บทที่ 25 โอสถชั้นสาม
จินเป่าเอ๋อหันไปมองหลี่ไป่ลั่วพร้อมกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงแฝงความรู้สึกซาบซึ้ง
"ขอบคุณท่านประมุขหลีมากเจ้าค่ะ!" เมื่อได้ยิน หลี่ไป่ลั่วก็หัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี
"เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้นี่ฉลาดใช้ได้ แถมยังอาศัยบารมีของข้าอีก พรสวรรค์ก็ดี เอาเถอะ เจ้าไม่ได้ตาถั่วที่มีสหายดี!"
หลี่ชิงจิ่วได้ยินคำชมจากบิดาของเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจทันที ทำตัวเหมือนว่าเป็นคนที่ได้รับคำชมด้านพรสวรรค์เสียเอง
ทันใดนั้นก็ปรากฏเงาร่างสีขาวเดินออกมาจากฝูงชน
“ศิษย์น้อง เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่ เป็นเพราะศิษย์พี่คนนี้มีพลังไม่พอถึงช่วยเจ้าไม่ได้ ข้าเป็นห่วงเจ้ามากจริงๆ โชคดีที่มีท่านประมุขหลี่มาช่วย ข้านำโอสถฟื้นฟูวิญญาณมาให้ รีบรับไปกินเถิด เผื่อว่าบาดแผลของเจ้าจะหายไวขึ้น”
เสียงอ่อนโยนของหญิงสาวดึงความสนใจจากหลายคน ใบหน้าเล็กสวยงามของนางแสดงความห่วงใยและเจ็บปวด ราวกับว่าเป็นนางเองที่ได้รับบาดเจ็บ ใครที่ไม่รู้คงคิดว่านางกับจินเป่าเอ๋อสนิทสนมกันมาก
ซูเซียนจือที่เลือกปรากฏตัวตอนนี้ก็เพื่อดึงความสนใจจากหลี่ไป่ลั่ว ผู้เป็นถึงประมุขชื่อดังแห่งสำนักหลงหู อีกทั้งยังเพื่อแสดงความมีน้ำใจของตนเอง เพราะทุกคนที่นี่ล้วนรู้ว่าจินเป่าเอ๋อเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับนาง อีกทั้งนางยังรู้อยู่แก่ใจว่าจินเป่าเอ๋อไม่ชอบนาง และย่อมไม่รับโอสถจากนางแน่ หวังว่านางจะสบถด่าหรือกล่าววาจาเสียดสี ก็จะยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ชอบจินเป่าเอ๋อมากขึ้น
คาดไม่ถึงเลยว่า วินาทีต่อมาโอสถในมือนางกลับหายไป! จินเป่าเอ๋อหยิบโอสถฟื้นฟูวิญญาณทั้งสามเม็ดจากขวดมาทานอย่างไม่เกรงใจ
ท่าทีของซูเซียนจือถึงกับสะดุด รอยยิ้มที่มุมปากนางเกือบจะหายไป
จินเป่าเอ๋อกลับยิ้มอย่างปลอบโยน
"ศิษย์พี่ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก ข้าไม่ถือโทษเจ้าหรอกที่ไม่ได้ช่วยข้าออกมา ก็เจ้ามีพลังเพียงระดับหลอมปราณขั้นต้น แค่โผล่มาก็เหมือนไปตายเปล่าแล้ว ไม่ต้องห่วงเลย อีกอย่างหลีชิงจิ่วก็ช่วยข้าได้แล้ว แม้เขาจะเพิ่งถึงจุดสูงสุดของระดับหลอมปราณก็ตาม แต่ว่าเจ้าก็มีน้ำใจนะ โอสถฟื้นฟูวิญญาณนี้ เซียนจุนเป็นผู้ให้สินะ ข้าขอโทษนะที่ทานไปหมดแล้ว ขอบคุณเจ้ามากนะศิษย์พี่!"
คำพูดของนางทำให้ซูเซียนจือหน้าเปลี่ยนสีทันที ความหมายในวาจาเจ็บแสบชัดเจน นางตั้งใจพูดให้ซูเซียนจือดูเหมือนเป็นคนขี้ขลาด กลัวตาย พลังอ่อนด้อย และยังด้อยค่ากว่าคนที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่เดือน
ที่สำคัญโอสถฟื้นฟูวิญญาณทั้งสามเม็ดนั้นที่นางเพิ่งกล้ำกลืนทานเข้าไปเป็นของที่ซูเซียนจือเองยังเสียดาย ไม่เคยกล้าทานเองเสียด้วยซ้ำ!
