บทที่ 26 ที่มาของตระกูลเมิ่ง
ในสำนักเวิ่นเต๋ามีกิจการมากมาย กิน ดื่ม เล่น สนุก มีครบทุกอย่าง การบำเพ็ญเซียนไม่ใช่การปลีกวิเวก การฝึกฝนที่น่าเบื่อก็ไม่อาจเป็นเซียนได้ กิจการบันเทิงที่ควรมีก็มีครบ
อย่างเช่นหม้อไฟเสฉวนที่กล่าวถึงก่อนหน้า หรืออย่างหอไป๋เซียงที่ทั้งสามกำลังจะไป
ลู่หยางได้ยินว่าแต่ก่อนสำนักเวิ่นเต๋าไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่ก่อนการบำเพ็ญก็คือการบำเพ็ญ ไม่ยุ่งกับของไร้สาระพวกนี้ที่มีผลต่อจิตใจแสวงหาธรรมะ
ต่อมาเจ้าสำนักเก่าและผู้อาวุโสรุ่นก่อนเกษียณ เจ้าสำนักและผู้อาวุโสแปดท่านขึ้นดำรงตำแหน่ง สำนักเวิ่นเต๋าก็เปลี่ยนไปในทันที ส่งเสริมให้ทุกคนบำเพ็ญเมื่อควรบำเพ็ญ พักผ่อนเมื่อควรพักผ่อน ทำงานและพักผ่อนให้สมดุล
พูดตามพวกเขาคือ หากของพวกนี้มีผลต่อจิตใจแสวงหาธรรมะ แล้วจะบำเพ็ญเป็นเซียนบ้าอะไรกัน
ลู่หยางรู้สึกว่าบรรยากาศในสำนักเวิ่นเต๋าตอนนี้ไม่ถูกต้อง รอให้เขาเป็นผู้บริหารสำนักเวิ่นเต๋า จะต้องจัดการให้เรียบร้อย
ในหอไป๋เซียงเสียงคนดังอึกทึก ศิษย์สำนักเวิ่นเต๋าหลายคนหลังทำภารกิจเสร็จหรือเหนื่อยจากการฝึกฝน ล้วนชอบมารวมตัวกินข้าวที่นี่ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การฝึกฝน ประสบการณ์ทำภารกิจ เป็นต้น
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่รสชาติก็ดีกว่าโรงอาหารแล้ว
"เซี่ยวเอ้อ โต๊ะเก้าที่จองไว้ก่อน ตะเกียบสามชุด อาหารเอาตามที่สั่งไว้"
"ได้ขอรับ รอสักครู่นะขอรับ"
ขึ้นไปชั้นสอง กลิ่นอาหารจากโต๊ะอื่นลอยมา หอมฟุ้ง ทำให้น้ำลายไหล เจริญอาหารโดยไม่รู้ตัว
ลู่หยางจ้องเซี่ยวเอ้อครู่ใหญ่ รอจนเซี่ยวเอ้อหายไปที่บันไดถึงเลิกมอง เขาพบว่าตนเองมองไม่ออกแม้แต่ระดับวิชาของเซี่ยวเอ้อ
ลู่หยางและเถาเหยาเย่มองซ้ายมองขวา ต่างรู้สึกอยากรู้อยากเห็นที่นี่
ลู่หยางกินข้าวที่เขาประตูสวรรค์ เถาเหยาเย่ทำอาหารเองได้ จึงไม่เคยมาที่นี่
เมิ่งจิ่งโจวคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้มาก "ไม่เคยมาที่นี่สินะ ข้าบอกเจ้าเลย ที่นี่มีของอร่อยมากมาย มีแต่ของที่เจ้านึกไม่ถึง ไม่มีของที่เจ้ากินไม่ได้ ดูเมนูสิ"
ลู่หยางรับเมนูมา พอเปิดหน้าแรกก็ถูกเนื้อหาดึงดูดทันที
หน้าแรกไม่มีรายการอาหาร มีแต่คำเตือนที่เด่นชัดหนึ่งบรรทัด: ทางร้านขายแต่อาหารสำเร็จรูป ไม่ขายวัตถุดิบ โปรดเข้าใจ
หน้าที่สองถึงเป็นเรื่องจริง รายการอาหารมีราคาทั้งคะแนนบำเพ็ญและหินวิเศษ
"นึ่งสารภัยพิบัติสด สารแก่นแท้ของภัยพิบัติที่หลงเหลือจากการข้ามพิบัติของผู้บำเพ็ญ มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเข้าใจวิถีแห่งสายฟ้า"
"ช้างยักษ์เหวน้ำแข็งตุ๋น ช้างยักษ์เหวน้ำแข็งอาศัยในดินแดนเหนือสุดที่หนาวเย็น เป็นเผ่าพันธุ์ผู้ครองดินแดนเหนือสุด ช้างยักษ์เหวน้ำแข็งโตเต็มที่สามารถเหยียบธารน้ำแข็งแตก เผชิญหิมะถล่มโดยไม่ล้ม"
"ไข่เจียวมะเขือเทศ ทางร้านมีไข่ไก่ธรรมดา ไข่ไก่แปดสมบัติ ไข่ต้าเผิงปีกทอง และไข่อื่นๆ อีกหลายชนิด"
พอเห็นราคาแล้ว ลู่หยางอดทำเสียงจุ๊ไม่ได้ ของพวกนี้ชัดเจนว่าไม่ใช่สำหรับผู้บำเพ็ญขั้นสร้างฐานอย่างพวกเขากิน ผู้บำเพ็ญขั้นสร้างฐานก็ซื้อไม่ไหว
แต่ก็มีของที่เขาซื้อได้ อย่างเช่นยาอดอาหารผัดฉ่าอะไรพวกนี้
เห็นลู่หยางค่อยๆ ขมวดคิ้ว เถาเหยาเย่นึกว่าเขาตกใจราคา จึงถามพลางหัวเราะ "เป็นอะไรไป เจอปัญหาอะไรหรือ?"
