพรสวรรค์ทุกอย่างพร้อม ท่านเลี้ยงดูศิษย์ได้เก่งขนาดนี้เชียวหรือ ข้าช่างอิจฉาเสียจริง!”
พอฮวาเฟิงจู่ได้ยินชื่อจินเป่าเอ๋อ ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาก็คือศิษย์น้อยจินเป่าเอ๋อของเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความเข้าใจทันที!
“อ๋อ~ ท่านหมายถึงศิษย์น้อยของข้าสินะ”
พูดจบก็กลอกตาทันที! “ท่านพูดอะไรเล่า ศิษย์ของข้านางฉลาดและขยันก็จริง แต่ทำไมท่านถึงชมเชยขนาดนี้?”
เจ้าเด็กน้อยนั่น แม้จะเรียนการปรุงยากับเขาอยู่ช่วงหนึ่ง และมีไหวพริบดี แต่ทุกครั้งที่ลงมือก็ทำหม้อระเบิดเสียหมด! ความสามารถในการต่อสู้ยอดเยี่ยม เรียนยันต์และคาถาได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ในการปรุงยา…กลับห่วยแตกอย่างน่าเสียดาย!
ก่อนที่เขาจะได้กล่าวโอดครวญต่อ เฉียนฟูจื่อก็พูดเสริมด้วยความยินดี
“ท่านอย่าถ่อมตัวเลย ศิษย์วัย 15 ที่เป็นนักปรุงยาระดับสี่ นี่คงไม่มีใครเหมือนบนแผ่นดินนี้แล้วกระมัง! ท่านไม่รู้ว่าในวันแข่งขันการปรุงยานั้นเกิดอะไรขึ้น ข้า…”
ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ฮวาเฟิงจู่ก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ นัยน์ตาค้างนิ่ง...
“ท่านพูดอะไรนะ? นักปรุงยาระดับสี่? ข้าขอบอกเลยว่าเล่นตลกเรื่องนี้ไม่ได้นะ!”
แต่เฉียนฟูจื่อกลับหัวเราะออกมา
“ตลกอะไรกัน! ศิษย์น้อยของท่านสร้างความฮือฮาขึ้นมา ในงานแข่งขันการปรุงยา เขาปรุงยาโสมระดับสี่ชั้นสูงได้ต่อหน้าผู้คน และได้คะแนนที่หนึ่งเข้าสมาคมนักปรุงยาของข้า! ข้าจะเอาเรื่องนี้มาเล่นตลกได้อย่างไร! กลับเป็นท่านต่างหากที่ซ่อนศิษย์ไว้แนบเนียนถึงเพียงนี้! หากเด็กนั่นไม่บอกเอง ข้าก็คงไม่รู้เลยว่าท่านมีศิษย์เช่นนี้!”
พอพูดยาวขนาดนั้น ฮวาเฟิงจู่ก็ยืนฟังด้วยสีหน้ามึนงงเต็มใบหน้า!
"เจ้าแก่บ้านี่ คงไม่ได้หลงๆ ลืมๆ ไปแล้วหรอกนะ ศิษย์น้อยคนนั้น จินเป่าเอ๋อน่ะ เป็นศิษย์หญิงเพียงคนเดียวของข้านะ!"
วินาทีถัดมา… บรรยากาศพลันเงียบสนิท! ทั้งสองต่างเบิกตากว้างมองหน้ากัน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจพร้อมกัน พลางอุทานออกมาอย่างตะลึง!
"เจ้าว่าจินเป่าเป็นผู้หญิงหรือ"
"นางเป็นนักปรุงยาระดับสี่อย่างนั้นรึ"