ในโลกแห่งการบำเพ็ญตบะ ยาเม็ดทรงพลังมีผู้ปรุงน้อยมาก โอสถฟื้นฟูวิญญาณเป็นยาเม็ดขั้นห้า ซูเซียนจือต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้รับมาจากเซียนจุน แต่ตอนนี้กลับถูกจินเป่าเอ๋อทานรวดเดียวหมด! นางพยายามข่มใจสุดฤทธิ์ไม่ให้กระโจนเข้าไปฉีกทึ้งจินเป่าเอ๋อออกเป็นชิ้นๆ
แต่เวลานี้ นางก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มเท่านั้น
“ไม่เป็นไร ขอเพียงศิษย์น้องปลอดภัย ข้า…”
ไม่ทันที่ซูเซียนจือจะกล่าวจบ จินเป่าเอ๋อก็ลุกขึ้นยืนทันที หลังจากกินโอสถฟื้นฟูวิญญาณสามเม็ดเข้าไป นางรู้สึกดีขึ้นมาก อวัยวะภายในก็เริ่มซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว “ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องพักฟื้น ศิษย์พี่รีบกลับไปเถอะ อย่าทำให้ท่านเซียนจุนเป็นห่วงเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นจินเป่าเอ๋อเตรียมจะจากไป ซูเซียนจือที่ยังไม่ได้บรรลุเป้าหมายก็รีบจะเข้าไปขัดขวาง แต่หลี่ชิงจิ่วกลับคว้ามือจินเป่าเอ๋อไว้ก่อน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง! “ศิษย์น้องหรือ เจ้า...เจ้าเป็นผู้หญิงหรือ”
จินเป่าเอ๋อพยักหน้าแล้วหันไปมองหลี่ไป่ลั่ว “ข้าปลอมตัวเป็นชายเพื่อออกมาฝึกฝน ท่านประมุขหลี่อย่าได้เข้าใจผิดเจ้าค่ะ”
หลี่ไป่ลั่วพยักหน้า ในฐานะผู้บำเพ็ญตบะขั้นสูง เขาสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าจินเป่าเอ๋อเป็นผู้หญิง มิหนำซ้ำชื่อของนางยังฟังดูเป็นชื่อหญิงสาวชัดเจน เพียงแต่มีแต่เจ้าลูกชายของเขานี่แหละที่ดูไม่ออก
หลี่ชิงจิ่วทำหน้าเหมือนถูกตบหน้าเข้าเต็มแรง ท่าทางนี้ทำให้หลี่ไป่ลั่วอดจะชื่นใจไม่ได้ ดูซิ เจ้าลูกชายของข้าก็มีวันนี้เหมือนกัน! จากนั้นเขาก็สะบัดมือด้วยท่าทีใจกว้าง “ในเมื่อเจ้าต้องการพักฟื้น มาพักที่สำนักหลงหูของข้าสักสองสามวันเถิด ถือเสียว่าเป็นการขอบคุณที่เจ้าได้ช่วยดูแลเจ้าลูกชายคนนี้”
จินเป่าเอ๋อพยักหน้า นางเองก็ไม่ได้มีที่พักพิงใดๆ
ในตอนนี้ อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี การออกไปฝึกฝนต่ออาจเกิดอันตรายได้ ที่สำคัญยังมีโหมกั่นเอี๋ยนคอยตามติด การไปพักที่สำนักหลงหูจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
ซูเซียนจือไม่ต้องการให้จินเป่าเอ๋อจากไปง่ายๆ จึงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนและแสนเชื่อง
“ท่านคือท่านประมุขหลี่สินะเจ้าคะ ข้าน้อยซูเซียนจือ ศิษย์จากสำนักเพียวเมี่ยวภายใต้การสอนของเซียนจุนโหลวหยุน ศิษย์น้องโชคดีได้พบกับท่าน ถือเป็นวาสนาของนาง ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะที่ช่วยไว้เมื่อครู่” ท่าทางที่อ่อนน้อมสุภาพนี้ ทำให้ใครที่มองต่างคิดว่านางห่วงใยจินเป่าเอ๋อมาก
หลี่ไป่ลั่วได้ยินจึงหันไปมองจินเป่าเอ๋อก่อนจะหันไปมองซูเซียนจือด้วยสีหน้าแปลกใจ “เจ้าคือศิษย์ของเซียนจุนโหลวหยุนหรือ”
ซูเซียนจือพยักหน้า ความภาคภูมิใจฉายชัดในแววตา แต่ทันใดนั้นหลี่ไป่ลั่วกลับเผยสีหน้าเข้าใจทุกอย่างขึ้นมา
“อ้อ…มิน่าล่ะ! ข้าถึงว่า เจ้ามีพลังอ่อนกว่าเจ้าหนุ่มจินเป่าเอ๋อ แต่กลับเรียกศิษย์น้องไม่ขาดปาก ที่แท้ก็เพราะอาจารย์ของเจ้าเป็นผู้มีเกียรติสูงส่งนี่เอง!”