"เจ้าดูสิ ความหมายของการอดอาหารคือการใช้ลมปราณสวรรค์และดินแทนการกินข้าว กินยาอดอาหารก็คือการอดอาหาร"
"ถูกต้อง" เถาเหยาเย่พยักหน้า
"งั้นเจ้าว่า กินยาอดอาหารผัดฉ่า นับว่ากินข้าวหรือนับว่าอดอาหาร?"
เถาเหยาเย่และเมิ่งจิ่งโจวต่างอึ้งไป แรกๆ รู้สึกว่าคำถามนี้แปลกประหลาด พอคิดละเอียด ก็รู้สึกว่าคำถามนี้ลึกซึ้งอย่างประหลาด
ทั้งสามเรียกเซี่ยวเอ้อมาถาม ถามว่ารู้คำตอบของคำถามนี้หรือไม่ เซี่ยวเอ้อก็ถูกถามจนอึ้ง
เขาทำงานมานาน ยังไม่เคยเจอลูกค้าถามคำถามแบบนี้
เป็นเพราะอาหารช้าจนเบื่อหรือ?
"ที่นี่ราคาไม่ถูก เจ้ามีคะแนนบำเพ็ญพอหรือไม่?" ลู่หยางไม่ได้คิดเรื่องยาอดอาหารมาก กลับกังวลว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร
เมิ่งจิ่งโจวทำภารกิจแค่สามครั้ง รวมแล้วก็ได้คะแนนบำเพ็ญไม่มาก
การเชิญตนเองและเถาเหยาเย่มากินใหญ่ แล้วสามคนช่วยกันล้างจานใช้หนี้ค่าอาหาร ดูเหมือนก็เป็นลักษณะนิสัยของเมิ่งจิ่งโจว
"ใช้คะแนนบำเพ็ญอะไรกัน ใช้หินวิเศษสิ" เมิ่งจิ่งโจวส่งเสียงคนรวย
เถาเหยาเย่มองลู่หยางอย่างประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงกังวลว่าตระกูลเมิ่งจะไม่มีเงิน "เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องตระกูลเมิ่งหรือ?"
ลู่หยางงุนงง "หรือว่าตระกูลเมิ่งของเมิ่งจิ่งโจวมีชื่อเสียงมาก?"
ดินแดงกลางกว้างใหญ่เพียงใด ผู้บำเพ็ญใช้ชีวิตทั้งชีวิตก็สำรวจไม่หมด ในนั้นมีตระกูลแซ่เมิ่งมากมาย ลู่หยางจะรู้ได้อย่างไรว่าตระกูลเมิ่งของเมิ่งจิ่งโจวคือตระกูลไหน
เขารู้จักเมิ่งจิ่งโจวมานาน ก็ไม่เคยได้ยินเมิ่งจิ่งโจวพูดถึงเรื่องตระกูลของเขา
ตอนที่เมิ่งจิ่งโจวมาทดสอบที่สำนักเวิ่นเต๋า แม้แต่ผู้อาวุโสมาเป็นเพื่อนสักคนก็ไม่มี ลู่หยางยังนึกว่าตระกูลของเขาตกอับ ต้องอาศัยเมิ่งจิ่งโจวที่มีรากฐานโสดกอบกู้ตระกูล
"ตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุด"
ม่านตาของลู่หยางหดเล็กลง ประหลาดใจมาก รู้แล้วว่าตระกูลเมิ่งของเมิ่งจิ่งโจวคือตระกูลไหน
มีตระกูลเมิ่งมากมาย แต่หากพูดถึงตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุด ก็ต้องเป็นตระกูลเมิ่งแห่งเมืองหลวง
"เป็นตระกูลเมิ่งแห่งเมืองหลวงที่เคยร่วมกับบรรพบุรุษฮ่องเต้เซี่ย สร้างราชวงศ์ต้าเซี่ยนั่นหรือ?!"