“พรวด!” ขณะที่ซูเซียนจือมีรอยยิ้มฝืนๆ บนใบหน้า หลี่ชิงจิ่วกลับระเบิดหัวเราะออกมา
“ท่านพ่อ ท่านก็ยังพูดจาขวานผ่าซากเหมือนเดิม! ฮ่าๆ!”
ซูเซียนจือรู้สึกอับอายสุดขีด แต่ไม่มีใครออกตัวช่วยนางเลย จูผิงชวนและอันเจ๋อหลินก็ไม่กล้าเอ่ยปาก เพราะไม่เพียงอีกฝ่ายเป็นถึงประมุขหลงหู แต่ยังเป็นผู้บำเพ็ญขั้นสูง ทำให้พวกเขาได้แต่ยืนมองจินเป่าเอ๋อขึ้นยานบินของสำนักหลงหูจากไป
หลังเดินทางด้วยยานบินเป็นเวลาสามวัน ในที่สุดพวกเขาก็ถึงสำนักหลงหู
จินเป่าเอ๋อถูกจัดให้อยู่ในห้องพักสำหรับแขก และพักผ่อนอยู่นานถึงหนึ่งเดือนเต็ม
ในระหว่างที่พักฟื้น ลูกสัตว์ตัวน้อยที่คลอดก่อนกำหนดนั้นยังคงหลับใหลอยู่เสมอ นางจึงได้มีเวลาเรียนรู้การปรุงยาและทำยันต์ รวมถึงฟื้นฟูร่างกาย จนกระทั่งพลังตบะขยับขึ้นสู่ขั้นสูงสุดของระดับหลอมปราณ เมื่อถึงเวลาต้องเสริมรากฐาน นางจึงหยุดพัก
“ชิ…แค่ผู้บำเพ็ญขั้นกลางก็ทำให้เจ้าบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ ยังจะมาพูดว่าอยากหาพลังข้าคืนอีก!” เสียงเยาะเย้ยต่ำๆดังขึ้น
จินเป่าเอ๋อลืมตาขึ้นด้วยความตกใจและรู้สึกทำอะไรไม่ถูก “ท่านอาวุโส ข้าจะตั้งใจฝึกฝน ข้าจะพยายามจนกว่าจะสามารถหาพลังของท่านคืนได้เจ้าค่ะ”
สิ่งที่ตอบกลับจินเป่าเอ๋อเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูก… ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งเดือนก่อน ขณะที่นางกำลังจดจ่ออยู่กับการปรุงยา ตำรับที่นางกำลังปรุงในครั้งนี้คือโอสถถานหนิงซึ่งเป็นโอสถชั้นสาม หลังจากที่นางได้รับการยอมรับและทำสัญญากับคฤหาสน์เซียนฝู่ นางก็ได้รู้ว่าทั้งมิติแห่งนี้แท้จริงแล้วเป็นของเซียนฝู่ และวิธีเดียวที่จะกลายเป็นเจ้าของแท้จริงก็คือการได้รับการยอมรับจากไข่ทองคำของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ "นกฟีนิกซ์ทองคำ" (จินหวง)
เพราะการที่ลูกสัตว์ตัวน้อยทำสัญญากับนางโดยบังเอิญเช่นนี้ จินเป่าเอ๋อจึงกลายเป็นเจ้าของเซียนฝู่ที่แท้จริง!
ภายในเซียนฝู่ สัตว์อสูรทั้งหลายถูกปล่อยเป็นอิสระ และทุ่งดอกไม้แห่งนี้ก็กลายเป็นของนาง มีพืชสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์หลากหลายชนิดมากมายจนไม่สามารถนับได้ ซึ่งเปิดโอกาสให้นางสามารถปรุงยาชั้นสูงได้อย่างฟุ่มเฟือย!
พร้อมกันนั้น นางยังได้บอกความจริงให้ผู้เฒ่าลึกลับท่านนั้นทราบว่า นางได้ทำสัญญากับเขาไว้และต้องหาวิธีเรียกพลังคืนให้เขา แม้ว่าเขาจะไม่ถามถึงเหตุผล จินเป่าเอ๋อก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมเช่นกัน
ขณะที่นางเกือบจะทำให้เตาหลอมระเบิด เสียงแนะนำที่เต็มไปด้วยความรังเกียจก็ดังขึ้นในหัวของนางอีกครั้ง
“ไฟแรงเกินไป ปิดช่องลมด้านขวา เพิ่ม(มู่หลิงฮวา) อีกหนึ่งต้น!”
จินเป่าเอ๋อรีบทำตามคำแนะนำของเขาแทบจะทันที โชคดีที่โอสถถูกหลอมสำเร็จได้ในที่สุด! นางมองดูโอสถสีขาวสะอาดซึ่งแผ่พลังวิญญาณอยู่ในมือ นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก นี่คือโอสถชั้นสาม!!