ลู่หยางตกใจจริงๆ ตระกูลเมิ่งแห่งเมืองหลวงมีที่มายิ่งใหญ่ เมื่อหนึ่งแสนปีก่อนบ้านเมืองวุ่นวาย มีคำกล่าวว่ายุควุ่นวายย่อมเกิดวีรบุรุษ บรรพบุรุษตระกูลเมิ่งและบรรพบุรุษฮ่องเต้เซี่ยก่อการลุกฮือ รบพุ่งทั่วหล้า สร้างเรื่องราวตำนานที่เล่าขานกันมาจนถึงทุกวันนี้
เรื่องราวยังคงแพร่หลายในหมู่นักเล่านิทานตามโรงน้ำชาและบนเวทีละคร ไม่เสื่อมคลาย
เมื่อหนึ่งแสนปีก่อน ราชวงศ์ก่อนเผชิญปัญหาทั้งภายในและภายนอก แตกสลาย เป็นจุดเริ่มต้นของยุควุ่นวาย ปีศาจป่าเถื่อนและสัตว์ทะเลออกจากดินแดนของตน หมายจะแบ่งดินแดนกลางที่อุดมด้วยผู้มีพรสวรรค์และภูมิประเทศวิเศษ
บรรพบุรุษตระกูลเมิ่งลุกขึ้นจากดินแดนบรรพบุรุษทางตะวันออก รบพุ่งตะวันออกตะวันตก เดินทัพไปนับหมื่นหมื่นลี้ ฆ่าจนปีศาจป่าเถื่อนหนีไปเขตปีศาจ สัตว์ทะเลหลบกลับทะเลบูรพา ขุนศึกกบฏและวีรบุรุษทั้งหลายยอมก้มหัวให้
บรรพบุรุษตระกูลเมิ่งนำทัพผ่านพันปี รบชนะครึ่งดินแดนกลาง เป็นหนึ่งในสองผู้ครองโลก
อีกผู้ครองโลกคือบรรพบุรุษฮ่องเต้เซี่ย
บรรพบุรุษฮ่องเต้เซี่ยก็ขับไล่ปีศาจป่าเถื่อน จบยุควุ่นวาย ปกครองอีกครึ่งแผ่นดิน ความดีความชอบของทั้งสองยากจะแยกว่าใครสูงใครต่ำ
ตอนนั้นผู้คนต่างคิดว่าผู้ครองโลกทั้งสองจะแบ่งดินแดนกลางคนละครึ่งปกครอง หรือไม่ก็ทำสงครามแย่งชิงใต้หล้า
ผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์เริ่มคาดการณ์สงคราม วิเคราะห์ว่าฝ่ายใดได้เปรียบ อีกฝ่ายจะใช้จุดอ่อนเอาชนะจุดแข็งอย่างไร
สิ่งที่ผู้คนคาดไม่ถึงคือ บรรพบุรุษตระกูลเมิ่งและบรรพบุรุษฮ่องเต้เซี่ยต่างเห็นว่า ดินแดนวุ่นวายมาพันปีแล้ว ผู้คนตายเป็นเบือ เลือดท่วมแผ่นดิน เป็นภาพนรก หากรบต่อไป ไม่รู้จะวุ่นวายอีกกี่ปี ถึงตอนนั้นจะมีคนตายอีกเท่าไหร่
พวกเขารบพุ่งทั่วหล้าเพื่อคืนความสงบสุขให้แผ่นดิน ไม่ใช่เพื่อบัลลังก์ราชวงศ์
ดังนั้นบรรพบุรุษตระกูลเมิ่งและบรรพบุรุษฮ่องเต้เซี่ยจึงสละกองทัพ ประลองกันในฐานะผู้บำเพ็ญในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้ฟ้าดินแยก ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์มืดมิด ดาวใหญ่ตกลงมา สุดท้ายบรรพบุรุษฮ่องเต้เซี่ยมีวิชาเหนือกว่าเล็กน้อย เป็นผู้ชนะในที่สุด
บรรพบุรุษตระกูลเมิ่งยอมรับการพนัน ยกตำแหน่งให้
ตอนนั้นบรรพบุรุษฮ่องเต้เซี่ยประกาศต่อสาธารณะว่า ตราบใดที่ราชวงศ์ต้าเซี่ยยังอยู่ ตระกูลเมิ่งก็จะไม่มีวันสูญสิ้น
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น หลังก่อตั้งราชวงศ์ต้าเซี่ย ตระกูลเมิ่งตั้งรกรากในเมืองหลวง ไม่เคยถูกกดขี่